ตอนที่ 2

1956 คำ
ราเมศวร์เดินมายืนรอหญิงสาวที่หน้าลิฟต์ ตบกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วหยิบบุหรี่กับไลท์เตอร์ออกมาถือ ศศิดาเดินมาถึงขณะที่ลิฟต์กำลังเปิดออกพอดี พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมามองอยู่ชั่วครู่ เดินเข้าลิฟต์ แล้วกดรับสาย “ครับ…..ครับ…..ผมไม่ว่าง…..” เขานิ่งฟังอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ส่งโทรศัพท์มาให้เธอ ศศิดารับไว้แบบงงๆ มองหน้าเขา แต่เขาไม่มอง เธอดูที่หน้าจอว่าเป็นใคร แต่ขึ้นเป็นตัวเลขไม่มีชื่อ แสดงว่าเป็นเบอร์แปลก หรือไม่เขาก็ไม่ได้บันทึกเอาไว้ “สวัสดีค่ะ” “เธอเป็นใคร? ทำไมมารับสายคุณราเมศวร์ แล้วเขาไปไหน ส่งโทรศัพท์ให้เขาเดี๋ยวนี้!” เสียงหวานคุ้นหู ตวาดใส่มาในโทรศัพท์จนเธอต้องเอาออกห่างหูเล็กน้อย พอปลายสายเงียบจึงได้โอกาสพูดบ้าง “เอ่อ..คือว่า..ฉันเป็นเลขาท่านรองค่ะ คือท่านรองไม่สะดวกรับสาย..” “อ่าว! อย่างนั้นเหรอ งั้นฉันไม่กวนก็ได้ บอกเขาด้วยว่าพรุ่งนี้จะโทรหา” ปลายสายไม่รอให้ตอบ กดวางทันที ศศิดาส่งโทรศัพท์คืนให้ เขามองหน้าเธอคล้ายสำรวจ หญิงสาวมองตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วรับไปสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง ติ๊ง!! ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง เขาออกเดินนำไปก่อน เธอไม่ได้รีบเดินให้ทันเขา แต่ทิ้งระยะห่างอยู่ข้างหลังเล็กน้อย สายตามองตามร่างสูงที่เดินอยู่ข้างหน้า เธอไม่เคยสังเกตเขามาก่อน เพราะปกติในเวลาทำงานถึงแม้จะมีบ้างที่เดินตามเขาตอนรีบๆ แต่ก็เพียงมองทางเดินข้างหน้า หรือไม่ก็เดินเพื่อให้ทันเขา เพื่อรายงานผลการทำงานเท่านั้น ครั้งนี้ครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมา เพิ่งจะมีโอกาสได้สังเกตเขาจากข้างหลัง เขาถอดเนคไทออกก่อนจะลงมา ตอนนี้จึงอยู่ในลักษณะสบายๆ ไม่เคร่งขรึมเหมือนเวลาทำงานที่ต้องใส่สูทผูกเนคไทแต่งตัวเต็มที่ตลอดเวลา กลิ่นอายแห่งความสุขุมสงบนิ่งของเขาที่ได้มาจากวงการธุรกิจ ทำให้ดูน่าเกรงขาม เป็นเสน่ห์เฉพาะที่เป็นของผู้ชายอายุเลยเลขสี่ไปแล้วถึงจะมีแบบนี้ แต่พออยู่บนตัวของเขาที่มีอายุเพียงเลขสามดูยังไงก็เหมาะสม กลิ่นอายแบบนี้นี่แหละที่หาได้ยากในตัวผู้ชาย ความคิดศศิดาหยุดชะงัก เท้าก็ชะงักไปด้วย เธอสลัดศีรษะแรงราวกับว่าจะสลัดความคิดเหล่านี้ให้หลุดออกไปด้วยได้ ฉันกำลังคิดบ้าๆ อะไรอยู่เนี่ย!! นั่นน่ะท่านเทพผู้ทรงอิทธิพลเชียวนะ คนอย่างเธอคู่ควร??? “เป็นอะไร?” เขาถามเมื่อเห็นหญิงสาวหยุดเดิน “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” เธอยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน แล้วก้าวเดินต่อ เขายืนอยู่หน้าประตูโรงแรม หลังดับบุหรี่แล้วก็ยืนรอให้เธอเดินมาเคียงกัน พอเดินผ่านหน้าล็อบบี้ เขาก็จับมือเธอไว้ ดึงให้เดินตามเขาไปที่ด้านข้าง ซึ่งทางนั้นเป็นทางไปบาร์และเลาจ์ของโรงแรม เธอขืนตัวไว้ แรงฉุดรั้งนั้นทำให้เขาหันมามอง “ดื่มอะไรสักนิดก่อนนอน จะได้หลับสบาย..นะ” สายตาเขาเหมือนอ้อนวอนแกมบังคับอยู่ในที และพูดโดยไม่รอให้เธอตอบ ออกหน้าเดินนำไปทันที หญิงสาวถอนใจ ก่อนจะปล่อยให้เขาจับจูงไป ราเมศวร์พาหญิงสาวไปที่โซฟาด้านหน้า ดึงมือเบาๆ ให้นั่งตัวเดียวกัน หันหน้าไปทางเวทียกพื้นที่มีดนตรีโฟคซองกำลังเล่นเพลงสากลคุ้นหู เขาสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำให้เธอ ส่วนตัวเขาสั่งวอดก้า ศศิดาแอบสังเกตจากมุมที่เธอเห็น ใบหน้าด้านข้างของเขาช่างดูดียิ่งนัก ดูสุขุมเยือกเย็น เค้าโครงหน้าของเขาชัดเจน โดยเฉพาะส่วนโค้งแนวคางที่น่ามอง ริมฝีปากบาง สันจมูกโด่งตรงรับกับใบหน้าได้รูป เขานั่งไขว้ห้าง แขนพาดยาวไปตามพนักโซฟา มือข้างที่ชิดตัวเธอถือแก้ววอดก้าวางไว้ที่หัวเข่า ทั้งหน้าตาและบุคลิก ดูมีเสน่ห์ชวนมองเสียจนสาวโต๊ะข้างๆ หันมามองอยู่บ่อยๆ เธอสำรวจไปรอบๆ ก็ได้เห็นว่าเขาค่อนข้างเป็นจุดสนใจของเพศตรงข้ามได้ดีทีเดียว “เคยฟังเพลงนี้ไหม?” ราเมศวร์หันมาจ้องหญิงสาวนิ่งนาน รอคำตอบ “คะ?” เธอหันมองด้วยความสงสัย ดวงตาลึกล้ำของเขากำลังจ้องมองเธออยู่ ดวงตายาวรีที่น่าดึงดูดชวนให้หลงใหลนั้นสะกดเธอไว้จนไม่อาจถอนสายตาให้หันไปทางอื่นได้ ใจเธอเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย พยายามค้นหาว่าสิ่งที่อยู่ในดวงตาของเขาคืออะไร และในขณะที่เสียงเพลงกำลังคลอแว่วหวานผ่านหู ความรู้สึกชาวาบแล่นเข้าที่หัวใจ แล้วแผ่ซ่านไปจนถึงปลายนิ้วมือ ♫ ~ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เขามีวิธีในการตกหลุมรักกันได้อย่างไร สำหรับผม..ตกหลุมรักคุณตั้งแต่..ได้แตะต้องสัมผัส ดังนั้นที่รัก.. คืนนี้อนุญาตให้ผม..ได้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคุณนะ จูบผมและฟังเสียงของหัวใจ..ที่กำลังจะบอกคุณว่า.. ”รัก” ~ ♪ ศศิดาเม้มริมฝีปาก ความหมายของเพลงทำให้เธอรู้สึกหวามไหวในอก จึงค่อยๆ ถอนสายตาเบนออกไปที่เวที เขาชูแก้วให้พนักงานเสริฟ สักพักพนักงานก็นำวอดก้าแก้วใหม่มาวาง เขาส่งอะไรบางอย่างให้พนักงาน พร้อมกับทิป พนักงานโค้งให้เขา แล้วเก็บแก้วเก่ากลับไป “เพลงตามคำขอจากแขกวีไอพีมอบให้คนพิเศษในค่ำคืนนี้นะครับ เลิฟ ซัมวัน ครับ” นักร้องพูดออกไมค์ ก่อนที่มือขวาจะเริ่มเล่นท่อนอินโทรลงบนสายกีตาร์ ศศิดากัดริมฝีปาก เมื่อนักร้องเริ่มร้องเพลง เธอหันไปมองเขานิดหนึ่ง ในใจอยากรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ แต่สายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เวที แล้วยกแก้ววอดก้าขึ้นดื่มช้าๆ มือของเธอที่วางค้ำโซฟาไว้สองข้างตัวกำแน่นขึ้น ในใจตอนนี้คิดเพียงว่า อยากจะหลบไปจากสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดนี้ เธอรอให้นักร้อง ร้องผ่านไปสักครึ่งเพลง ก็คิดว่าจะเอ่ยปากขอตัว “เอ่อ..ท่านรองคะ..” “ผมไปส่ง!” หญิงสาวอ้าปากค้าง เพราะยังไม่ทันจะเอ่ยออกมา เขาก็พูดในสิ่งที่เธอคิดอยู่ ราวกับเป็นพยาธิสิงอยู่ในตับในปอดของเธอยังไงยังงั้น เขายกมือเรียกพนักงาน วางบัตรเครดิตบนแฟ้มเล็กที่พนักงานถือมา จากนั้นลุกขึ้นยืนรอให้เธอหยิบกระเป๋า แล้วออกเดินนำไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ……………………… ภายในลิฟต์ตัวใหญ่มีเพียงเธอกับเขาสองคน เขาหันตัวขยับเข้ามาใกล้ สองมือทาบกับผนังลิฟต์กั้นเธอไว้ ศศิดาแก้มแดงเล็กน้อย เนื่องจากอากาศในลิฟต์อบอ้าวไม่ถ่ายเท ชายหนุ่มก้มลงมองหญิงสาวที่แต่งหน้าเพียงบางๆ แก้มเป็นสีระเรื่อโดยธรรมชาติ ริมฝีปากของเธอเป็นประกายฉ่ำน้ำแดงระเรื่ออวบอิ่ม งดงามบริสุทธิ์ดั่งดอกไม้ เขามองริมฝีปากที่เผยอเล็กน้อย ดวงตาโค้งเรียว ใบหน้ารูปไข่มีรอยลักยิ้ม เขาชอบรอยยิ้มของเธอ เห็นเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดชวนให้หลงไหล “ขะ..ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มนะคะ” เธอไม่รู้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ควรจะพูดอะไรดีที่ไม่ชวนให้อึดอัด เลยเลือกที่จะกล่าวขอบคุณตามมารยาท เขายิ้มมุมปากนิดหนึ่ง เอนตัวลงกระซิบที่ข้างหู “ไม่เป็นไร” เธอรู้สึกว่าเสียงเขาฟังดูแหบพร่าและเซ็กซี่นิดๆ เธอสะท้านเล็กน้อยจนต้องกุมมือเข้าไว้ด้วยกัน หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ราเมศวร์ดื่มไปเพียงเล็กน้อย แค่รู้สึกมึนนิดหน่อยไม่ถึงกับเมา แต่ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาเกิดความต้องการขึ้นมา เขาก้มลงจูบเบาๆ ที่ติ่งหูของหญิงสาว ขยับเข้าชิดอีกเล็กน้อยแถวซอกคอ เพื่อสูดกลิ่นกายที่เขาหลงไหล “ศิดา ขอผมเข้าไปด้วยนะ ไม่ทำอะไรมากกว่าจูบ..นะ” ศศิดารู้สึกได้ว่าใบหูของเธอเริ่มชา ลมที่ปะทะผิวเนื้อเบาๆ ขณะที่เขาพูด ราวกับมีประจุไฟฟ้าวิ่งผ่านจากติ่งหูไปจนถึงปลายนิ้ว ทั้งสายตาและน้ำเสียงเว้าวอนเสียจนตัวเธอเริ่มสั่นสะท้าน จนเขารับรู้ได้ถึงความสั่นเทาและความกลัวของเธอ ริมฝีปากนุ่มเย็นสัมผัสบางเบาที่ซอกคอ ศศิดายกมือวางไว้บนแผงอกกำยำของเขาเตรียมจะผลัก แต่ความร้อนที่แผ่ซ่านมาสัมผัสผิวเนื้อมีเพียงแค่เชิ้ตกั้นกลาง ทำให้เธอรีบลดมือลงเหมือนถูกถ่านไฟร้อนๆ แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาจนแดงไปทั้งใบหน้า ความแนบชิดทำให้ลมหายใจของเขาเป่ารดซอกคอของเธอ ติ๊ง!! ประตูลิฟต์เปิดออก ราเมศวร์ขยับตัวหยิบคีย์การ์ดในมือของหญิงสาวขึ้นมาดู แล้วจับข้อมือเรียวบางพาเดินไปยังห้องพัก โดยไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ หญิงสาวเงยมองแนวกรามแข็งแรงได้รูปของชายหนุ่ม อย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาแตะการ์ดและเปิดประตูทันที ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ เท่านั้นที่ส่องเข้ามา “ศิดา..” นํ้าเสียงแหบพร่าของเขาแฝงไปด้วยความต้องการอันเอ่อล้น เขาไม่สนใจแม้แต่จะเปิดไฟในห้องด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเขาก็ดันตัวเธอมาติดประตู ริมฝีปากบางเย็นประกบจุมพิตลงบนริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอทันที ขบเม้มไปบนริมฝีปาก เป็นจูบเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้ารุนแรงและกลิ่นบุหรี่เย็นๆ ผสมกันตีเข้ามาในจมูก ทำให้สมองของเธอว่างเปล่าในทันใด ภายในห้องเงียบจนเหมือนมีแค่เสียงลมหายใจของเขา ฝ่ามือรุมร้อนข้างหนึ่ง กำลังลูบไล้อยู่ที่เอวคอดเหนือบั้นท้ายเล็กน้อย แล้วเลื่อนมากอบกุมบั้นท้ายเต็มตึงดึงเข้าชิดลำตัว ในสมองของเธอเหมือนโดนสายฟ้าฟาด จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกอย่างแรง ศศิดายืนหายใจหอบแรง ห่างจากเขาแค่ช่วงแขน ใจเต้นจนแทบหลุดออกมาจากอก กะพริบตาถี่ด้วยความกังวล แต่ก็ยังฝืนสงบนิ่งอยู่ในท่าเดิม เธอไม่มีประสบการณ์ในการจูบมาก่อน จึงกลั้นลมหายใจไว้จนหน้าแดง ความปรารถนาของเขาเพิ่งจะลุกโชน แต่กลับถูกขัดจังหวะ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่พอใจมาก ราเมศวร์ใช้นิ้วเช็ดริมฝีปากตัวเองเบาๆ คล้ายยังอาวรณ์รสจุมพิตเมื่อครู่ ทอดสายตามองไปที่ดวงตายาวรีของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “กลัวเหรอ?” “ฉัน..ฉันง่วงแล้วค่ะ คุณกลับไปเถอะนะคะ” เธอพูดแล้วหลุบตาลง หันตัวไปอีกด้าน ไม่กล้าสบสายตาตัดพ้อของเขา ชายหนุ่มไม่พูดอะไร สีหน้าเรียบเฉย ยื่นมือไล้โคนนิ้วโป้งกับแก้มเธอเบาๆ แล้วเปิดประตูออกไป ศศิดาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองว่ากลั้นลมหายใจเอาไว้ เธอผ่อนลมหายใจออกมาแรงจนหอบ แข้งขาอ่อนแรงจนรูดไปกับผนังห้องทรุดลงกับพื้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม