“ยัยพริ้มทางนี้ๆๆๆ”
เสียงเอื้องฟ้าร้องเรียกเพื่อนสาว ที่กำลังเดินเข้ามาตามที่นัดกันไว้ ก่อนที่มัลลิกาจะเดินเข้ามาในร้าน แล้วนั่งลงตรงข้ามเพื่อนของเธอ
“เป็นอะไรยัยพริ้ม ทำไมแกไม่ยิ้มให้ฉันแล้วนั่นร้อนจะตาย ใส่ผ้าพันคอมาทำไม”
เอื้องฟ้าถึงกับทักขึ้นอย่างแปลกใจ ที่เห็นมัลลิกาไม่ยิ้มให้ตนเองเหมือนกับทุกครั้ง พร้อมกับมองคนตรงข้ามอย่างงงๆ
“ฉันก็แค่อยากใส่ แล้วนี่แกสั่งอะไรมาเยอะแยะ แกเลี้ยงใช่ไหมห๊ะ”
มัลลิการีบเปลี่ยนเรื่องกลัวว่าเพื่อนจะจับได้ ก็ไอ้ผ้าพันคอบ้านี่แหละที่ทำให้เธอสามารถปกปิดร่องรอยรักของฟรานซิสได้หมด เพราะเธอพยายามลงรองพื้นหนาๆแต่มันก็ไม่เป็นผล เลยใช้วิธีนี้ซะเลย ทั้งๆที่อากาศด้านนอกนั้นร้อนระอุแทบตายก็ตามที
“แหม เป็นถึงภรรยาเศรษฐีหมื่นล้าน นี่แกยังจะมางกกับอีแค่ของกินแค่เนี๊ยนี่นะ โธ่ๆๆ คุณหญิงพริ้มเจ้าคะ เลี้ยงคนจนๆแบบนังฟ้าสักมือเถอะนะเจ้าคะ”
“นี่ยัยฟ้าหุบปากไปเลย แกก็รู้ดีว่าเพราะอะไร เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวบอกให้เดลมาจัดการเลย”
มัลลิกาบอกขึ้น พร้อมกับเอาเดลโก้มาขู่ เพราะรู้ว่าเดลโก้กับเอื้องฟ้านั้นเป็นคู่กัดกันตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกแล้ว และเอื้องฟ้าพยายามสุดๆที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเดลโก้
“แกหยุดไปเลยนะยัยพริ้ม แกรู้ไหมเมื่อเช้าฉันไปบ้านแกมา อีตาบ้านนั่นพูดว่าฉันเหมือนไม้กระดาน ฉันเลยซัดเปรี้ยงเข้าให้ ฮ่าฮ่า ป่านนี้ไม่รู้หน้าเขียวไปถึงไหนแล้ว”
“นี่แกบ้าไปแล้วเหรอ นั่นมันทำร้ายร่างกายนะ เดี๋ยวก็โดนจับหรอก”
“ไม่กลัว เดี๋ยวแม่ฉันก็พาออกมาเองแหละ ว่าแต่แกเถอะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง พวกฉันคิดถึงแกจะแย่อยู่แล้ว จะลาออกไปทำไมก็ไม่รู้”
“ฉันก็ไม่อยากลาออกหรอก แต่คุณท่านขอเอาไว้ ตอนนี้ฉันก็กำลังเรียนรู้งานอยู่ ท่าจะแย่ เจ้านายฉันโหดยังกับอะไร”
มัลลิกาบอกขึ้นพร้อมกับทำหน้าหงอย ถ้าวันไหนโซเฟียเลขาของฟรานซิสลาละก็ วันนั้นเป็นวันที่เธออยากลาเหมือนกัน เพราะทำงานกับเขาทีไรเธอนี่ต้องเจ็บตัวเจ็บใจทุกที
“จริงเหรอ นี่เขาไม่รู้รึไงว่าแกเป็นถึงเมียเจ้าของบริษัท”
“รู้ดีเลยแหละ แต่เขาไม่สน แถมที่โดนมานี่ก็เพราะว่าฉันเป็นเมียของคุณท่านนี่แหละ”
“เฮ้ย จริงดิ ใครมันจะกล้าบ้าดีเดือดขนาดไม่กลัวโดนไล่ออกขนาดนั้น”
“ฟรานซิส ลูกชายคนโตของคุณท่านนะสิ”
เมื่อได้ยินคำตอบ ทำเอาเอื้องฟ้าถึงกับอึ้ง เพราะไม่นึกว่าฟรานซิสจะกลับมาแล้ว เห็นว่าไม่กลับมาเกือบยี่สิบกว่าปี ขนาดเดลโก้ยังร้ายเหลือขนาดนั้น เธอไม่อยากคิดเลยว่าฟรานซิสจะขนาดไหน
“ยัยพริ้ม ถ้าแกทนไม่ไหวก็พอเถอะนะ บุญคุณมีทางอื่นต้องทดแทนถมเถไป ไม่เห็นต้องเสี่ยงแบบนี้เลย”
“ฉันก็อยากถอยหลังกลับนะฟ้า แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปได้ ฉันทนได้ และฉันก็เป็นห่วงคุณท่านด้วย ได้อยู่ใกล้คอยดูแลแค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว ถ้าวันไหนไม่มีคุณท่าน ฉันก็คงหลุดพ้นบ่วงกรรมนี้แล้ว แกไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“โธ่ ยัยพริ้ม อย่าห่วงเลย ฉันจะช่วยแกอีกแรง ไม่ให้ไอ้สองพี่น้องนั่นมาคอยรังควานแกได้หรอก”
เอื้องฟ้าพูดขึ้นอย่างมาดมั่น มัลลิกาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอสนิทด้วยมากที่สุด เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนของเธอต้องมารับทุกข์อยู่เพียงลำพังแน่ เป็นไงเป็นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูท่าเข้า ยังกับจะไปรบ แกไม่กลัวเดลแล้วเหรอ กล้าเจอหน้าเขาแล้วเหรอย่ะ”
“ทำไม่ฉันจะไม่กล้า ถ้านายนั่นมาทำแกนะ ฉันจะสอยให้ร่วงเลยคอยดู”
เอื้องฟ้าทำท่าทางให้ดูน่ากลัวแต่มันกลับดูน่ารักในสายตาของมัลลิกา สองสาวนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ๆก็พากันเดินหาซื้อของ ก่อนจะแยกทางกันกลับบ้าน เพราะตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปได้พักใหญ่ๆแล้ว
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ ได้ออกจากบ้านทีไปเป็นวันๆเลยเหรอ”
ฟรานซิส ที่มายืนรอมัลลิกาเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เพระเขาเดินเข้าเดินออกมาเป็นสองสามชั่วโมงแล้ว แต่มัลลิกาก็ยังไม่กลับบ้านมาสักที
“แกมาทำอะไรตรงนี้”
เสียงคุณวัลลภเอ่ยถามขึ้น เมื่อเขาพึ่งกลับมาจากเดินออกกำลังกายเล็กน้อยในสวน ซึ่งตอนออกไปก็เห็นฟรานซิสมายืนเหมือนรอใคร พอกลับเข้ามาก็เห็นอีกเลยอดถามไม่ได้
“เปล่าครับ ผมแค่มาเดินออกกำลังกาย เหนื่อยแล้วผมขอตัวเลยแล้วกัน”
เขาบอกออกมาพร้อมกับเดินกลับขึ้นชั้นบนไป ทำเอาคุณวัลลภถึงกับมองตามอย่างรู้สึกสงสัยในท่าทีของบุตรชายคนโต แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงหวานใสก็เอ่ยทักขึ้นจากทางด้านหลัง
“คุณท่านคะ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ”
มัลลิกาที่พึ่งเดินเข้ามายิ้มกว้างพร้อมกับเข้ามากอดเอวสอบทันที ทำเอาคุณวัลลภสะบัดเรื่องของ ฟราสซิสทิ้งแล้วหันมากอดร่างเล็กคืน
“พึ่งกลับเหรอเรา ทานข้าวมารึยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วคุณท่านละคะ ทานข้าวรึยัง”
“อืม ตอนนี้ลดหุ่นอยู่ เดี๋ยวอ้วนเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นไปที่ห้องกันเถอะ ถึงเวลาพอดี”
คุณวัลลภเอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินโอบกอดกันเข้าห้อง โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาพิโรธโกรธเคืองกำลังจับจ้องมองมา ฟรานซิสที่กำลังจะเดินเข้าห้องได้ยินเสียงมัลลิกาเลยรีบเดินมาดู แต่ภาพตรงหน้ากลับทำเอาหัวใจของเขากระตุก ชายหนุ่มยืนดูพร้อมกับกำมือแน่น เขาอยากเดินเข้าไปกระชากให้ทั้งสองออกจากกัน แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด เมื่อรู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิอะไรขนาดนั้น ก่อนจะเห็นทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณวัลลภ
“ร่าน!!! มาถึงก็อ่อยพ่อฉันเลยนะ”
เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนที่จะเดินออกจากตรงนั้นไป
“ปกติดีทุกอย่างนะคะ ออกกำลังกายได้ แต่อย่าหักโหม คุณท่านต้องทานอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ จะได้แข็งแรงอย่างนี้นะคะ”
“หึหึ มีหมอดีอยู่ในบ้านขนาดนี้ ฉันจะเป็นอะไรไปได้ ว่าแต่งานใหม่เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม”
คุณวัลลภหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวหญิงสาวแล้วอดถามถึงเรื่องงานไม่ได้
“ก็...ดีค่ะ เลขาของคุณฟรานสอนงานดีมาก แต่ติดตรงที่...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องพูดฉันก็พอจะรู้ ว่าเจ้าตัวดีต้องอาละวาดแน่นอน อดทนสักนิดนะหนูพริ้ม ลูกชายฉันมันร้ายได้ไม่นานหรอก ฉันรู้นิสัยมันดี และขอบใจนะที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ถ้าไม่อยากทำหรือไม่สบายใจก็บอกนะ เดี๋ยวฉันจัดการมันให้”
“ขอบคุณนะคะ พริ้มต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณท่านที่ไม่ทอดทิ้งพริ้ม พริ้มเหลือแค่คุณท่านแล้ว เรื่องแค่นี้พริ้มทนได้ค่ะ”
มัลลิกาโอกกอดคุณวัลลภอย่างรู้สึกของคุณ ที่ฉุดเธอขึ้นมาจากวังวนอันแสนเคว้งคว้าง จนเธอได้มีชีวิตแบบทุกวันนี้ เมื่อพูดคุยกันจนคุณวัลลภถึงเวลาเข้านอนแล้ว หญิงสาวก็ขอตัวเดินออกจากห้องนอนของคุณวัลลภมา ก่อนจะกลับขึ้นห้องนอนของเธอ
“คุณ!!!!!!!!!”
มัลลิกาเดินเข้าไปในห้องเหมือนอย่างปกติ แต่ต้องตกใจออกมาจนแทบสติหลุด เมื่อตอนนี้มีร่างสูงของฟรานซิส ยืนตระหง่านอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง ก่อนที่เธอจะรีบหันหลังเพื่อเดินหนีออกไป
“หยุดอยู่ตรงนั้นถ้าไม่อยากให้ใครรู้”
เขากดเสียงต่ำขู่ออกมาเมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินหนี ทำเอาร่างบางหยุดชะงักทันที
“คงมีความสุขมามากสินะ ถึงได้เดินยิ้มจนแก้มแทบฉีกเข้ามาแบบนี้ หึ ผู้หญิงนี่หาดีไม่ได้สักคน เป็นไงล่ะ พ่อฉันให้เธอได้เท่าที่ฉันให้เมื่อคืนรึเปล่า”
“หุบปากเน่าๆของคุณไปซะ ว่าฉันได้ แต่อย่าลามไปถึงพ่อของคุณ เพราะท่านมีค่ามากกว่าที่คุณจะมาพูดพล่อยๆแบบนี้”
มัลลิกาหันมาว่าเขาอย่างทนไม่ไหว ถึงเธอจะถูกเขาด่าว่าสารพัก แต่เธอก็อดทนได้ แต่ถ้ามาว่าคุณวัลลภเธอทนไม่ได้จริงๆ โดยไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอปกป้องบิดาของเขามากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟที่กำลังปะทุอยู่ให้มันโชติช่วงขึ้นไปอีก
“ทำไม หรือว่ามันไม่จริง เมื่อคืนยังร้องครางอยู่ใต้ร่างฉัน แต่วันนี้กลับออกไประริกระรี้กลับมาเสียดึกดื่น พอกลับมารีบเดินตามคุณพ่อเข้าห้อง เธอนี่มันเป็นคนยังไง หรือเป็นฮิสทีเรีย ขาดผู้ชายไม่ได้ หึ บอกฉันก็ได้นะ เดี๋ยวจะสนองให้ พ่อฉันแก่แล้ว คงไม่ถึงใจเธอหรอก”
เพี๊ยะ!!!
“หยุดพุดเดี๋ยวนี้ถ้าคุณไม่รู้อะไร แล้วออกไปจากห้องของฉัน! ฉันเกลียดคุณ! ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดคุณ!!!”
มัลลิกาหมดความอดทน ทันทีที่คนตรงหน้าพูดจบ เธอถึงกับถลาเข้ามาใช้มือฟาดไปที่แก้มของเขาอย่างแรง ก่อนจะตะโกนไล่เขาออกจากห้อง ตอนนี้เธอโกรธจนตากลมโตแดงก่ำ
“หึ นี่กล้าตบฉันเหรอ...กล้าดียังไงห๊ะ!!!”
ฟรานซิสที่ฟางเส้นสุดท้าขาดผึงทันทีที่โดนตบจนหน้าชา ชายหนุ่มย่างเข้ามาใกล้ก่อนจะกระชากมือเล็กให้ร่างบางเข้าหาตัวอย่างแรงพร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียงโดยไม่กลัวคนด้านนอกจะได้ยินเลยสักนิด เพราะแน่ใจว่าห้องทุกห้องเก็บเสียง