วันนี้เป็นการนัดรวมตัวสายรหัสที่มีความสุขมาก เพราะเฉลยสายรหัสเรียบร้อยก็พาน้องปีหนึ่งมาเลี้ยงและทำความรู้จักกับพี่ ๆ ในสาย ซึ่งก็รวมถึงพี่ ๆ ที่เรียนจบไปแล้ว มากันทุกคนเลยค่ะ เหนียวแน่นกันมากการพูดคุยก็สนุกสนานเป็นกันเองจนฉันเองก็เพลินมาก เพลินไปเลย
เพลินจน...
“พี่แป๋มคะ” ฉันรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังพลาดเลยรีบสะกิดพี่แป๋มที่นั่งอยูข้าง ๆ
“จ้ะ ว่าไงน้องช้อง”
“ช้องต้องไปแล้วค่ะ” ฉันกระซิบบอกพี่แป๋มหลังจากที่ดูนาฬิกาแลวพบว่าตอนนี้มันสามทุ่มครึ่ง!
ตั้งนาฬิกาปลุกตอนสองทุ่มห้าสิบนาทีแต่เสียงเพลงเสียงคุยในร้านดังเกินไปฉันเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าด้วยก็เลยไม่ได้ยิน T_T
“อ้าวทำไมล่ะกำลังสนุกเลย นี่เพิ่งสามทุ่มกว่า ๆ เองนะ” ฉันไม่ได้บอกใครไว้ก่อนว่ามีเวลาถึงแค่สามทุ่มทำให้พี่แป๋มค่อนข้างงงมาก
“คนที่บ้านมารอรับแล้วค่ะพี่แป๋ม ช้องเกรงใจค่ะ”
“แต่ยังสนุกกันอยู่เลยนะคะ บอกน้าเขากลับไปก่อนสิเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องไปจริง ๆ” ชีวิตช้องนางเวลานี้อย่างกับซินเดอเรลล่าที่ต้องรีบออกจากงานเลี้ยงตอนเที่ยงคืนเลยค่ะ แต่น่าเสียดายที่ที่นี่ก็ไม่มีเจ้าชาย และคนสั่งก็ไม่ใช่นางฟ้าแต่เป็นปีศาจ!
“โหยช้องนางอ่ะ กำลังสนุกกันเลย อยู่ก่อนนะ”
“เดี๋ยวโดนดุค่ะพี่แป๋ม” ชีวิตมหาลัยไม่มีใครรู้หรอกนะคะว่าฉันมีผู้ปกครองเป็นใคร ไม่ได้มีใครสนใจกันขนาดนั้น อีกอย่างผู้ปกครองของฉันก็ไม่เคยมาส่งที่มหาลัยเหมือนสมัยมัธยมด้วย ทุกคนรู้แค่ว่าฉันเป็นหลานของเศรษฐีตระกูลดังและอาศัยอยู่กับคุณป้าเท่านั้น
“เดี๋ยวพี่โทรขอคุณป้าเอง ช้องอยู่กับคุณป้านี่จ้ะ เดี๋ยววีดีโอคอลยืนยันให้เลยว่าไม่ใช่ผับแน่นอนเป็นแค่ร้านอาหาร” พี่แป๋มฉีกยิ้มแต่ฉันโคตรลำบากใจ แล้วอีกอย่างตอนนี้ไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลยค่ะ กลัวจะมีใครส่งข้อความมาอาละวาดใส่
“พี่แป๋มคะช้องอยู่ต่อไม่ได้จริง ๆ ช้องขอกลับก่อนนะคะ” ฉันทำหน้าจะร้องไห้จนพี่แป๋มตกใจสุดท้ายก็เลยยอมให้กลับ แต่ก็เสียเวลาในการลาคนอื่น ๆ มากพอสมควรเพราะยังไม่มีใครอยากให้กลับ
“เฮ้ยไอ้แชมป์! มึงเดินไปส่งน้องช้องสิวะ” เสียงพี่เอก รุ่นพี่ที่จบไปแล้วตะโกนขึ้นแถมยังยิ้มมีเลศนัย
“ไม่ต้องบอกก็ไปอยู่แล้วพี่ หน้าที่ผม” พี่แชมป์พูดจบคนอื่น ๆ ก็โห่แซว ฉันก็ได้แค่ยิ้มอ่อน
ไม่ชอบแต่เข้าใจมารยาทที่ต้องพยายามรักษาใช่ไหมคะ บางทีเราอยากทำตัวไม่น่ารักแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเราไม่สามารถที่จะเป็นที่รักของทุกคนเสมอไป
“พี่แชมป์ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ รถอยู่แค่ตรงนั้นเอง” เดินมาถึงหน้าร้านฉันก็รีบบอกพร้อมกับชี้ไปยังรถที่น้ามิ่งจอดรอ
“ไม่เป็นไร พี่เป็นห่วง” เขายิ้มให้ฉันก็เลยขี้เกียจพูดต่อนอกจากเดินไปที่รถ แล้วก็ลาพี่แชมป์แล้วขึ้นรถทันที
“น้ามิ่งคะช้องขอโทษนะคะลืมดูเวลาไปเลย” ฉันรีบยกมือไหว้น้ามิ่งทันทีที่ขึ้นรถ ปล่อยให้น้ามิ่งรอเกือบห้าสิบนาทีแน่ะ
“ไม่เป็นไรครับคุณหนู”
“แล้วเหตุการณ์เป็นยังไงบ้างคะน้ามิ่ง”
“ปกติครับ ไม่มีใครโทรมา แต่ถ้าคุณขุนถามเดี๋ยวน้าบอกว่ารถติดด่านเลยถึงบ้านช้าครับคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอบคุณนะคะน้ามิ่ง” ฉันนยกมือไหว้ขอบคุณน้ามิ่งอีกครั้ง ใคร ๆ ก็สงสารฉันเรื่องโดนเขาดุโดนเขาหาเรื่องกันทั้งนั้นล่ะค่ะ อะไรที่ช่วยได้ก็เลยช่วยกันตลอด
กลับมาถึงบ้านทุกอย่างก็ปกติ ไฟในบ้านเปิดไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจะเปิดไฟสลัวกลางบ้านอยู่แล้ว อีกอย่างไม่มีรถของเขาด้วยแต่ก็ยังไม่ไว้ใจหรอกค่ะเผื่อแอบซุ่มรอจับผิดม่ให้ฉันรู้ตัวก็ได้ใครจะไปรู้ การเดินเข้าบ้านของฉันก็เลยโคตรระทึกว่าจะเจออะไรรึเปล่าในแต่ละย่างก้าว แล้วสุดท้ายก็...
My mission is complete!
ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ชื่อคุณขุนเขาเพราะฉะนั้นคืนนี้ช้องนางรอดตายแล้วค่ะ!
-วันต่อมา-
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใสเพราะเมื่อคืนได้ออกไปเจอพี่ ๆ สายรหัส สนุกดีค่ะเสียดายที่กลับเร็วไปหน่อย
ฉันเดินลงมาข้างล่างยังไม่เจอใครแต่เวลานี้ฉันรู้ดีว่าจะเจอป้ากรองได้ที่ไหน
“ป้ากรองขา~...อ้าว” ฉันเรียกท่านเสียงใสตอนที่ใกล้ถึงห้องอาหารแต่พอเข้าไปกลับไม่เจอใคร ไม่มีแม้แต่สำรับอาหารเช้าอย่างที่ควรจะมี
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณช้อง”
“ค่ะพี่เอื้องแล้วป้ากรองไปไหนคะ” ฉันถามพี่เอื้องด้วยความงง
“คุณกรองอยู่ที่สวนค่ะ วันนี้คุณกรองสั่งให้จัดอาหารเช้าในสวน ท่านกำลังรอคุณช้องเลยค่ะ”
“อ๋อค่ะ ถ้างั้นช้องไปเลยดีกว่า หิวข้าวมากเลยค่ะพี่เอื้อง”
“ฮ่า ๆๆ ค่า วันนี้ทำโจ๊กหมูสับของโปรดคุณช้องเลยค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลย” ฉันฉีกยิ้มให้พี่เอื้องแล้วก็เดินตัวปลิวออกไปที่สวนสไตล์ยุโรปหลังบ้าน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคนสวยของช้อง” ไปถึงก็เห็นป้ากรองนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เลยรีบตรงเข้าไปทักทายท่าน
“จ้า หิวรึยังมากินข้าวกินเร็วลูก”
“รอนานไหมคะ”
“ไม่นาน นึกว่าหนูจะตื่นสายซะอีก แล้วเป็นไงบ้าง เมื่อคืนสนุกไหม”
“สนุกค่ะ สนุกมาก~ ได้เจอพี่ ๆ ที่จบไปแล้ว นาน ๆ จะได้เจอกันเลยมีเรื่องให้คุยเยอะเลยค่ะป้ากรอง” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้ท่านเพื่อยืนยันความสุขของฉัน
“สนุก...แล้วกลับกี่โมง”
“...” ฉันเงียบพร้อมกับหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินและไม่เคยอยากได้ยิน
“อ้าวตาขุน เมื่อคืนนอนที่บ้านเหรอลูก” ป้ากรองหันไปถามเขาด้วยความสงสัย
“ครับ ไง สนุกมากไหม สนุกแล้วกลับกี่โมง” เขาตอบป้ากรองสั้น ๆ แล้วเดินมาลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามฉันนั่งลง แล้วก็จ้องฉันเขม็ง
“ก็กลับตามเวลาที่สั่งไงคะ”
“แน่ใจ?”
“ค่ะ ไม่เชื่อก็ไปถามน้ามิ่งสิคะ”
“ไม่ถาม อยากได้ยินจากปากเธอ ตกลงกลับตรงเวลาใช่ไหม?”
“...ค่ะ” ฉันชั่งใจนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าเขารู้อะไรมารึเปล่า แต่คงไม่หรอกค่ะ เขาไม่ได้ระบุเวลาที่ถึงบ้าน เขาระบุแค่เวลาออกจากร้าน ระหว่างเดินทางอาจจะมีหลายสาเหตุที่ทำให้ถึงบ้านช้าอย่างทำถนน ติดไฟแดง อุบัติเหตุระหว่างทางหรือเจอด่าน ฉันไม่ได้อยากโกหกแต่พูดความจริงเดี๋ยวก็โดนหนักพอดี
“...” เขาฟังคำตอบจากฉันแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากมองหน้าแล้วหันไปหาป้ากรองช้า ๆ
“เลี้ยงกันยังไงครับป้ากรอง โอ๋มากไปรึเปล่าถึงได้กลายเป็นคนกล้าโกหกหน้าตายแบบนี้...ถ้าอยู่ที่นี่แล้วนิสัยเสียผมจะเอากลับ!”