Chapter 2: เลี้ยงเหมือนหมาแมว

1976 คำ
“พะ... พี่... พี่... เป็นหมาป่า?!” เด็กน้อยตัวกลมทำตาโตแล้วถามภูวินท์ด้วยความตกใจ หนุ่มหล่อหน้าหวานก้มหน้าลงหอมแก้มนวลของเด็กน้อยที่ยังมีคราบเลือดกระเซ็นติดอยู่อย่างไม่นึกรังเกียจ “อืม หมาป่า หนูกลัวพี่กับไอ้ดินไหมคะตัวกลม?” ภูวินท์ถามเด็กน้อยแล้วยิ้มให้เธอ เขาชอบสิ่งของสวย ๆ งาม ๆ และน่ารักน่าทะนุถนอม... เด็กน้อยในวงแขนของเขาก็เช่นกัน... เธอดูอ้วนกลม น่ารัก น่าหยิกเป็นที่สุด ดวงตากลมใสส่องประกายแข่งกับดวงดาว แถมยังมีผมหยักเป็นลอนน่ารักเหมือนตุ๊กตา แม้ว่าตอนนี้มันจะดูยุ่งเหยิงอยู่มากก็ตาม “ไม่กลัวค่ะ! หนูไม่กลัวพวกพี่เลย พี่ผมทองชื่อดินเหรอคะ?” เด็กน้อยถามแล้วชี้มือไปที่ภูดิส “ใช่ค่ะ นั่นน้องชายพี่เอง ชื่อภูดิส ตัวกลมเรียกพี่เขาว่า ‘พี่ดิน’ ก็ได้ค่ะ พี่ชื่อภูวินท์ เรียก ‘พี่วิน’ ก็ได้ค่ะ” ภูวินท์ตอบเด็กหญิงแล้วลูบแก้มเธอเบา ๆ “พี่จะไม่เข้าไปช่วยน้องชายพี่หน่อยเหรอคะ?” เด็กตัวกลมถามเขาต่อด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าไอ้หน้าโหดมันโหดสมหน้า แถมเธอยังเห็นมากับตาว่ามันฆ่าพ่อและแม่ของเธออย่างไร “หนูห่วงไอ้ดินเหรอคะ? น่ารักจังตัวกลม ไม่ต้องห่วงมันหรอกค่ะ ดูโน่น...” ภูวินท์พูดแล้วบุ้ยหน้าไปทางภูดิสที่บัดนี้กระโดดตัวลอยข้ามหัวไอ้หน้าโหด เพียงเสี้ยววินาทีภูดิสก็เปลี่ยนจากยืนเผชิญหน้ากับไอ้หน้าโหดมาเป็นยืนอยู่ด้านหลัง หนุ่มหล่อไม่พูดพร่ำทำเพลง เขากางมือออก เล็บคมยาวงอกโง้งออกมาราวหนึ่งนิ้วจากนั้นเด็กหนุ่มก็ตะปบกรงเล็บคมเข้าที่ต้นคอของไอ้หน้าโหด “อ๊ากกกก!!!” ไอ้หน้าโหดร้องลั่นเพราะต้นคอที่ถูกตะปบมีเลือดสีแดงฉานกระฉูดออกมา มันรีบวิ่งหนีเข้าไปในโพรงหญ้าทันทีไม่มีต่อล้อต่อเถียงกับสองหมาป่าหนุ่มอีกแม้แต่คำเดียว “พี่บอกแล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วงไอ้ดิน” ภูวินท์บอกเด็กตัวกลมแล้วยิ้มน้อย ๆ แต่แทนที่เด็กหญิงจะดีใจเธอกลับทำปากคว่ำแล้วเริ่มร้องไห้ “เฮ้ย! ไอ้วิน มึงทำอะไรเด็กวะ? ทำไมยัยจิ๋วร้องไห้?” ภูดิสรีบเดินเข้ามาหาพี่ชายและเด็กน้อยแก้มแดงที่บัดนี้น้ำตาไหลพราก “ตัวกลมเป็นอะไรคะ? หนูร้องไห้ทำไม? ไอ้หมาในนั่นมันไปแล้ว หนูยังกลัวอยู่เหรอคะ? ไม่ต้องกลัวนะตัวกลม พวกพี่ไล่มันไปแล้ว หรือหนูไม่เชื่อว่าพวกพี่เก่ง?” ภูวินท์รีบปลอบเด็กหญิงแล้วยกมือข้างที่ไม่ได้อุ้มเธอขึ้นมาช่วยน้องเช็ดน้ำตา “ฮือ ๆ ๆ ถ้าหนูเจอพวกพี่เร็วกว่านี้ แม่... แม่... กับ... พ่อ... พ่อ... ของหนูก็คงไม่ตาย ฮึก! ฮึก! ฮึก!” เด็กน้อยวัยห้าขวบร้องไห้โฮ สองหมาป่าหนุ่มจ้องตากันแล้วปิดปากเงียบ พวกเขารู้ดีว่าหมาในมันล่าเหยื่ออย่างไร พวกเขาจึงพอนึกออกว่าสภาพพ่อและแม่ของเด็กน้อยจะเป็นอย่างไร หมาในมักจะกะซวกท้องลากไส้ของเหยื่อออกมาก่อน จากนั้นจึงค่อยเลือกว่าจะกินตับ ดวงตา หรือหัวใจเป็นลำดับต่อไป... “หนูชื่ออะไรคะ? หนูรู้ชื่อพวกพี่แล้วแต่พี่ยังไม่รู้จักหนูเลยนะคะตัวกลม” ภูวินท์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กน้อยให้หายโศกเศร้าแต่ดูท่าทางจะยาก เด็กหญิงยังคงสะอื้นไห้อยู่พักใหญ่กว่าจะตอบคำถามเขา “จั่นคะ... หนูชื่อจั่น เด็กหญิงจันทร์เจ้า มิ่งกุลไกร” เด็กน้อยตอบพลางสะอื้นฮักไปด้วย “ชื่อน่ารัก สมตัวอยู่ ฉันชอบคืนพระจันทร์เต็มดวง... ชื่อจันทร์เจ้า ฉันชอบ” ภูดิสพูดแล้วก้มใบหน้าหล่อเหลาลงหอมแก้มใสเปื้อนคราบน้ำตาของเด็กน้อยตัวกลม เมื่อความกลัวหายไปความเศร้าโศกเสียใจที่สูญเสียบิดามารดาจึงถาโถมเข้ามาแทนที่ จันทร์เจ้าร้องไห้จนหลับใหล สองหนุ่มหล่อจึงพาเด็กน้อยกลับบ้านเหมือนเวลาที่พวกเขาเก็บลูกหมาลูกแมวได้ตามทาง บ้านของสองหนุ่มเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ริมผา ด้านหน้าติดชื่อไว้ว่า ‘บ้านเดือนผา’ กลางป่ากว้าง มันเงียบเชียบ แต่ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบและค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว ก่อนจะวางร่างเด็กน้อยที่ดูมอมแมมบนเตียงใหญ่ในห้องของเขา ภูวินท์หันไปถามน้องชายร่วมสายเลือดด้วยความกังวล “มึงว่าพวกเราจะเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ได้ไหมวะไอ้ดิน?” “ทำไมจะไม่ได้? ก็เหมือนที่เราเคยเก็บหมาเก็บแมวมาเลี้ยงไง แค่ยัยจิ๋วเป็นมนุษย์” ภูดิสตอบแล้วยักไหล่ เขาเห็นหน้าเด็กน้อยแล้วทั้งสงสารทั้งรักใคร่ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน “แต่พวกเราเป็นมนุษย์หมาป่า... น้องจะกลัวพวกเราไหม?” “เมื่อกี้ยังไม่เห็นกลัว แล้วมึงคิดดูว่าไอ้ปิศาจหมาในนั่นมันฆ่าพ่อแม่เด็กไปแล้ว เด็กจะอยู่ยังไง? ถึงส่งเด็กคืนไปให้ญาติเลี้ยง ถ้าพวกหมาในมันรู้มันก็ต้องตามไปเอาตัวเด็กอยู่ดี อยู่กับพวกเราปลอดภัยที่สุด ที่สำคัญ พวกเราอายุ 18 แล้ว พ่อกับแม่บอกให้เราแยกออกจากฝูงใหญ่ได้แล้ว ดังนั้นเราจะมีมนุษย์เลี้ยงอยู่บ้านสักคนมันจะเป็นไรไป?” ภูดิสบอกพี่ชายแล้วยักคิ้วอย่างยียวนส่งให้พี่ “มึงก็พูดไม่ผิด... ถ้าอย่างนั้นเราเลี้ยงจั่นไปก่อน ถ้าน้องโตขึ้นแล้วพวกเราแน่ใจว่าไอ้หมาในนั่นจะไม่ตามมารังควานน้องเราค่อยปล่อยน้องกลับไปสู่โลกของน้อง หรือมึงว่ายังไง?” ภูวินท์ถามน้องชาย หนุ่มหล่อผมทองไม่ตอบ เขาแค่ยักไหล่เหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก่อนที่จะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ของพี่ชายออกมาตัวหนึ่ง “คืนนี้ดึกแล้ว มึงไปหาน้ำมาเช็ดเลือดทำความสะอาดตัวให้น้อง เราเปลี่ยนเสื้อผ้ายัยจิ๋ว ให้น้องนอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ภูดิสบอกพี่ คำพูดของเขาทำให้ภูวินท์ต้องขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ก็แปลก... ปกติหมาในมันล่าเหยื่อแค่ตอนกลางวันและพลบค่ำ ทำไมจู่ ๆ ถึงตามล่าเด็กคนนี้ตอนกลางดึกกัน? แถมที่มันพูด... มันเหมือนจะล่าจั่นไปเป็นเมียให้จ่าฝูงทั้ง ๆ ที่จั่นดูยังไงก็แค่เด็กน้อย ไม่เห็นมีตรงไหนน่าจะพิศวาสเอาไปทำเมียได้เลย” ภูวินท์พูดด้วยความสงสัยอย่างหนัก “แค่มึงพูดกูก็ขนลุกแล้ว แม่ง... จะจับเด็กห้าขวบไปเป็นเมีย อีกอย่าง... พวกหมาในผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง... มึงก็รู้ว่าหมาในทั้งฝูงบางทีก็มาจากแม่เดียวกันทั้งหมด” ภูดิสพูดแล้วทำท่าขนลุก “อย่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง... มึงกับกูก็เคยเย่อตัวเมียตัวเดียวกัน” ภูวินท์พูดแล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก หนุ่มน้อยวัยคะนองเคยลองเล่นเสียวพร้อมน้องชายและทั้งเขาทั้งภูดิสต่างก็ต้องยอมรับว่าชอบการเสพสมกับตัวเมียตัวเดียวกันไม่น้อยทั้ง ๆ ที่เขาทั้งคู่ต่างก็เป็นอัลฟ่า มีความเป็นจ่าฝูงที่ไม่มีใครยอมใคร “ไม่เหมือนกันโว้ย! กูแบ่งแค่กับมึง เพราะมึงกับกูเกิดครอกเดียวกัน กับคนอื่นกูไม่แบ่ง” ภูดิสบอกพี่ชายแล้วทำหน้าเสีย “เออ กูรู้หรอกน่า สรุปเราจะเลี้ยงจั่นไว้ใช่ไหม? เหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว” เด็กหนุ่มหน้าหวานผมยาววกกลับเข้าเรื่องเดิม “อืม กูว่าพวกเราเลี้ยงได้ ลูกมนุษย์มันจะเลี้ยงยากกว่าลูกหมาลูกแมวเชียวเหรอ?” ภูดิสพูดยิ้ม ๆ แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังเกาะพราวอยู่บนขนตายาวเป็นแพของจันทร์เจ้า เด็กน้อยดูน่ารักน่าทะนุถนอม และดูเหมือนสองหนุ่มหล่อจะเทใจให้ลูกมนุษย์ตัวกระจ้อยที่ชื่อจันทร์เจ้าเสียแล้ว ............................ 10 ปีต่อมา “ไม่! หนูไม่ไป! พวกพี่จะเอายัยหมาป่าตัวเมียตัวนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านตอนที่หนูไม่อยู่ใช่ไหม? ตอบมาเลยนะ!” จันทร์เจ้าตวาดขึ้นเสียงดังจนพี่ ๆ หมาป่าของเธอถอนหายใจแล้วหันหน้าหนีไปคนละทาง เด็กหญิงจันทร์เจ้าตอนนี้อยู่ในวัย 14 ย่างเข้า 15 หน้าตาน่ารัก ผมเป็นลอนยาวเลยบ่ามานิดหน่อย ดวงตากลมโต แก้มเป็นพวง แต่งชุดเดรสลูกไม้สีขาวพองฟูราวเจ้าหญิง และแน่นอนเธอเป็นเจ้าหญิงที่ทั้งภูวินท์และภูดิสรักใคร่และประคบประหงมมาเป็นอย่างดี... เว้นแต่ตอนที่พวกเขาพาหมาป่าสาว ๆ หรือไม่ก็หิ้วมนุษย์ผู้หญิงมานอนด้วยที่คฤหาสน์หลังงามที่อยู่ลึกในป่าใหญ่ “จั่นจะ 15 แล้วนะคะ จะเรียนโฮมสกูลแบบนี้ต่อไปไม่ได้ พี่ว่าเรียนไฮสกูลก็สมควรเริ่มรู้จักและคบหาเพื่อนฝูงมนุษย์ด้วยกันได้แล้วนะคะ จะมาหมกตัวอยู่แต่กับหมาป่าแบบพวกพี่ได้ยังไง?” ภูวินท์ถามน้องเสียงหวาน เขารักและเอ็นดูเด็กหญิงมานับสิบปีจนเธอเติบโตเป็นเด็กหญิงที่ใกล้เป็นสาวแรกรุ่น เขาทั้งรักทั้งหวงเธอ ไม่อยากให้เธอห่างกาย แต่ก็รู้ดีว่าจันทร์เจ้าต้องเติบโตและมีคู่เพื่อผสมพันธุ์ตามธรรมชาติของมนุษย์สักวัน ดังนั้นส่งเธอให้เข้าสังคมมนุษย์เมื่อถึงเวลาสมควรน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด “หมกอยู่ด้วยเป็นสิบปียังทำได้ แล้วจู่ ๆ จะให้หนูบินไปเรียนต่อไฮสกูลที่อเมริกาเนี่ยนะ? คิดอะไรอยู่อย่านึกว่าหนูไม่รู้นะ จะเอาตัวเมียเข้าบ้านมาทำอย่างว่าล่ะสิ” เด็กหญิงกอดอกแล้วกระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ หันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง ดวงตาเหมือนมีน้ำตาเอ่อคลออยู่คล้ายจะร้องไห้ “โธ่! ยัยดื้อ โตจะเป็นสาวอยู่แล้ว จะหวงพี่ ๆ ไปถึงไหนกัน? พวกฉันจะ 28 แล้วนะโว้ย! หาเมียไม่ได้สักทีเพราะมีน้องสาวขี้หวงนี่แหละ จะให้พวกฉันแก่ตายกลายเป็นหมาป่าไม่มีลูกกันสักครอกหรือยังไง?” ภูดิสกระแทกตัวลงนั่งข้างน้องแล้วพูดประชดเธอ พี่ ๆ ของจันทร์เจ้าเป็นมนุษย์หมาป่าหนุ่มหล่อพ่อรวย ความลับที่มนุษย์สาว ๆ ไม่เคยรู้แต่พวกมนุษย์หมาป่าตัวเมียที่อยากดองกับทายาทหมาป่าสายหลักอย่างตระกูล ‘โภคาไพร’ ต่างรู้ดี ตอนพวกเขาเก็บเธอมาเลี้ยงใหม่ ๆ เธอยังไม่รู้ว่าทำไมถึงมีพวกผู้หญิงแวะเวียนมาหาพวกเขาอยู่บ่อย ๆ แต่ยิ่งโตเธอยิ่งรู้มากขึ้น ยิ่งเรียนก็ยิ่งเห็นโลกมากขึ้น ยิ่งดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ตเธอก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมพี่ ๆ ของเธอถึงมีผู้หญิงมาหาไม่เคยขาด โดยเฉพาะช่วงนั้น... ช่วงที่จะมีขึ้นปีละสองครั้ง ช่วงติดสัด!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม