หญิงสาวเดินเข้าบ้านและขึ้นไปบนห้องนอนตัวเองเลยเพราะรู้สึกล้าเต็มที ช่วงนี้เธอต้องออกงานในสวนผักบ่อยมาก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิมของการเกษตรแบบผสมที่พ่อเธอทำมันอยู่ทุกวันดูเหนื่อยล้าจริงๆ ยามต้องลงสนามไปทำเองบ้าง
ประตูถูกเปิดออกและปิดลงเมื่อเจ้าของห้องก้าวเข้ามาอย่างเต็มตัว หญิงสาวบิดขี้เกียจและใช้มือทุบตรงต้นคอเบาๆ เป็นการผ่อนคลาย และเดินไปเปิดสวิตช์ไฟ
“อุ๊ย...อื้อ...”
“พี่เอง...สัญญานะว่าจะเงียบ” หญิงสาวที่ถูกจับล็อกมือและปิดปากด้วยมือใหญ่หนาพยักหน้าหงึกๆ เมื่อรู้ว่าคนร้ายที่จู่โจมเธอเป็นใคร
“นี่แน่ะ...ไอ้คนบ้า!!” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นทุบไปยังชายหนุ่มในชุดนอนไม่ยั้ง เขาไม่ได้เจ็บหรอกแรงเท่ามดคันแค่นี้น่ะ แต่ก็ยังใช้มือกันไว้ป้องกันตัว
“พอแล้ว...จีนัสพี่เจ็บนะ พอก่อน!!”
“เข้ามาทำไม ทำอะไรบ้าๆ ฉันตกใจหมดเลยรู้ไหม ออกไปนะก่อนที่ฉันจะเรียกคุณพ่อคุณแม่ให้ขึ้นมาดู”
“ร้ายนัก...มานี่เลย” มือเรียวเล็กสองข้างถูกรวบเข้าหากันและตวัดเจ้าของให้เข้ามาอยู่ในกรงแขนของเขา รัดเธอไว้แน่นจนหายใจติดขัด
“ปล่อยนะ...คิดจะทำอะไรน่ะ”
“แค่มาคุย...” ใช่...เขาอยากคุยกับเธอ วันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้เห็นหน้าหวานๆ นี้เลยเพราะต้องพาคุ้มขวัญไปสมัคเรียนตั้งแต่เช้า กลับมาตอนค่ำก็ยังมาเห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าอีก เขาหักห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้วกับการต้องทนดูทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ไม่อยากให้เป็น
“จะคุยอะไรล่ะ ก็คุยกันแล้วตั้งแต่เมื่อวาน” คำตอบที่อยู่ในใจคือ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเรื่องใดสำคัญจะคุยด้วย จะบอกไปตรงๆ ว่าหึงโว๊ย!! คิดถึงโว๊ย!! ก็คงไม่ได้ ศิลาภินกลายเป็นคนปากหนักไปโดยปริยาย
“นี่คุณ...ฉันเจ็บนะปล่อยซะทีสิ” ชายหนุ่มรีบคลายวงแขนออก เมื่อสาวเจ้าโวยวายเขาไม่กลัวใครจะได้ยินหรอก ห้องนี้มันทึบมาก ขนาดตะโกนดังๆ ข้างนอกยังได้ยินแค่เสียงแว่วๆ เลย
“ไปรู้จักกับไอ้หมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“ใคร...คุณกิตติธัชกับพ่อเขาน่ะเหรอ” หญิงสาวถามย้อนกลับในขณะที่ตัวเธอยังถูกเขากอดไว้จากด้านหลัง แม้เขาจะคลายแขนออกไม่แน่นเหมือนในตอนแรกแต่เธอก็ยังขยับตัวไม่ได้อยู่ดี
“ยังจะมีใครอีก...ดูท่าสนิทกันจังเลยนะ” ศิลาภินขบกรามเข้าหากันอย่างหมั่นเขี้ยวทันที เผลอกอดร่างน้อยแน่นกว่าเจนเธอหันมามองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเนี่ย...ที่จะมาคุยก็แค่เรื่องนี้ใช่ไหมไร้สาระมาก คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนะไม่ละอายแก่ใจบ้างรึไง” “...” ชายหนุ่มนึกจุกกับคำนี้ขึ้นมาทันที เขาทำผิดอีกแล้วสินะผิดที่ไม่ยอมห้ามใจตัวเอง ผิดที่ไม่เคยหยุดรักเธอและอยากอยู่ข้างๆ เธอตลอดเวลา
“คุณทำอย่างนี้ทำไมอีก...มายุ่มย่ามอะไรกับฉันนักหนาเราจบกันไปตั้งนานแล้วจำไม่ได้รึไงและคุณก็เป็นคนเลือกให้มันจบเอง สิ่งที่คุณกำลังทำมันเหมือนยิ่งซ้ำเติมให้ฉันยิ่งจมดิ่งลงนรกเข้าไปทุกที คุณต้องการอะไรกันแน่อยากให้ฉันอยู่อย่างตายทั้งเป็นถึงจะพอใจใช่ไหม” “เปล่า...ไม่ใช่นะจีนัส โธ่...อย่าร้องไห้สิพี่ไม่คิดจะทำให้เธอเสียใจเลยนะ” ศิลาภินละล่ำละลักหมุนคนตัวเล็กให้หันหน้ามาทางเขาใจไม่ดีเลยเมื่อเสียงสะอื้นนั่นส่งผ่านเข้าหู
“ฉันรู้ว่าคุณหาเรื่องเขามาในห้อง ฉันไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ”
“ไม่...ไม่โง่จีนัสของพี่ไม่เคยโง่เลย”
“ไม่โง่แต่ถูกคนไว้ใจสองคนหลอกสวมเขาให้กินหญ้าจนแทบสำลักตาย อย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวจ้องตาเขา เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดอาย
“ฉันจะบอกให้รู้นะ ฉันกำลังจะคบกับคุณกิตติธัช เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ขนาดคุณพ่อยันยืนยันด้วยตัวเอง ฉันอยากไปจากตรงนี้คุณเข้าใจไหมฉันอยากลืม...”
“ไม่ได้นะ!! ทำอย่างนั้นไม่ได้นะจีนัส” ศิลาภินจับต้นแขนสองข้างของเธอเขย่าจนร่างบอบบางสั่นคลอน คำพูดของเธอมันทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า
“ทำไมจะไม่ได้...ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้มีใครและเขาเองก็ยังโสด บอกตรงๆ ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มชีวิตใหม่ได้แล้ว”
“แล้วพี่ล่ะ...จีนัสพี่ล่ะ เธอไม่รักพี่แล้วเหรอ”
เพี๊ยะ!! “หน้าด้านที่สุด คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้อายปากบ้างไหม” หญิงสาวสะบัดตัวและตวัดมือเข้าหาใบหน้าสุดแรงจนเขาหน้าหัน ก่อนจะต่อว่าตามซ้ำ “กล้าตบพี่เชียวเหรอจีนัส...” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะค่อยๆ หันมาทางหญิงสาวที่ยืนจ้องเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ทำไมต้องไม่กล้า ในเมื่อที่คุณทำกับฉันมันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ...ออกไปจากห้องนี้ได้แล้วก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับคุณจริงๆ”
“อยู่ใกล้พี่...เธอต้องทนฝืนใจมากใช่ไหม เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนพี่ยอมรับว่าผิด พี่ขอโทษจริงๆ จะให้ทำยังไงก็ยอม เธอรู้ไหมพอเธอไปต่างประเทศพี่กับจีนเราก็แยกกันอยู่และไม่เคยเกี่ยวข้องกันเลย...จนถึงทุกวันนี้พี่ก็ยังไม่เคยมีใครเลยนะ”
ชายหนุ่มสบตากับเธอหวังให้คำพูดซึมซับผ่านสายตาคู่นี้บอกให้เธอรู้ว่าเขามีความจริงใจแค่ไหน
“จะบอกว่าตลอดเวลามีแต่ฉันคนเดียว?”
“ใช่...พี่มีแต่เธอ”
“คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าทำให้ฉันเสียใจ อับอายผู้คนขนาดไหน ฉันอายเพื่อนฝูงญาติพี่น้องขายขี้หน้าชาวบ้านที่โง่ให้น้องแท้ๆ กับคนรักหลอกสวมเขาจนมีพยานเป็นเด็กนั่น ฉันอยู่กับคุณกับจีน ไว้ใจพวกคุณรักพวกคุณที่พวกคุณกลับตอนแทนฉันอย่างเจ็บปวดที่สุด คุณยังมีหน้ามาพูดว่ามีแต่ฉันอีกเหรอ” หญิงสาวตวาดใส่หน้าเขาทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ดวงตาของเธอฉายแววความเจ็บแค้นออกมาอย่างเด่นชัด มันทำให้เขาซึ่งถูกมองเจ็บแปลบจนแม้แต่น้ำลายก็กลืนไม่ลงด้วยความที่ความรู้สึกจุกอัดแน่นไปหมด
“...” ศิลาภินหมดคำพูดเขาไม่รู้จริง จะต้องสรรหาคำไหนมาเอ่ยเพื่อปลอบประโลมเธอ แม้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะสร้างความเจ็บปวดให้ทุกคนแต่ก็ยังอยากให้หญิงสาวเชื่อในความรักที่เขามีต่อเธอ มันคงยังเหมือนเดิมและยิ่งจะมีมากขึ้นทุกวันๆ “คุณเลือกที่จะออกไปจากชีวิตฉันเอง...อย่ากลับมาทำลายชีวิตที่ฉันตั้งจะเริ่มต้นใหม่อีกเลย”
“จีนัส...นี่คิดจะคบกับไอ้หมอนั่นจริงๆ เลยใช่ไหม”
“ใช่!!” จริงๆ แล้วไม่ใช่ แค่อยากให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอเสียที หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าเธอไม่อยากกลับไปจุดเดิมเพื่อให้ใครต่อใครดูถูกได้ว่าไม่มีปัญญาจะหา ต้องกลับมากินของเก่าที่น้องสาวทิ้งไว้ให้ก่อนตาย
“ดี!! พี่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
“อื้อ!!..” สิ้นเสียงทุ้มกระด้างหญิงสาวถูกกระชากมาปะทะแผงอก ริมฝีปากบางเฉียบถูกประกบจูบแล้วบดเบียดให้เธอรับเขาเข้าไปควานหาความหอมหวานภายใน ร่างเล็กดิ้นพรวดไม่ยอมง่ายๆ พยายามสะบัดหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้นแถมยังถูกเขารัดไว้แน่นพอเดินไปยังที่นอนของเธอเอง
“อ่อย...” กันต์ศิตางค์ยังคงดิ้นเพื่อให้ตัวเองรอดพ้น ใจเธอสั่นระรัวตัวเย็นเฉียบราวกับถูกน้ำเย็นๆ ราดไปทั่ว แล้วเขาก็ดันให้เธอหงายหลังล้มลงบนที่นอนก่อนที่ร่างใหญ่หนาจะทาบทับตามลงไป
“เธอทำให้พี่บ้าจีนัส...เธอต้องรับผิดชอบ”
“บ้า...ไอ้คนบ้าปล่อยนะ”
ศิลาภินไม่สนใจคำขับไล่ไสส่ง เขาตรึงเธอไว้ใต้ร่างแล้วเริ่มรุกด้วยริมฝีปาก เขาพรมจูบตั้งแต่หน้าผากมนได้รูปเรื่อยมาจนถึงริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อ ส่งจูบโรมรันให้เธอตั้งรับทั้งน้ำตา
“คิดถึงจีนัส พี่คิดถึงเธอ” ชายหนุ่มยังคงเพ้อพร่ำ หายใจหอบกระเส่าอารมณ์ที่ค้างเก็บไว้แสนนานกำลังมารวมสร้างความเจ็บปวดให้ยิ่งนัก ชุดลำลองที่หญิงสาวสวมใส่ถูกร่นเรื่อยมาเมื่อการรุกรานไล่ต่ำลง เขาจับมือสองข้างของเธอทับไว้ใต้ร่างที่ถูกคร่อม ทับเธอไว้ทั้งตัวจนไม่มีทางให้ดิ้นรนหนี
เสื้อตัวจิ๋วถูกร่นขึ้นแขนเสื้อหลุดต่ำพร้อมๆ กับส่วนคอที่ถูกดึงจนเลยทรวงอกสล้าง ศิลาภินมองอย่างตื่นตะลึงลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก แล้วโน้มใบหน้าเขากำความอวบอั๋นอย่างไม่รีรอ ใช้ปลายลิ้นตวัดวนรอบๆ ขอบบราสีขาวสะอาด ก่อนจะกวาดเข้าหายอดถันด้านใน เขาไล่ตวัดรัวอย่างแสนคิดถึง มอบความโหยหาผ่านสัมผัสทั่วทุกอณูเนื้อ
“หวาน...หวานกว่าเมื่อก่อนอีกนะ...” คนเหนือร่างยังตักตวงเอาประโยชน์จากร่างกายของสาวน้อยอย่างไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าเอเลย แรงดิ้นที่ฮึดหนักในตอนแรกเริ่มหมดไป เธอแผ่วลงแล้วคงเหลือแต่แรงสะอื้นให้พอได้รับรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่
มือร้ายข้างหนึ่งถูกเคลื่อนมาทาบตรงช่อปทุมอวบ คลึงเคล้นเบาๆ แหวกขอบบราเพื่อให้แนบสนิทกับผิวเนื้อมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ปากหนาก็ยังคงทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าขัดขืนอีกแล้วมืออีกข้างจึงลาวนไปยังส่วนล่างดึงชายกระโปรงขึ้นมาจนถึงหน้าขาอ่อน แล้วควานลูบคลำเข้าด้านใน ศิลาภินรุกเร็วเขารอเวลานี้มานานเกินกว่าจะมามัวล่าช้า นิ้วร้ายวนเข้าด้านในซุกผ่านขอบแพนดี้ตัวน้อยเพื่อเสาะหาความสาว เขาใช้ปลายนิ้วทางเพื่อการสร้างความพร้อมให้เธอ
“อื้อ...” เสียงครางแผ่วออกมาจากปากสวยได้รูปยามร่างกายถูกรุกถึงด้านใน หญิงสาวอับจนหนทางเหลือเกิน รู้สึกชีวิตช่างอัปยศอดสูยิ่งนัก ไม่เคยคิดหวังว่าความสุขจะเข้ามาเยือนอีก แต่ก็ไม่เคยนึกถึงว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอนาถใจเช่นนี้เหมือนกัน
อาการของคนใต้ร่างพอจะสื่อผ่านให้ศิลาภินรับรู้ได้ เขาหยุดชะงักเมื่อหญิงสาวสะอื้นจนร่างกายสั่นเทิ้ม และมันบอกให้เขารู้ว่าเธอเสียใจกับสิ่งที่เขาทำขนาดไหน
“จีนัส...” ศิลาภินผละจากการรุกเร้า มองเธอที่บัดนี้ใบหน้าแดงก่ำอาบเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตา เธอไม่ยอมหันมองเขาตะแคงหน้าแล้วปล่อยความอาดูรให้รินไหล หวังช่วยชะล้างความขุ่นมัวที่เกาะกินจนยากจะหมดไปจากใจ
“พี่...ขอโทษ” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาเอ่ยคำนี้ออกมา แต่มันคงเป็นคำเดียวที่หัวใจรู้สึกได้ลึกซึ้งที่สุด เขาทำผิดกับเธออีกแล้ว....เขาทำเธอร้องไห้มาตลอดแม้กระทั่งครั้งนี้ที่เพิ่งกลับมาได้เพียงไม่กี่วัน
“ออกไปซะ...ไปจากชีวิตฉันเลยยิ่งดี ฉันเกลียดคุณได้ยินไหม!! เกลียด! เกลียด! เกลียด!” กันต์ศิตางค์ใช้สองมือค้ำตัวเองให้ลุกนั่งกึ่งนอนจ้องมองเขาอย่างไม่คิดหลบอีกแล้ว เธอจะพยายามแสดงออกให้รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมันมาจากจิตสำนึกจริงๆ “จีนัส...” ไม่เคยเลย...กันต์ศิตางค์ไม่เคยพูดคำๆ นี้กับเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน ทั้งน้ำเสียง สีหน้าและแววตามันบอกว่าเธอกำลังคิดกับเขาอย่างที่เปล่งออกมาเป็นน้ำเสียงจริงๆ
ชายหนุ่มกลืนก้อนจุกแข็งลงคออีกครั้งก้มมองสภาพร่างกายของเธอที่ถูกเขารุกรานแล้วให้นึกชังตัวเองเหมือนกัน เขาทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วยังหวังลึกๆ ได้อีกหรือว่าจะรับการอภัยให้
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ...มันโมโห...พี่หึงเธอ” หญิงสาวแบะปากแล้วหันหน้าหนี ไม่อยากมองเลยสักนิดไม่อยากฟังเลยคำปลิ้นปล้อนเหล่านั้นเขามันแค่คนเห็นแก่ตัวที่คอยแต่จะเอาเปรียบเธออยู่ร่ำไป
ชายหนุ่มพยายามดึงให้เธอลุกนั่งและจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ใหม่แต่กลับถูกปัดมือออกเต็มแรง ชายหนุ่มมองหน้าผู้หญิงที่เขารักอย่างเจ็บปวด แต่ก็บอกตัวเองให้ระลึกอยู่เสมอว่านี่คือสิ่งที่เขาเลือกให้มันเกิดขึ้นเอง
“พี่ไปนะ...” ยังมีหน้าบอกลา หมอนใบใหญ่ถูกจับปาใส่ขณะที่เขาเดินออกไปจากห้อง กันต์ศิตางค์รีบลุกวิ่งไปปิดประตูและล็อกกลอนทันที ก่อนจะหอบใจที่บอบช้ำของตัวเองมานอนบนเตียงอีกครั้ง
เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนและปล่อยให้น้ำตารินไหลอย่างไม่คิดหยุดยั้ง ถ้าการร้องไห้คือการปลดปล่อยจริงๆ ความเจ็บช้ำของเธอมันคงบรรเทาไปได้บ้าง
แต่นี่ไม่เลยยิ่งนับวันมันยิ่งจะเพิ่มทวีคูณและเขาก็ยิ่งเข้ามาซ้ำรอยแผลให้ใหญ่ลามจนยากจะรักษาให้หายขาด