“คุณโอเคนะ กร...”
เมสันเอ่ยถามกรแก้วที่นั่งสัปหงกมาในรถด้วยความเป็นห่วง เพราะหลังจากกินข้าวด้วยกันแล้ว หญิงสาวก็มีอาการง่วงนอนจนผิดสังเกต
“ก็...โอเคค่ะ แต่กรง่วงมากเลย ตาจะปิดให้ได้”
เมสันเหลือบตามองนาฬิกาที่หน้าปัดรถยนต์หรู “นี่ก็ยังไม่ดึก แค่สองทุ่มกว่าๆ ทำไมกรง่วงนอนเร็วจัง”
“สงสัยเพราะกรอดหลับอดนอนติดต่อกันมาหลายวันมั้งคะ ก็อย่างที่คุณรู้นั่นแหละค่ะไมค์ กรมีคนไข้เยอะมาก ตรวจทั้งวันข้าวแทบไม่ได้กิน วันนี้น่าจะน็อก...”
“แล้วนี่คุณจะขับรถไหวหรือครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“กรไหวค่ะ”
“ผมว่าให้ผมขับไปส่งที่โรงแรมดีกว่า คุณจองโรงแรมไหนไว้หรือกร”
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ยกมือขึ้นปิดปากหาวนับครั้งไม่ถ้วน แสดงอาการง่วงนอนออกมาเต็มที่
“กรมากะทันหันเลยยังไม่ได้จองโรงแรมเอาไว้ค่ะ แต่กรคิดว่าน่าจะพอขับรถวนหาได้ค่ะ”
“แต่ผมดูสภาพคุณแล้ว คงไม่น่าจะขับรถได้ด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มตัดสินใจหักพวงมาลัยรถตีไฟเลี้ยวเข้าเลนขวาสุดเพื่อที่จะยูเทิร์นกลับไปบ้านของตัวเอง
“ผมว่าคืนนี้พักที่บ้านผมสักคืนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมติดต่อหาโรงแรมของนายมิกให้”
กรแก้วแทบซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
“เอ่อ...ขอบ...ขอบคุณมากนะคะไมค์...แต่กรเกรงใจคุณจังเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ บ้านผมมีหลายห้องนอนที่ว่าง”
“แต่กรไม่อยากรบกวนคุณนี่คะ”
“เราเป็นเพื่อนกัน อย่าคิดมากเลยครับ”
คำว่า ‘เพื่อน’ พูดแค่เบาๆ หล่อนก็เจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจ แต่กระนั้นก็พยายามที่จะยิ้ม
“ขอบคุณค่ะไมค์”
“ด้วยความยินดีครับ”
ซูเปอร์คาร์ราคาแพงสมฐานะอันรวยล้นฟ้าของเมสันแล่นไปบนท้องถนนด้วยความเร็วคงที่ ไม่นานก็มาถึงคฤหาสน์หลังงามราคาหลายร้อยล้าน
ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม...สวยงามราวกับสวรรค์บนดิน ยิ่งยามกลางคืนและเปิดไฟสว่างแบบนี้ ก็ยิ่งงดงามจับตาเป็นที่สุด หล่อนที่ก้าวลงมายืนนอกรถ อดที่จะมองอย่างชื่นชมและอยากย้ายเข้ามาอยู่ในสวรรค์แห่งนี้อย่างถาวรไม่ได้
“ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะคะ”
เมื่อก่อนตอนที่ญาญ่ายังไม่เสียชีวิต หล่อนเคยมาพักที่นี่สองสามครั้งได้
“ยังไม่ได้สร้างใหม่นี่ครับ”
เมสันก้าวลงจากรถมายืนข้างๆ
“แหม ดูพูดเข้า...ว่าแต่แม่สาวใช้คนที่หน้าตาสวยๆ ยังทำงานอยู่ที่นี่ไหมคะ”
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเมสันจืดจางลงเหลือไว้แต่ความเย็นชา กรแก้วมองตามสายตาคมกริบไป ก็เห็นว่าแม่สาวใช้คนที่หล่อนพูดถึงกำลังเดินปิดหน้าต่างอยู่ภายในตัวตึกใหญ่
“อ๋อ...ยังอยู่นี่คะ”
“ครับ”
เมสันก้าวเท้าเข้าไปข้างใน กรแก้วรีบเดินตามไปติดๆ
“นี่ถ้าเป็นกร...กรคงไม่มีหน้าทำงานที่นี่ต่ออีกหรอกค่ะ หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น” กรแก้วหมายถึงอุบัติเหตุในวันนั้นที่ทำให้ญาญ่าต้องมาจบชีวิตลง
“คนมันหน้าด้าน ยังไงมันก็ยังจะอยู่ต่อไปนั่นแหละ”
เมสันขบกรามแน่นจนสันกรามปูดเป่ง เขาเดินมาหยุดภายในบ้าน และเค้นเสียงเรียกลัลดา
“มานี่ซิ”
ลัลดาเห็นเมสันกลับมาแล้วก็จะรีบปลีกตัวหนี แต่ไม่ทันการเสียแล้ว
“เอ่อ...คุณเมสันมีอะไรจะให้ลัลรับใช้เหรอคะ”
ลัลดาจำต้องเดินก้มหน้าตัวสั่นมาหยุดตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มที่ตัวเองแอบรักมาเนิ่นนาน
“มืดๆ ค่ำๆ มาเดินอ่อยใครในบ้านฉันอีกล่ะ”
หล่อนตกใจกับคำสบประมาทของเขาเป็นที่สุด เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา น้ำตาซึม
“ลัล...มาปิดหน้าต่างค่ะ กลัวฝนตกแบบเมื่อคืนอีก”
“ก็ไม่เห็นจะมีเค้าฝนเลยนี่”
ชายหนุ่มไม่มีวี่แววว่าจะเชื่อ
“พี่น้องของฉันทุกคนก็แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดแล้ว เธอเลิกหวังจะได้เป็นคุณนายมาเลซาสโซเสียทีเถอะ”
“ตายแล้ว ไมค์...ทำไมพูดกับเธอแบบนี้ล่ะคะ”
กรแก้วแตะมือลงบนต้นแขนของเมสัน
“เธอน้ำตาไหลแล้วเนี่ย ปกติคุณไม่ได้เป็นคนใจจืดใจดำแบบนี้นี่นา”
เมสันขบกรามแน่น “ผมจะร้ายก็เฉพาะกับผู้หญิงร้อยเล่ห์จอมมารยาเท่านั้นแหละกร”
“แหม ไมค์คะ คุณก็พูดเข้า กรไม่เห็นคนใช้ของคุณทำอะไรผิดเลยนะคะ”
กรแก้วเสแสร้งเป็นคนดีสุดความสามารถ
“ความผิดน่ะมันแปะหราอยู่บนหน้าผากของแม่นี่ตัวเบ้อเริ่ม ผู้หญิงใจดีอย่างคุณมองไม่เห็นมันหรอก ต้องผมนี่ถึงจะตามมารยาของผู้หญิงคนนี้ทัน”
ลัลดาน้ำตาร่วงอาบแก้ม รีบยกมือขึ้นป้ายทิ้ง เจ็บปวดเหลือเกินกับวาจาร้ายกาจของเมสัน
“ถ้า...คุณไมค์ไม่มีอะไรจะให้ลัลรับใช้ ลัลขอตัวไปปิดหน้าต่างต่อนะคะ จะได้รีบไปให้พ้นหูพ้นตาคุณไมค์กับ...คนรัก”
“กรเป็นเพื่อนของฉัน”
เขาตวาดใส่หน้าลัลดา และก็ทำให้กรแก้วที่กำลังยิ้มรับฐานะของตัวเองที่ลัลดาพูดออกมาต้องหุบยิ้มลงในทันที
“พาคุณกรไปพักบนห้องรับแขก และดูแลให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่องเชียวนะ”
“ค่ะ”
ลัลดาตอบรับเสียงเบาหวิว
เมสันหันไปหากรแก้ว
“ตามสบายนะกร ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้า”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะไมค์”
“ราตรีสวัสดิ์ครับกร”
เขายิ้มให้กับคนที่เขาคิดเสมอว่าคือเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปปรายตามองลัลดาอีกครั้ง ซึ่งโชคร้ายที่หล่อนมองเขาอยู่พอดี ร่างสาวจึงถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมจากไฟในดวงตาคมกริบ
“ทำให้เรียบร้อยล่ะ”