คนแปลกหน้า

1272 คำ
“ชุดพวกนี้...คุณออกแบบเองทั้งหมดเลยเหรอ” หวังเข่อซิงพูดแล้วก็นึกได้ “อ๊ะ! ฉันไม่ได้ดูแคลนคุณนะคะ แต่มันสวยและมีเอกลักษณ์มาก สามีฉันทำธุรกิจด้านนี้ เรามีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ปกติรับตัดเครื่องแบบพนักงาน แต่ตอนนี้อยากขยายงานมาเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่เรื่องออกแบบเราจ้างดีไซเนอร์มาออกแบบเสื้อผ้าให้แบรนด์ของเรา แต่ยังไม่ตรงใจตลาด วันก่อนที่เห็นภาพเสื้อผ้าชุดครอบครัวก็เลยได้ไอเดียอยากลองทำเสื้อผ้าเช็ตครอบครัวดูค่ะ” หลินเหยาซื่อตั้งใจฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “คุณหลินอยากลองร่วมงานกับเราไหมคะ ฉันเป็นคนพูดตรงไปตรงมาอย่างนี้ คุณอย่าถือสาฉันเลยนะ” “ไม่หรอกค่ะ แบบนี้ดีแล้ว” เธอยิ้มกว้าง “ฉันดีใจที่มาดามชอบ แล้วตอนนี้ฉันเองก็กำลังหารายได้จากความสามารถของตัวเองอยู่ แต่ฉันไม่ได้ร่ำเรียนทางนี้มา มีแต่ความชอบล้วนๆ แต่ถ้ามาดามให้โอกาส ฉันจะทำงานเต็มที่แน่นอนค่ะ” “ได้ยินแบบนี้ฉันดีใจจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” “เป็นฉันที่ต้องขอบคุณมาดามมากกว่าค่ะ” “ฉันยังมีโปรเจคที่อยากทำอีกเยอะแยะ ฉันหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณจริงๆ” หวังเข่อซิงเปิดกระเป๋าสตางค์ “ถือว่าเป็นค่าต้นแบบก็แล้วกันค่ะ คุณหลินตัดออกมาสักชุด เป็นเซ็ตแม่ลูก ฉันจะเอาไปเสนอที่บริษัทค่ะ” “ได้ค่ะ” เธอไม่ปฏิเสธที่จะรับเงิน “มาดามเรียกฉันว่าเหยาซื่อก็ได้ค่ะ” “น้องเหยาซื่อ” หวังเข่อซิงรู้สึกถูกชะตากับผู้คนนี้มากจริงๆ “ฉันเองก็มีลูกสาว น้องเหยาซื่อก็มีลูกฝาแฝด ถ้ามีเรื่องอะไรก็พูดคุยปรึกษากันได้” “ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถามรายละเอียดงามเพิ่มเติมนะคะ” “ได้เลยค่ะ ยังไงฉันก็ต้องนั่งรอลูกเรียนบัลเลย์จนจบชั่วโมง ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้ม หยิบปากกาจดรายละเอียดของเสื้อผ้าในรูปแบบที่หวังเข่อซิงต้องการ ระหว่างนั้น เธอเผลอมองไปนอกร้าน เห็นชายคนหนึ่งสวมหมวกแก๊ปสีดำดึงปีกหมวกลงเกือบปิดใบหน้า เขายืนอยู่หน้าตู้โชว์ขนมอยู่นานแล้ว หลินเหยาซื่อนอกจากคุยเรื่องงานแล้วก็ยังคุยเล่นเป็นเพื่อนหวังเข่อซิงที่รอเวลาลูกสาวเลิกเรียน ผ่านไปครู่ใหญ่หวังเข่อซิงชวนเธอไปเลือกขนมเค้กเพื่อซื้อกลับบ้าน “เลือกหลายๆ ชิ้นสิ เอาไปฝากลูกๆ เธอด้วย” “ขอบคุณมากค่ะ” หลินเหยาซื่อเกรงใจ แต่ขนมน่ากินจริงๆ เธอเลือกหลายชิ้นตั้งใจว่าจะออกเงินเองแต่สุดท้ายหวังเข่อซิงโบกมือห้ามไว้ “ฉันจ่ายเงินให้เอง ถือว่าเป็นของฝากจากฉันก็ได้” พูดขนาดนี้แล้ว เธอปฏิเสธไม่ลง แต่ก็เลือกกล่องเล็กอีกสองกล่อง “อันนี้ขอจ่ายเองนะคะ จะเอาไปฝากแม่บ้านค่ะ” หวังเข่อซิงตามใจ เธอชอบหลินเหยาซื่อมาก แต่เพิ่งพบกันอย่างเป็นทางการ จะถามเรื่องครอบครัวก็ดูจะไม่เหมาะนัก จึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย หวังเข่อซิงก็หยิบโทรศัพท์ติดตามตัวขึ้นโทรตามคนขับรถมารอรับ หลินเหยาซื่อเห็นแล้วก็ได้แต่อุทานในใจ คนในยุคนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือ “ฉันไปก่อนนะอีกสองอาทิตย์เจอกัน แล้วจะให้รถไปรับก็โทรมาบอกได้นะ” “ขอบคุณมากค่ะมาดาม” หลินเหยาซื่อรอส่งหวังเข่อซิงเดินไปขึ้นรถเก๋งหรูหราที่มาจอดรออยู่ เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองที่หน้าตู้โชว์ขนม ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เธอก้าวเท้าเข้าไปใกล้แล้วยื่นถุงกระดาษใส่ขนมเค้กก้อนเล็กให้เขา “เอาไปสิ” “....” “ไม่ต้องเกรงใจ เห็นคุณยืนดูอยู่ตั้งนาน” เธอยิ้มให้ แม้จะไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เขายังยืนนิ่งอยู่ เธอเดาว่าเขาคงเขินอายจึงยัดใส่มือของเขา “อร่อยมากเลยค่ะ แล้วในถุงนี้มีน้ำดื่มด้วย คุณไม่ต้องกลัวว่าจะติดคอ” เห็นเขารับถุงใส่ขนมแล้ว หลินเหยาซื่อก็หมุนตัวเดินจากไป ในหัวเธอคิดแต่เรื่องงานที่เพิ่งได้รับ คำนวนเรื่องผ้าที่ต้องใช้ แต่ก่อนกลับบ้านเธอต้องแวะซื้อแป้งสาลี่กับสีผสมอาหาร เธอสัญญากับลูกๆ ว่าจะทำแป้งโดว์ให้เด็กๆ ได้ปั้นเล่นเป็นการฝึกกล้ามเนื้อของมือน้อยๆ ทั้งสองข้าง ที่จริง เธอซื้อดินน้ำมันก็ได้ แต่ดินน้ำมันก็มีหลายยี่ห้อ เธอกลัวเรื่องสารเคมีตกค้างในดินน้ำมัน จึงตั้งใจจะทำแป้งปั้นให้เด็กๆ ไว้ใช้เอง ชายหนุ่มมองถุงกระดาษที่มีขนมเค้กอยู่ข้าใน เขาขยับปีกหมวกขึ้นมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไปแล้ว ดวงตายังฉาบแววฉงนสงสัย ทำไมเธอทำเหมือนไม่รู้จักเขา ทั้งที่เขาคือคนที่เธอควรจะเกลียดที่สุดก็ตาม. หลินเหยาซื่อทำแป้งโดว์ให้เด็กทั้งสองเล่นและสอนปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ จางหย่ง จางลี่ ต่างก็ชื่นชอบกันมาก “ไม่คิดว่าแป้งสาลี่จะเอามาทำแป้งปั้นแบบนี้ได้นะคะ” “ใช้ดีกว่าดินน้ำมันอีก” หลินเหยาซื่อหัวเราะคิกคัก นั่งมองเด็กๆ ปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ “ให้เด็กๆ เล่นหน้าบ้านสักยี่สิบนาทีแล้วพาเข้าบ้านนะคะ ฉันจะไปทำงานก่อน” “เจ้าค่ะ คุณผู้หญิง” ป้าฮุ่ยชิวนั่งดูเด็กๆ ปั้นดิน ตอนนี้หลินเหยาซื่อใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าตัวอย่าง จึงไม่อยากให้เด็กๆ เข้าไปรบกวนเวลาทำงาน “ไข่ น้องไก่ไข่แล้วไปเก็บไข่กัน” จางลี่พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแม่ไก่ร้องกระต๊ากๆ “เก็บไข่ๆ” จางหย่งพูดขึ้นและทำท่าจะวิ่งไปที่เล้าไก่ใกล้ๆ “ใจเย็นๆค่ะคุณหนูคุณชาย” ป้าฮุ่ยชิวหัวเราะออกมา จางลี่เป็นผู้หญิงแต่นิสัยใจกล้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กผู้ชาย แต่จางหย่งเป็นเด็กชายกลับนิสัยอ่อนโยนว่าง่ายราวเด็กผู้หญิง “เดี๋ยวป้าเก็บเอง คุณๆ รออยู่ตรงนี้ อ้อ เล่นลูกบอลนี้ก็ได้ค่ะ” ป้าฮุ่ยชิวส่งลูกบอลให้จางหย่งแล้วเดินไปทางเล้าไก่ ครั้งก่อนให้เด็กๆ เก็บไข่เอง ทำไข่แตกคามือ จางหย่งเสียใจจนน้ำตาร่วง คราวนี้นางจึงไปเก็บเอง จางลี่แย่งลูกบอลให้มือจางหย่ง จางหย่งมองมือที่ว่างเปล่าแล้วก็ได้สติ วิ่งไล่แย่งลูกบอลจากจางลี่ เด็กสองคนวิ่งเล่นแย่งลูกบอลส่งเสียงหัวเราะสดใส ใครเดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดมองด้วยรอยยิ้ม จางหย่งแย่งลูกบอลกลับมาได้ จางลี่แย่งกลับคืน แล้วเด็กหญิงตัวน้อยก็โยนลูกบอลขึ้นก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะไปสุดแรงเลียนแบบที่เคยเห็นในโทรทัศน์ แต่หนูน้อยเสียหลัก หงายหลังก้นกระแทกพื้น ลูกบอลกระเด็นกระดอนออกนอกรั้ว จางหย่งหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะช่วยพี่สาวหรือลูกบอลก่อนดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม