“ทำไมคุณพีรพงศ์ไม่ยกทรัพย์สมบัติให้ลูกสาวเลยล่ะคะ” นักข่าวเอ่ยถาม
“ก็เพราะว่าพัดชาน่ะเหลวแหลก เธอเที่ยวเตร่เอาแต่ใช้เงิน นี่ก็หนีไปอยู่กับผู้ชายน่ะค่ะ คุณพีร์เขากลัวว่าทรัพย์สมบัติที่เพียรสร้างมาจะหมดไปเพราะลูกสาวที่ไม่เอาไหน เลยยกให้ดิฉันดูแล แต่ดิฉันก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำกับลูกเลี้ยงหรอกค่ะ จะดูแลเอาไว้ให้หนูพัดชานั่นแหละค่ะ ให้แกปรับปรุงตัวเองและเรียนให้จบเสียก่อน”
“คุณดวงดาวนี่เป็นคนดีจังเลยนะครับ” นักข่าวหันไปคุยกัน สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างสมใจ
“มีข่าวว่าคุณดาราแย่งคู่หมั้นของน้องสาวจริงไหมคะ” มีนักข่าวคนหนึ่งเอ่ยถามออกมา
“เอาที่ไหนมาพูดคะ ใครจะกล้าไปทำแบบนั้นกันล่ะคะ คนเราไปกันไม่รอดก็ต้องเลิกรากันไปจริงไหมคะ” ดารายิ้มหวานตอบสื่อ อาจเพราะตอนนี้เธอเพิ่งเข้าวงการ และเป็นดาราดาวรุ่ง จึงมีสื่อสนใจเป็นจำนวนมาก
แล้วภาพบางอย่างที่หน้าจอด้านหลังก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพที่ดารามีสัมพันธ์สวาทกับนรินทร์ อีกทั้งยังคุยกันเรื่องแผนการทุกอย่างอีก
“ปิดเดี๋ยวนี้นะ ไม่จริง นี่มันภาพตัดต่อ เพราะสมบัติทุกอย่างได้คุณแม่ คนก็เลยอิจฉาหาเรื่องใส่ร้าย” ดารากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ภาพบนหน้าจอขนาดใหญ่ไม่ได้หยุดลง เพราะมีภาพดาราสาวไปนอนกับดาราชายคนอื่นด้วย
“นังแพศยานี่แกกล้านอกใจไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอ” นรินทร์เห็นแล้วโกรธจนฟิวส์ขาด
“เรื่องราวมันเป็นยังไงคะคุณนรินทร์”
“พี่นรินทร์มีสติหน่อยสิ” ดาราเอ่ยถามปากคอสั่น
“เธอมันสำส่อนไม่เหมือนกับพัดชา นังผู้หญิงสารเลว” นรินทร์ขาดสติตรงเข้าตบหน้าของดาราจนหน้าหัน
“โอ๊ย! เจ็บนะพี่นรินทร์ พี่มันจืดชืด ใครจะอยากเอามาเป็นผัวกัน ถ้าไม่เพราะพี่รวยฉันไม่เอาพี่หรอก” ดาราพูดด้วยความโมโห
“พอแล้ว จะไปกันใหญ่แล้ว แกกับผัวแกเลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ดวงดาวเอ่ยห้ามบุตรสาว
“ได้ข่าวว่าคุณนรินทร์กำลังหมดตัว เป็นหนี้จนเจ้าหนี้กำลังจะยึดบ้าน จริงหรือเปล่าคะ” นักข่าวสาวที่ถูกจ้างมาก็คือคนของปริญนั่นเอง เอ่ยถามออกไปจนนรินทร์หน้าซีดเผือด
“นี่พี่กำลังหมดตัวอย่างนั้นเหรอ ที่มาคบกับฉันเพราะอยากได้เงินอย่างนั้นเหรอ ไอ้กระจอกเอ๊ย” ดาราด่าทอออกสื่อด้วยความโมโห เจ็บใจนัก
“เออ หมดตัวแล้วทำไม ก็มึงแร่มานอนกับกูเอง”
“เราเลิกกัน”
“ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ กูลงทุนลงแรงกับมึงไปเท่าไหร่แล้ว”
พัดชากับปริญเดินเข้ามา ทำให้นักข่าวถ่ายรูปกันใหญ่
“นังแพศยาแกมาได้ยังไง” ดาราด่าทอเมื่อเห็นว่าพัดชาเดินเข้ามา
“พี่กับแม่ปลอมพินัยกรรมขึ้นมา ควรไปอยู่ในคุกได้แล้ว” พัดชาพูดเสียงเฉียบ
คราแรกที่ไปเจอกับทนายสมชายนั้นเหมือนท่านจะสิ้นใจ แต่พอพาไปส่งโรงพยาบาล หมอปั๊มหัวใจและล้างท้องก็ปรากฏว่าท่านฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านเอาพินัยกรรมฉบับจริงออกมา แล้วก็ให้ปริญไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นกล้องขนาดเล็กที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในบ้านมาดู เพราะกล้องตัวอื่นโดนนรินทร์ทำลายหลักฐานไปหมดแล้ว จึงได้เห็นการกระทำของสองแม่ลูกทุกอย่าง
ความจริงจะเอาผิดสองแม่ลูกและนรินทร์ได้เลย แต่ปริญยังปล่อยให้คนทั้งสามไปให้สุด จะได้มีคดีเพิ่มมาอีกคดีคือปลอมแปลงพินัยกรรม
“พัดชาพูดจริงทุกอย่าง คนที่ได้ทรัพย์สมบัติคือพัดชา อีสองแม่ลูกนี่อิจฉา อยากได้สมบัติของพัดชาเลยปลอมพินัยกรรมขึ้นมา” นรินทร์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบทำเป็นเข้าข้างพัดชา เปิดโปงสองแม่ลูกซะ
“ไม่จริง พอรู้ว่าจะเกาะฉันกับแม่ไม่ได้แกก็เปลี่ยนสีเลยนะ ทนายเดชาตรวจสอบแล้วพินัยกรรมนั่นจริง” ดาราเถียงคอเป็นเอ็น พอหันไป ทนายเดชาก็ทำท่าจะหนี แต่ตำรวจบุกเข้ามาจับตัวเอาไว้เสียก่อน
“นี่ปล่อยนะ” ทนายเดชาโวยวายเสียงดังลั่น
“ทนายคนนี้น่ะโดนหมายจับของทางตำรวจ ข้อหาฉ้อโกงหลายคดี เธอสองคนน่ะคงคิดว่าฉันตายไปแล้วถึงได้ไปจ้างทนายเลว ๆ คนนี้มาทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมา” ทนายสมชายที่นั่งรถเข็นเข้ามาทำให้ทุกคนตกใจ
“แก แกตายแล้วนี่นา” สองแม่ลูกตกใจแทบช็อก
“งานศพนั่นเป็นงานศพปลอม ๆ ที่คุณปริญเขาช่วยจัดการให้ ไม่อย่างนั้นเธอสองคนจะตายใจอย่างนั้นเหรอ คุณพีรพงศ์น่ะเขารู้ว่าใครเป็นยังไง เขาเลยให้ฉันทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา นี่คือฉบับจริง” ทนายสมบัติพูดขึ้นก่อนจะชูมันขึ้นเหนือศีรษะ
“แกโกหก”
“คุณโกงเงินบริษัทไป คุณพีรพงศ์รู้แต่เพราะรักคุณเลยไม่เอาผิด แต่คุณก็ยังทำผิดซ้ำซากไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง ก็ต้องไปอยู่ในคุก”
“เอามานี่นะ” ดวงดาวกับดาราตรงเข้าไปจะไปแย่งพินัยกรรมฉบับนั้น แต่ตำรวจเข้าล็อกตัวเอาไว้เสียก่อน
“น้องพัด พี่ช่วยบอกความจริงกับทุกคนแล้ว น้องพัดอย่าเอาเรื่องพี่เลยนะ พี่รักน้องพัดนะ พี่แค่หลงผิดชั่วคราวเท่านั้น” นรินทร์คุกเข่าอ้อนวอนพัดชา แต่เธอถอยหนี
“คนเลว ๆ แบบพี่ โลภมากขึ้นขนาดฆ่าคน พี่ควรตามสองแม่ลูกแสนเลวนั่นไปอยู่ในคุกค่ะ” พัดชาพูดเสียงเฉียบ