เย็นวันหนึ่ง คุณแสวงกับคุณนิดานั่งหน้าเครียดรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
"โอ้โห...กลิ่นหอมมาก แกงส้มใช่ไหมจ๊ะ แม่จ๋า ว่าแล้ววันนี้ตาซ้ายขยิบ ๆ คันปากยุบยิบต้องได้ลาภปาก" วุ้นเย็นเดินลันล้าเข้ามาด้วยหน้าตาสดใส หญิงสาวทำจมูกฟิด ๆ เดินตรงไปที่หม้อข้าว ตักข้าวสวยร้อน ๆ แล้วกลับมานั่งลงตรงกันข้ามพ่อกับแม่ แต่พอเงยหน้าขึ้นเธอก็รีบวางช้อนที่กำลังจ้วงตัดแกง เพราะสีหน้าของคนทั้งคู่ที่ดูเคร่งขรึม
"เป็นอะไรกันอีกจ๊ะ พ่อกับแม่ทำไมทำหน้าเครียดเชียว"
"นี่เอ็งจะลอยไปลอยมา ไม่คิดจะหาคู่แต่งงานไม่ได้นะยายวุ้น แม่อยากอุ้มหลาน" คุณแม่ทำเสียงแง่งอนออกมา
"โธ่...แม่จ๋า เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ วันนี้ใครมาจุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมาอีกละเนี่ย" เธอทำหน้าแบบเซ็งสุด ๆ
"วุ้น... เอ็งจะสามสิบปีแล้วนะ ยังมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก เอ็งก็รู้ว่า ถ้าคนเราแก่ตัวไปแล้วมันท้องยาก" พ่อสนับสนุนความคิดของแม่อีกแรง
"โธ่พ่อจ๋า... หนูเห็นดาราเขาแต่งกันช้ากว่าหนูอีก ยังมีลูกได้เลย" เธอเถียงส่ง ๆ ไปเหมือนทุกครั้ง แล้วกินข้าวต่อไปแบบไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของพ่อกับแม่
"วุ้นเอ๊ย คิดดูนะแม่กับพ่อยังมีลูกยาก กว่าจะมีเอ็งสักคน แม่ปล้ำกันกับพ่อมาตั้งกี่ปี" คุณนิดาหันหน้าไปมองหน้าพ่อแสวง คุณพ่อชูสามนิ้ว ลูกสาวได้แต่นั่งอมยิ้ม
"ยังจะมาหัวเราะอีก" แม่แผดเสียง จ้องมองลูกสาวตาเข้ม ดูดุและจริงจังกว่าทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องนี้
"แล้วแม่กับพ่อจะให้หนูทำยังไงล่ะ" เธอถามออกไปทันที
เริ่มไม่สนุกด้วยแล้ว แต่คำถามของเธอก็ช่างเปิดทางให้กับพวกท่านเสียจริงๆ คุณแม่ถึงกับยิ้มกว้างออกมา
"แต่งงาน"
สิ้นคำวุ้นเย็นอ้าปากค้าง
เคล้ง... เธอทำช้อนร่วงลงไปจากมือทันที
"แต่งกับใคร" เธอโพล่งปากถามออกไป เพราะเธอเคยบอกกับทั้งสองคนมาตั้งหลายครั้งแล้วว่ายังไม่มีแฟน แล้วพ่อกับแม่จะให้เธอแต่งงานกับใคร
"ตะวัน ลูกกำนันสมบูรณ์" พ่อยิ้มแป้น บอกชื่อว่าที่ลูกเขยแบบเสียงดังฟังชัด
"หา! ไอ้วันเหรอ" เธออุทานเอ่ยชื่อเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์ที่วิ่งแก้ผ้าเล่นน้ำฝนกันมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ
“ใช่...ตะวัน" พ่อย้ำชื่อนี้อีกครั้ง
"ไม่เอา... ไม่เอา ใครอยากแต่งก็แต่งไป วุ้นไม่แต่งกับไอ้วัน อีกอย่างพ่อกับแม่ก็รู้ว่า เมียมันก็ทิ้ง แล้วไอ้วันมีมันก็มีลูกติด แม่จ๊ะ พ่อจ๋า ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบังคับกันนะ วุ้นไม่เล่นด้วย จะให้แต่งกับไอ้วัน วุ้นไม่เอาหรอก"
เธอปฏิเสธท่าเดียว แล้วการถกเถียงวุ่นวายก็เกิดขึ้นภายในบ้าน ก่อนที่เธอจะหนีหน้า ขับรถกระบะของตัวเองหนีออกไป
"ยายวุ้น...เอ็งจะไปไหน" แม่ได้แต่ตะโกนตามหลัง แต่หญิงสาวไม่สนใจแล้วเธอตรงดิ่งไปที่ทำงานของเธอทันที
ณ โรงพยาบาลเอกชนใจกลางเมืองลพบุรี ที่วุ้นเย็นเป็นเภสัชกรอยู่ เธอทำงานที่นี่มาสองปีกว่า ๆ แล้ว
ในห้องล็อกเกอร์ ซึ่งในห้องนี้มีทั้งห้องอาบน้ำ ตู้ใส่เสื้อผ้า และเตียงนอนเพื่อบริการพนักงาน พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ซึ่งจะแยกตามตำแหน่ง
เธอทิ้งตัวนั่งลงไปนอนเหยียดยาวที่เตียง หนึ่งแขนถูกยกขึ้นไปเกยหน้าผาก หน้าตาครุ่นคิด
'คิดอยู่แล้วเชียว มิน่า เห็นไอ้วันมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าห้องจ่ายยามาหลายวันแล้ว มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ชิชะ... ไอ้วันนี่มันยิ่งบ้า ๆ อยู่ด้วย ไม่เอา ไม่มีวัน วุ้นไม่แต่ง หัวเด็ดตีนขาด วุ้นก็ไม่แต่ง เอาสิ... พ่อกับแม่จะมาบังคับเราไม่ได้ ไม่ยอมหรอก
ชิ... หาคนที่มันดีกว่าไอ้วันให้ก็ไม่ได้ เหอะ... พ่อกับแม่นี่จริง ๆ เลย'
เธอบ่นในใจ คิดไปสะระตะ นึกไปถึงใบหน้าของตะวันที่มานั่งยิ้มแฉ่งให้เธอลอบมองสบตาเธออยู่ที่หน้าห้องจ่ายยาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
"หึ..." เธอทำเสียง และพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ แค่นึกเห็นหน้าของตะวันก็นึกเซ็ง รีบลุกขึ้นนั่งส่ายหัวไปมาเหมือนจะสลัดความคิดให้ออกไปจากหัวให้ได้
วุ้นเย็นเป็นเพื่อนกับตะวันมาตั้งแต่เล็ก ๆ เรียนห้องเดียวกัน ชั้นเดียวกัน และที่เธอเกลียดและชิงชังคือ นิสัยอันธพาลของเขา ตะวันคิดว่าเขาเป็นลูกผู้มีอิทธิพล จึงชอบแกล้งคนอื่นอยู่เสมอ เธอก็เคยโดนด้วย เมื่อโตขึ้นมาตะวันก็ยังทำตัวไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ถึงแม้ว่าจะไม่เจอกันบ่อยครั้งเหมือนเดิม แต่พฤติกรรมของตะวันยังติดตาเธอ
อีกอย่างผู้คนก็รู้กันอยู่แล้วว่า ตะวันก็เป็นพ่อหม้าย เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมมีลูกติดเป็นเด็กชายอีกหนึ่งคน เธอได้ยินกิตติศัพท์ของตะวันอยู่เสมอ ตะวันก็ยังคงทำนิสัยแย่ ๆ เป็นอันธพาล วัน ๆ ก็ทำตัวลอยไปลอยมาไม่มีสาระ
อีกทั้ง ตะวันก็เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เลิกกับเมีย ทิ้งลูกให้กับแม่พ่อของตัวเองเลี้ยง และทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย พฤติกรรมช่างน่ารังเกียจนัก หญิงสาวได้แต่บอกกับตัวเองว่า เธอไม่ปลื้มนายตะวันเอาเสียเลย
'พ่อกับแม่คิดได้ยังไงจะให้วุ้นไปแต่งงานกับไอ้คนแบบนั้น อยากได้อะไรกันแน่ แม่อยากเห็นวุ้นมีครอบครัวที่มีความสุข หรือแม่กับพ่อแค่อยากได้หลาน' เธอคิดเคืองและน้อยอกน้อยใจพ่อกับแม่มาก ๆ
'สงสัยพ่อกำนันมาพูดกล่อมหูแน่ ๆ หรือไม่ก็แม่กำนันอีกคน ไม่ถามถึงจิตใจของวุ้นสักคำ แม่กับพ่อนะ...เฮ้อ...’ แม่ของตะวันเป็นเพื่อนสนิทของคุณแม่นิดา ทั้งสองคนคงคุยกันเรื่องนี้