ดอนหลับตา จังหวะหายใจของเขายังหอบ กระทั่งเวลาผ่านไปสักพักจึงคืนสู่ระดับปกติ
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงจากร่างงาม ตะแคงพลิกกายเข้าหา มองกราดทั่วกายขาวผ่องทั่วตัวก่อนเอ่ยปากชม
“คุณนี่สวยมากเลยนะ ตั้งแต่หัวจดตีนไม่มีที่ติเลยจริงๆ แถมเอามันส์อีกต่างหาก”
วิรามรดึงตัวพรวดพราดขึ้นนั่ง ลืมไปว่าเรือนกายไม่มีผ้าผ่อนสักชิ้น
“แก... ไอ้บ้า! แกทำลายฉัน!”
ดอนมองตาปรอย แต่ปากโต้กลับไม่ลดละ
“ผมหรือทำลายคุณ โธ่เอ๊ย ทีเวลากำลังเสียวไม่เห็นพูดสักคำว่าผมทำลาย”
“ไอ้...ไอ้ หมาบ้า! หมาบ้านนอก... ฉันจะฆ่าแกคอยดู!”
แววตาคู่สวยถมึงทึง กำปั้นเล็กยกขึ้นทุบรัวลงไปบนอกแน่นตึงด้วยมัดกล้าม
“เฮ้ย... อย่า หยุดนะ ผมเจ็บนา”
“ดี! ฉันอยากให้แกตาย ไอ้บ้า ไอ้คนเนรคุณ!”
“ผมเนรคุณอะไรคุณ ผมทำงานแลกค่าจ้าง แล้วเงินนั่นมันก็เงินแม่คุณไม่ใช่เงินคุณสักหน่อย คุณแหละทำให้ผมโกรธจนหน้ามืด คุณชอบด่าว่าจิกหัวผม เห็นเป็นแค่ขี้ข้า แล้วเป็นไงล่ะ จะขี้ข้าหรือนาย พอขึ้นเตียงด้วยกันก็เห็นครางซี้ดเวลาเสียวไม่แตกต่างกันเลยนี่”
“แก...”
คนชี้นิ้วสั่นระริก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า
ดอนลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้าที่กองบนพื้นมาสวมกลับ
“ผมไปล่ะ ต้องไปรับคุณหญิงที่งาน จะฟ้องคุณหญิงแม่ก็ได้นะ ผมจะได้เลื่อนฐานะจากคนรถขึ้นมาเป็นลูกเขยไวๆ”
“แกอย่าได้หวัง!”
“ผมก็ไม่ได้หวัง ที่พูดก็แค่ชี้แนะแนวทางให้เท่านั้น ไม่แน่นาครั้งแรกผมก็ดันลืมตัวปล่อยในซะหมดแม็กเกิดคุณป่องขึ้นมาล่ะ ถึงครั้งนี้ ไอ้ที่ผมเอาออกมาหลั่งข้างนอก ก็อย่าคิดนะว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ไอ้...หมาขี้เรื้อน!”
เมื่อกระชากร่างขาวผ่องติดมือขึ้นมา นัยน์ตาคมของดอนเป็นประกายวาววับ
“บอกเอาไว้นะคุณวิรามรคนสวย ถ้าขืนจิกหัวด่ากันแบบนี้อีก ไอ้ดอนจะเอาทำเมียสามวันสามคืนไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย อยากรู้นักว่าคนสวยปากร้ายอย่างนี้จะเก่งไปได้สักกี่น้ำ!”
แล้วเขาก็ผลักร่างที่กระชากขึ้นมา กระแทกกลับลงบนที่นอน ก่อนเดินลอยชายออกไปจากห้อง
วิรามรทั้งเจ็บใจ แค้นใจจนอยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ
ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ก็ยังไม่เคยมีใครพูดจาสามหาว ดูแคลนหล่อนแบบนี้
เฉพาะบริวารในบ้าน ที่มารดาหล่อนจ้างมาทำงานในที่หน้าต่างๆ ไม่เคยมีสักคน ที่จะกล้าขึ้นเสียงกับหล่อน เพิ่งจะมีก็ไอ้บ้าดอนนี้แหละ
คอยดูนะ! สักวันหล่อนจะเลาะเนื้อมันแล้วเอาเกลือทาให้สาสมใจ ถึงว่า... นับตั้งแต่มันสอนให้หล่อนรู้จักความสุขทางเพศ จะมีหลายครั้ง โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ที่หล่อนคิดถึงปากหยักได้รูปร้อนผ่าวของมัน คิดถึงมือใหญ่ที่เคล้าเคล้นเนื้อกายจนหล่อนครางอย่างลืมตัวก็เถอะ
วิรามรยังสะอื้นกระซิก ทั้งเจ็บใจและเสียววาบในอก เมื่อคิดถึงบทรักของไอ้คนขับรถ ที่อาศัยจังหวะที่มารดาหล่อนไม่อยู่ เข้ามาลวนลามเล่นรักกับหล่อนโดยไม่เกรงกลัวว่าหล่อนจะแจ้งความเอาเข้าคุกเข้าตาราง ฐานข่มขืนกระทำชำเรา
มันคงรู้แกว ว่าวิรามรจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะห่วงชื่อเสียงวงศ์สกุล และยังรักหน้าตัวเองเกินกว่าจะเสี่ยงกับการตกเป็นข่าวฉาวโฉ่
เถอะน่า อย่าให้หล่อนมีโอกาสบ้างก็แล้วกัน จะเอาคืนให้หายแค้น!
“พี่วิไม่สบายหรือเปล่าคะ”
เสียงถามอ่อนๆของเด็กสาวร่างอ้อนแอ้น เจ้าของใบหน้าอ่อนใสเปล่งปลั่งทำเอาวิรามรสะดุ้งโหยง เพราะกำลังนั่งใจลอย
รินรดา สิริรัตนะ เด็กสาววัยสิบเก้าย่างยี่สิบ ญาติผู้น้องที่มารดาของวิรามรรับอุปการะ ให้การสนับสนุนด้านการศึกษา ปัจจุบันเป็นนักศึกษาที่สถาบันแห่งหนึ่ง
“พี่สบายดี วันนี้ไม่มีเรียนหรือเรา”
“ไม่มีค่ะ หยุดอ่านหนังสือเตรียมสอบ”
“เทอมสุดท้ายแล้วสินะ ว่าแต่จบจากนี่แล้วจะไปเรียนอะไรต่อ”
“ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางที...รินอาจจะออกมาหางานทำก่อนสักพัก”
“วุฒิแค่นี้จะได้เงินเดือนสักกี่พันกัน เรียนไปก่อนเถอะ ถ้าเราเรียนหลักสูตรปริญญาแต่แรก สี่ปีก็ได้ปริญญาแล้ว นี่เลือกจะเรียนเอาวุฒิด้านวิชาชีพแบบนี้เลยต้องเรียนนานขึ้นอีกกว่าจะได้ป.ตรี”
“รินเรียนไม่เก่งอย่างพี่วิ กลัวเรียนไม่จบน่ะค่ะ”
“ทำไมจะเรียนไม่จบ เรานี่คิดอะไรแปลกๆ กลัวไม่เข้าท่า”
วิรามรมองหน้าสวยใสอย่างวัยรุ่นของญาติสาวผู้น้องอยู่อึดใจจึงพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“พี่รู้ละ รินเกรงใจคุณแม่ ถึงเลือกเรียนสายวิชาชีพ เผื่อยังไงก็จะได้ใช้วุฒิปวส.สมัครงานได้ใช่มั้ยล่ะ”
“เอ่อ...ริน...”
“ไม่ต้องเอ่ออ่าเลย เราก็อย่างนี้ คิดมาก เกรงใจเกินเหตุ”
นอกจากทำเสียงเอ็ด ยังมองญาติผู้น้องด้วยแววตาดุ อีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มแหย
“ก็น่าจะรู้” วิรามรพูดติดต่อกันไป “คุณแม่เต็มใจสนับสนุนเรื่องการศึกษารินทุกอย่าง ค่าเล่าเรียนจะสักเท่าไหร่เชียว แค่นี้ขนหน้าแข้งคุณป้าของรินไม่ร่วงหรอกน่า”
รินรดาหัวเราะคิก
“คุณป้าไม่ได้ผูกเงินไว้กับขนหน้าแข้งสักหน่อยนี่คะ”
“ก็จริงนะ”
วิรามรหลุดยิ้ม แต่รอยยิ้มเหมือนจะขึ้นไปไม่ถึงดวงตาคู่สวยเมื่อพูดติดต่อกันไป
“แต่พี่ก็พูดจริงเหมือนกัน รินไม่ควรต้องเกรงใจจนยอมทนเรียนหลายปีกว่าจะได้ปริญญาแบบนี้ ที่คุณแม่จ่ายค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายต่างๆให้รินน่ะ เทียบไม่ได้เลยกับที่ท่านเที่ยวทำบุญ บริจาคตามงานการกุศลต่างๆ เพื่อให้ได้หน้าได้ตา เป็นที่กล่าวขวัญในวงสังคม”
“เอ่อ... พี่วิพูดเหมือนไม่ชอบใจที่คุณป้าทำบุญกุศลงั้นแหละ”
“ถ้าทำแต่พอดีพี่ไม่ว่าหรอก แต่นี่คุณแม่เอาแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน จนลืมหันกลับมาเหลียวแลคนในบ้าน บางทีพี่ก็เคยคิดเล่นๆ ถ้าคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ การที่คุณแม่ทุ่มเทให้งานบุญงานกุศลแบบนี้จะทำให้ชีวิตคู่ของท่านมีปัญหาบ้างมั้ย”
รินรดานิ่วหน้ามองญาติผู้พี่ ได้เห็นว่าตาคมโตที่เคยเปล่งประกายดูไม่วับวาวดุจเคยจึงโพล่งถามออกไป
“พี่วิแน่ใจนะคะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ทำไมเราถามพี่อย่างนั้นล่ะ”
รินรดาประหลาดใจ ปกติพี่วิของหล่อนไม่เคยพูดอะไรได้เรื่องได้ราวอย่างนี้สักที นอกจากเอาแต่โมโหเวลาคนรอบตัวทำอะไรไม่ถูกใจ ขนาดรินรดาที่มีศักดิ์เป็นน้อง วิรามรยังไม่เว้น
เกิดอะไรขึ้น?
รินรดาโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคำถามญาติผู้พี่คนสวย เมื่อสาวใช้โผล่เข้ามาขัดจังหวะ
“มีแขกมาหาคุณรินค่ะ”
วิรามรนิ่วหน้า ถามเสียงค่อนข้างห้วน เพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่
“แขกน่ะชื่ออะไรเขาบอกหรือเปล่า”
“บะ...บอกค่ะ ชื่อคุณทวนเทพค่ะ”
สาวใช้ปากสั่น คุณวิเวลาดีก็อย่างกับนางเอก เวลาร้ายคือนางมารชัดๆ ทุกคนในบ้านต่างรู้ดี ถึงกับมีการตั้งคำถามในหมู่คนใช้ ว่าชาตินี้จะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าที่จะมาปราบพยศคุณวิบ้างไหม
“พี่วิคะ รินขอออกไปรับแขกก่อนนะคะ”
รินรดาขอตัว
“จะออกไปทำไม ให้แสวงไปเชิญให้เข้ามาที่นี่ก็ได้นี่”
ที่นี่คือห้องนั่งเล่นของคนในครอบครัว ปกติวิรามรจะไม่ค่อยพอใจขนาดเคยต่อว่ารินรดามาแล้ว เมื่อญาติผู้น้องพาเพื่อนเข้ามานั่งคุยนั่งกินขนมในห้องนี้
“เบาะนี่เปื้อนง่ายเธอก็รู้นี่ยายริน”
น้ำเสียงเข้มงวดนั้นรินรดายังจำได้ดี แล้ววันนี้วิรามรกลับบอกหน้าตาเฉย
“เอ่อ...”
รินรดาติดอ่าง กระทั่งวิรามรหันไปทางสาวใช้ที่ยังไม่กล้ากลับออกไปจนกว่าคุณวิจะบอกให้ไปได้
“ไปเชิญแขกคุณรินเข้ามาที่นี่ไปแสวง แล้วก็อย่าลืมหาน้ำหาท่ามารับรองแขกด้วยล่ะ”
นี่ก็อีก อย่าว่าแต่แสวงเลย รินรดายังต้องอ้าปากค้าง
พี่วิของรินรดาลืมเขย่าขวดก่อนกินยาแน่ๆเลย ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
“นี่แม่คุณ”
น้ำเสียงชักจะกลับมาเป็นวิรามรคนเดิม เมื่อแสวงออกประตูไปแล้ว
“อย่ามองราวกับว่าพี่เป็นตัวประหลาดไปหน่อยเลยน่ะ ทำไม? คนเราจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางดีขึ้นบ้างไม่ได้หรือยังไง”
ขนาดว่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้น วิรามรคนเดิมก็ยังโผล่ออกมาให้เห็นแว้บๆ
“ได้ค่ะได้” รินรดารีบบอกเอาใจ ก่อนจะไปกวนตะกอนให้ขุ่นขึ้นมาอีก
ไม่นาน แสวงก็เดินนำชายหนุ่มร่างสูงเพรียว แต่งกายด้วยรสนิยมดีอย่างคนที่เติบโตมาในครอบครัวฐานะมั่งคั่งเท่านั้นจะทำได้ เข้ามาในห้อง