แม่เลี้ยง

1921 คำ
“แกว่าอะไรนะ!!!” เสียงดังก้องกังวานไปทั่วห้องทำงานในใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อน้องชายโทรมาบอกว่าตอนนี้บิดาได้พาหญิงสาว ซึ่งน้องชายบอกว่าเป็นภรรยาใหม่ของบิดานั้น เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ซึ่งเคยเป็นบ้านของมารดาเขา ตลอดเวลาที่บิดามีภรรยา คนที่สองหรือสามก็ไม่เคยมีใครได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ มีแต่บิดาซื้อหลังใหม่แล้วไปอยู่ด้วยกัน และคฤหาสน์ประจำตระกูลหลังใหญ่นั้นก็มีเพียงบุตรชายทั้งสองอาศัยอยู่ แล้วทำไมเมียคนนี้บิดาของเขาถึงกล้าพามาอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับมารดา ‘แล้วนายรู้ไหมอะไรที่แย่ไปกว่านั้น ยัยแม่เลี้ยงคนใหม่ของเรา พึ่งจะอายุ 26!’ “26 อย่างนั้นเหรอ เหอะๆ คุณพ่อบ้าไปแล้วรึไง!!ไปเอาเด็กรุ่นหลานมาทำเมียห๊า!!!!” ‘โอ๊ย หูฉันจะแตก พูดเบาๆก็ได้ ฉันว่าตอนนี้ นายกลับมานี่ก่อนดีกว่านะ ก่อนที่คุณพ่อจะพายัยเมียใหม่ไปนอนห้องคุณแม่ นี่ฉันห้ามจนคุณพ่อจะตัดออกจากกองมรดกอยู่แล้ว ยังไงนายก็มาดูเองแล้วกัน ว่าคุณพ่อหลงเมียใหม่ขนาดไหน’ ยิ่งได้ฟัง ความโกรธเคืองที่มีอยู่ยิ่งปะทุขึ้นเรื่อยๆด้วยเป็นคนอารมณ์ร้อน รุนแรง เวลาโกรธเขาไม่ต่างกับลาวาภูเขาไฟที่กำลังจะแตกออกมาก็ไม่ปาน มือใหญ่คว้าเอาแจกันราคาหลักล้านก่อนจะเขวี้ยงมันไปจนสุดแรงที่มี ทำเอาแจกันสุดหรูถึงกับแตกละเอียดออกมาแทบไม่เหลือชิ้นดี “ว๊าย!!! เอ่อ บอสคะ” “ไปสั่งคนให้เตรียมเครื่องบิน ฉันจะกลับประเทศไทย!” เลขาหน้าห้อง ที่รีบวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงดังในห้องผู้เป็นเจ้านาย และภาพตรงหน้าที่เห็นทำเอาเธอทำอะไรแทบไม่ถูก เพราะมันเป็นซากแจกันที่เจ้านายหนุ่มหวงนักหวงหนา ก่อนจะรีบรนรานออกจากห้องของเขาไปเมื่อได้ยินคำสั่งจากน้ำเสียงที่เธอกลัวที่สุด ฟรานซิส คารอส ดำรงเดช หรือ ฟราน เจ้าของธุรกิจด้านพลังงาน ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศอีกกว่าครึ่งโลก เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบ ผู้ชายที่ผู้หญิงอยากครอบครองมากที่สุดในโลก ด้วยรูปร่างหน้าตา และฐานะ ทำให้เขาติดอันดับมาทุกปี ฟรานซิส เป็นลูกครึ่ง ไทย – ฝรั่งเศสโดยมีมารดาเป็นคนฝรั่งเศส หลังจากที่มารดาเสียชีวิต ความเสียใจและความผิดหวังจากผู้เป็นบิดา ทำให้ชายหนุ่มนั้นตัดสินใจกลับมาอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดของมารดา แล้วไม่เคยกลับไปเหยียบประเทศไทยอีกเลย เพราะบิดาของเขานั้นแต่งงานใหม่ทั้งๆที่เคยบอกว่ารักมารดาของเขามากมาย แต่พอเขาถามหาเหตุผลท่านกลับตอบเขาไม่ได้ นั่นแหละวันที่ชายหนุ่มตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่คนเดียว โดยทิ้งให้ เดลโก้ คารอส ดำรงเดช หรือ เดล น้องชายของเขาคอยอยู่ดูแลบิดาพร้อมทั้งธุรกิจที่ไทย “26 ปีงั้นเหรอ เหอะๆ ผู้หญิงเพศยาแบบไหนเอาคนแก่คราวปู่มาทำผัว ถ้าบอกว่าไม่หวังสมบัติก็คงไม่ใช่ หึหึ” ฟรานซิสพึมพำออกมาอย่างเหยียดหยาม แค่ยังไม่เห็นหน้า เขายังรู้สึกรังเกียจแม่เลี้ยงคนใหม่ขนาดนี้ ถ้าได้เห็นหน้า ไม่รู้ว่าเขาจะทนมองหน้าเธอได้ไหม ชายหนุ่มคิดอย่างรังเกียจแม่เลี้ยงคนใหม่ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องทำงานไป นี่คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปเหยียบยังที่ที่ไม่คิดจะกลับไปอีก เพราะอีกไม่นานเขาก็ต้องได้กลับไปอยู่ดีเพื่อทำพิธีสืบทอดธุรกิจของตระกูล เพราะเขามีศักดิ์เป็นบุตรชายคนโต และเป็นทายาทอันดับหนึ่ง สุวรรณภูมิ ประเทศไทย “ไฮ พี่ชายสุดที่รัก” เสียงทักทายสดใสพอๆกับหน้าตาที่บ่งบอกว่ามีความสุขของ เดลโก้ ดังขึ้น พร้อมๆกับที่ร่างใหญ่ ที่เล็กกว่าผู้เป็นพี่ชายเพียงนิดเดียว จะวิ่งเข้ามากอด ทำเอาฟรานซิสที่หลบไม่ทันได้แต่ยืนถอนหายใจกับน้องชายตนเอง โดยทั้งสองไม่รู้เลยว่า ผู้คนแถวนั้นกำลังมองมาที่พวกตนด้วยความรู้สึกเสียดาย เพราะผู้ชายสองคนยืนกอดกันแน่นอย่างนี้มันคงมีเหตุผลเดียว “ปล่อยฉันได้แล้ว อึดอัด” ฟรานซิสพยายามผลักร่างปลาหมึกของเดลโก้ออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยปล่อยให้น้องชายได้กอดจนพอใจ ก่อนที่เดลโก้ที่กอดจนพอแล้วจะจูงมือพี่ชายตรงไปที่รถที่เขาขับมารับ “แถ่นแถ้นนนนน ไอ้แก่ของนายไง จำมันได้ไหม” เดลโก้พูดออกมาเสียงดังพร้อมกับผายมือไปที่รถยุโรปรุ่นเก่าที่เขาให้คนดูแลเป็นอย่างดี เพื่อรอพี่ชายกลับมา และก็ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะได้เอาออกมาใช้อีก “ขอบใจ” ฟรานซิสเอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือรับเอากุญแจที่เดลโก้ส่งมาให้พร้อมกับเดินขึ้นไปนั่งประจำที่ของเขา ส่วนพวกพนักงานและเลขาที่ตามมาด้วย ก็มีรถคันอื่นมารอรับเช่นกัน เพราะการกลับมาของเขาครั้งนี้ก็เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับบริษัทที่ไทย ก่อนที่เขาจะกลับไปฝรั่งเศสซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกเดลโก้ เพราะที่ผ่านมาเดลโก้ก็ได้แสดงฝีมือให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถบริหารงานที่นี่ได้อย่างสบายๆ ฟรานซิสเลยไม่ค่อยเป็นห่วง นอกจากเรื่องของบิดาเรื่องเดียว “กลับมาบ้านได้แล้วเหรอ” พอย่างเท้าก้าวเข้าบ้าน เสียงแหบพร่าของผู้มีอำนาจที่สุดในบ้านก็ดังขึ้น ทำเอาฟรานซิสและเดลโก้ที่เดินคุยกันมาอย่างสนุกสนานถึงกับเงียบลงทันที คุณวัลลภ ดำรงเดช บิดาของชายหนุ่มทั้งสอง กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งสงบ ไม่บ่งบอกความรู้สึกทำเอาผู้มาใหม่ถึงกับหยุดเดินพร้อมกับจ้องเขากลับ “ครับ ผมขอตัว” ฟรานซิสพูดขึ้นพร้อมกับเดินเลยผู้เป็นบิดาขึ้นไปยังชั้นบน อย่างไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายถามสารทุกข์สุขดิบเลยสักนิด ทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบจะยี่สิบปีแล้วแท้ๆ ทำเอาคุณวัลลภได้แต่มองตามร่างสูงของบุตรชายคนโตไป พลางคิด เหมือนจริงๆ เหมือนเขาไม่มีผิดเพี้ยน คุณวัลลภคิดออกมา เมื่อลับร่างสูงของฟรานซิสไปแล้ว เพราะท่าทางแข็งกร้าวแบบนี้เหมือนเขาตอนที่ยังเป็นหนุ่มไม่มีผิด ก่อนจะหันมาหาเดลโก้ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม” “ครับทุกอย่างเรียบร้อยดี” “อืม งั้นก็ดีแล้ว บอกพี่ชายแกด้วย เย็นนี้ให้ลงมาทานข้าวกับฉัน ฉันจะแนะนำหนูพริ้มให้รู้จักกันเอาไว้” พูดจบคุณวัลลภก็เดินจากไป ทำเอาเดลโก้ถึงกับส่ายหัวให้กับพี่ชายและบิดาที่ไม่ยอมลงให้กันเลยสักนิด ทั้งๆที่ไม่เจอกันเกือบยี่สิบปีแท้ๆ ช่วงเย็นทุกคนก็มารวมกันบนโต๊ะอาหารและตอนนี้กำลังนั่งรอฟรานซิสที่ยังไม่ลงมาทั้งๆที่ทุกคนมารอได้พักใหญ่ๆแล้ว “จำเนียร ไปตามฟรานลงมา” เสียงคุณวัลลภเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหน ร่างสูงใหญ่ของฟรานซิสก็เดินลงมาพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง “ไม่ต้อง!” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งลงเก้าอี้ที่เหลือว่าง ก่อนจะหันมามองบิดาอย่างไม่ค่อยสนใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าที่ทุกคนมารวมกันนี้เพื่ออะไร “มาครบก็ดีแล้ว งั้นฉันขอแนะนำเลยแล้วกัน นี่หนูพริ้ม คุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านหลังนี้ ถ้าใครมีปัญหาก็มาถามฉันได้” คุณวัลลภแนะนำสั้นๆ ก่อนจะบอกให้เริ่มลงมือทานข้าว ในเมื่อลูกชายของเขานั้นหัวแข็งเกินกว่าจะดัดได้ เขาก็จะใช้ไม้แข็งเหมือนกัน ฟรานซิสมองไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นชี้ไปที่ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะอาหารอย่างโกรธเคือง “คุณพ่อเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณผู้หญิงงั้นเหรอ เด็กคราวลูก หึ ไม่สิคราวหลาน คุณพ่อเอามาทำเมีย นี่ใครๆก็ดูออกว่าผู้หญิงหน้าเลือดคนนี้ต้องการอะไร มีแต่คุณพ่อที่หลงมัวเมาไม่ยอมฟังคนอื่น แล้วนี่ยังเอามาอยู่บ้านหลังนี้ บ้านที่คุณแม่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา บ้านที่ไม่ควรมีผู้หญิงคนไหนได้ครอบครอบ....” เพี๊ยะ!!!!!!!!! ฟรานซิสยังพูดไม่ทันจบ คุณวัลลภที่อดทนฟังคำพูดของบุตรชายไม่ได้ถึงกับลุกขึ้นตบเข้าที่หน้าคมจนสะบัดไปตามแรงตบ ทำเอาทั้งโต๊ะถึงกับอึ้ง เดลโก้รีบลุกขึ้นเดินไปหาบิดาทันที ส่วนฟรานซิสหันไปมองบิดาอย่างโกรธเคือง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนบิดาทำแบบนี้ และมันก็เป็นเพราะผู้หญิงตรงหน้า ฟราสซิสหันกลับมามองหน้าผู้หญิงที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป โดยได้สังเกตอาการของบิดาเลยสักนิด เพราะตอนนี้คุณวัลลภกำลังยืนกุมอยู่ที่หน้าอก พร้อมกับกัดฟันทนความเจ็บปวดเต็มที่ และก็มีเพียงเดลโก้ที่สังเกตเห็นคนแรก และตามมาด้วยมัลลิกาที่รีบวิ่งเข้ามาดู “คุณพ่อครับ หายใจลึกๆ หายใจช้าๆ” “เดี๋ยวพริ้มไปเอายามาก่อนนะคะ” เสียงร้อนรนของมัลลิกาเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบวิ่งไปเอายามาให้คุณวัลลภ เมื่อได้รับยา เขาก็เริ่มหายใจคล่องขึ้น “หนูพริ้มอย่าไปใส่ใจที่ตาฟรานพูดเลยนะ อดทนเอาไว้นะ อย่าพึ่งยอมแพ้” เสียงหอบกระเส่าเอ่ยออกมา ก่อนที่มัลลิกาจะพยักหน้ารับ เพราะตอนนี้จะให้เธอถอยก็คงไม่ได้แล้ว เพราะทั้งชีวิตเธอเหลือคุณวัลลภเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว มัลลิกา ณรงค์ธรรม หรือ พริ้ม หญิงสาวที่มีโชคชะอาภัพ บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่เธอจำความยังไม่ได้ ปู่คมที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวก็มาจากไปตั้งแต่เธออายุเพียงเก้าขวบ ทำให้ชีวิตของเธอผกผันได้มาอยู่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งๆที่รู้มาก่อนแล้วว่าจะไม่เป็นที่ต้องการ แต่ด้วยบุญคุณที่คุณวัลลภมีให้นั้นมันยากเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธเมื่อคุณวัลลภชวนมาอยู่ด้วย ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ควร แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถทำอะไรได้ “เฮ้อ...ยัยพริ้มเอ้ย แกจะทนได้อีกกี่น้ำกัน ทำไมลูกชายของคุณท่านน่ากลัวอย่างนี้ แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับเขาเนี่ย” มัลลิกาเอ่ยออกมาเมื่อเดินกลับมาอยู่ในห้องนอนของเธอเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างหมดแรงทั้งๆที่ยังไม่เริ่มสู้ เธอก็อยากที่จะยอมแพ้ให้กับฟรานซิสเสียแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม