ตอนที่ 2 การเจอกันของเพื่อนเก่า
-Talk อันนา-
เสียงดนตรีที่ดังอึกทึก ในขณะที่กำลังพยายามพาร่างกายแทรกรฝ่าฝูงชนที่กำลังเต้นไปตามจังหวะเพลงราวกับตัวอะไรสักอย่างที่ดิ้นแด่ว ๆ เวลาโดนน้ำสาด ความจริงฉันไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้เลยสักนิด สายตาของฉันพยายามสอดส่ายมองหาเค้าร่างของหญิงสาวผิวขาวหุ่นนางแบบอย่างเพื่อนของเธอที่ชื่อไอด้า
“โอ๊ย ยัยไอด้านะยัยไอด้า ไม่เจอกันตั้งสี่ปี นัดกันทั้งทีก็ต้องมานัดกันในผับแบบนี้ เชื่อนางเลย"
ฉันไม่ได้เจอกับเพื่อนเก่าอย่างไอด้ามาสี่ปีไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่เจ้าตัวบอกว่ากลับมาเมืองไทยได้สักพักแล้ว และตอนนี้นางกำลังนั่งรอฉันอยู่ที่บาร์เคาน์เตอร์ด้านข้างฟลอร์
เมื่อมาถึงที่หมายฉันก็กวาดสายตาหาอยู่สักพัก ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทำเอาฉันรู้สึกตาลายขึ้นมาเล็กน้อย ไม่นานสายตาก็ไปสะดุดกับสาวสวยคนหนึ่งในชุดเดรสสีแดงสุดแซ่บที่กำลังเต้นบดกับผู้ชายตรงหน้าจนแทบจะสะกดทุกสายตา
ใช่...นั่นต้องเป็นไอด้าเพื่อนรักของฉันแน่ ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันจึงไม่รอช้าที่จะรีบสาวเท้าเข้าไปเพื่อดูให้แน่ใจ และทันทีที่อีกฝ่ายเริ่มสังเกตเห็นฉัน ท่าทางของหญิงสาวจากที่กำลังยืนเต้นและจิบเหล้าสีหวานในมือก็เปลี่ยนเป็นหันมายิ้มแย้มและทักทายกลับมาทางฉันทันที
“ยายอันนา”
ไอด้าเรียกชื่อของฉันพลางอ้าแขนออกกว้างสื่อเป็นนัยว่าต้องการจะสวมกอด ส่วนฉันที่มั่นใจชัดเจนแน่แล้วว่าหญิงสาวคนสวยที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นไอด้าเพื่อนสนิทของตัวเอง จึงตรงปรี่เข้าไปเพื่อสวมกอดกับเธอแบบหลวม ๆ
“โอ๊ยย คิดถึงแกจังเลย ไม่เจอกันตั้งนาน”
พูดออกไปอย่างตื่นเต้นดีใจ ดูสิเนี่ยไปอยู่ที่เมืองนอกไม่กี่ปี กลับมาก็สวยขึ้นจนแทบจำไม่ได้ มองดูเผิน ๆ นี่คิดว่าเป็นดาราคนดัง ผิดกับฉันที่เอาแต่เรียนแล้วก็ทำโปรเจคจนโทรมไปหมด
“นี่แกไม่เปลี่ยนไปเลยนะเนี่ย ยังเป็นอาหมวยอันนาเหมือนเดิม”
ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นฉายาของฉันเอง เพราะว่ารูปร่างหน้าตาที่ออกไปทางเอเชียมากไปหน่อย อีกฝ่ายจึงได้ตั้งชื่อให้ฉันว่าอาหมวย แต่จะให้ปฏิเสธไปก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากอีก ก็เพราะครอบครัวของฉันมันดันมีเชื้อสายจีนแต่ถึงอย่างนั้นฉันกลับไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่
“แกก็…”
ฉันพูดออกไปติดอาการเขิน ก่อนที่ไอด้าจะชวนให้ฉันนั่งข้างเธอแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ที่กำลังชงเหล้าอยู่
เมื่อฉันสามารถย้ายก้นมานั่งแปะอยู่ที่เก้าอี้ได้เรียบร้อย ความที่ไม่ได้เจอเพื่อนรักสมัยเรียนอย่างไอด้ามานาน เลยอดไม่ได้ที่จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเพื่อนเก่าด้วยความคิดถึง
“แกเป็นยังไงบ้าง”
“จะเป็นไงกลับมาเมืองไทยได้สามเดือนละ แกก็รู้เมืองไทยน่าเบื่อจะตายอากาศก็ร้อน ฉันโทรนัดแกหลายครั้งก็ไม่ว่างมาสักที”
“โหย ฉันมีเวลาว่างแบบคุณหนูเหมือนแกมั๊ง ว่าแต่แล้วทำไมแกถึงกลับมาที่ไทยล่ะ”
แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำถามของฉัน ไอด้าก็แสดงสีหน้าเบื่อ ๆ ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาคนรอฟังข่าวคราวจากอีกฝ่ายต้องสงวนอาการความอยากรู้ลงเพราะรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานิดหน่อย
“เอาจริงฉันยังไม่อยากจะกลับมาเท่าไหร่เลย ฉันยังอยากอยู่ที่นั่นอีกสักปีสองปีอะ ก็ป๊าน่ะสิ ดันเรียกให้ฉันกลับมา…”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก หาได้ไม่บ่อยนะเนี่ยที่แม่เสือสาวอย่างไอด้าจะแสดงอาการไม่สู้ดีขนาดนี้ ปกติแล้วคนตรงหน้ามักจะเป็นคนมีเสน่ห์และมั่นใจอยู่ตลอดเวลา พอเห็นแบบนี้แล้วมันก็ยิ่งกระตุกต่อมอยากรู้ที่มีข้างในของฉันมากกว่าเดิมจนทนไม่ไหว ต้องถามย้ำกลับไป
“แกมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ป๊าจะให้ฉันกลับมาหมั้นกับลูกชายเพื่อนเขาอะสิ”
หญิงสาวหันมาพูดสีหน้ามู่ทู่ น้ำเสียงอิดออดเกินบรรยาย ทั้งสีหน้าและแววตาบ่งบอกออกมาชัดเจนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คนตรงหน้านั้นต้องการเลย
ก็แน่ล่ะสิ คนอย่างยัยไอด้ารักสนุกแถมเป็นผู้หญิงลั้นลาจะตาย อยู่ ๆ จะโดนจับคู่ เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่โอเคเป็นธรรมดา ฉันที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะวางมือลงบนหลังมือของไอด้าเบา ๆ เพื่อแสดงความเห็นใจ
แต่ถึงจะรู้สึกไม่เห็นด้วยยังไง เรื่องแบบนี้คนนอกอย่างฉันก็คงจะเข้าไปจุ้นจ้านด้วยไม่ได้อยู่ดี
“แล้วเป็นไงไปเจอมาหรือยัง โอเคไหมว่าที่คู่หมั้นแก”
“ก็โอเคอยู่ เป็นหมอชื่อนายแพทย์อะไรสักอย่างนี่ละ ถามว่าหล่อไหมก็หล่อ หล่อแบบตะโกนเลยนะแก แต่ดูแล้วถ้าจะระเบียบสุด ๆ เฮ้อ ฉันยังไม่อยากใช้ชีวิตแต่งงานเลย”
“ฉันเข้าใจแกนะ ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเขาก็หล่อ แกน่าจะโอเคแล้ว ยิ่งถ้าเขาเป็นคนดี แกยิ่งโชคดีเลย” เป็นคำปลอบที่ฉันหวังจะให้เพื่อนรักของฉันสบายใจ
“คนดีแต่จืดชืดก็ไม่ไหวนะ” ไอด้าถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือโชว์สูงขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนเป็นการยกแก้วให้กับใครสักคนที่เป็นผู้ชายโต๊ะตรงกันข้าม เธอจิบเล็กน้อยก่อนวางแก้วในมือลง