การที่ลูกชายยอมถอยให้หนึ่งก้าวก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เกินความคาดหมายมากแล้ว จากนี้ก็แค่ต้องพยายามให้เด็ก ๆ ปรับตัวเข้าหากันให้ได้ และหวังว่าสักวันธัญญ์จะรักเอ็นดูหนูมุกดาขึ้นมาบ้างในฐานะน้องสาวอีกคนอย่างที่เขาและภรรยาหวังจะให้เป็น
ดูเหมือนคนที่จะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยคงจะหนีไม่พ้นทิวา เด็กสาวตามติดเพื่อนใหม่ของตัวเองแจ ซ้ำยังพาอีกฝ่ายเดินชมไปทั่วบ้าน ทำหน้าที่เจ้าของบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจนคนเป็นแม่อดเอ็นดูไม่ได้ โชคดีที่นางสอนลูก ๆ ให้รู้จักมีน้ำใจมาตั้งแต่พวกแกจำความได้ และโชคดีที่ยัยตัวแสบคนเล็กของบ้านทำให้สมาชิกใหม่มีรอยยิ้ม หลังจากที่ไม่มีใครได้เห็นมานาน
“หนูขอนอนกับมุกได้ไหมคะคุณแม่ เราขอนอนด้วยนะมุก” แม้แต่เข้านอนทิวาก็ยังไม่ยอมห่างจากเพื่อนใหม่ที่ถูกชะตาด้วยเลย ในขณะที่เด็กอีกคนนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกันถึงได้พยักหน้าตอบ
“ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นฝันดีนะจ๊ะเด็ก ๆ อย่าชวนเพื่อนใหม่คุยจนดึกล่ะเรา” เมื่อเด็ก ๆ เห็นตรงกันแบบนั้นญาดาจึงไม่ขัด นางกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนจะเดินกลับมายังห้องตัวเองที่มีสามีนั่งรออยู่
“เป็นยังไงบ้างคุณ”
“พากันเข้านอนไปแล้วค่ะ ดูเหมือนยัยแสบเล็กของเราจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ดีเกินคาด ทางคุณพี่ล่ะคะพ่อลูกชายตัวดีของเราว่ายังไงบ้าง” นี่ต่างหากคือปัญหาใหญ่ของจริงที่ทำให้นางกับสามีหวั่นใจ เพราะถ้าลูกชายคนโตไม่ยอม อะไร ๆ ที่วางแผนไว้ก็คงจะไม่ง่าย
เห็นได้ชัดว่าพ่อคุณมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ลองถ้าพ่อบอกว่า ‘ไม่’ แล้ว ใครก็อย่าหวังจะไปเปลี่ยนใจให้กลับมา ‘ใช่’ ได้
“ตาธัญญ์ยอมให้หนูมุกอยู่กับเราที่นี่ แต่เรื่องที่คุณจะรับแกเป็นลูกบุญธรรมผมว่าเห็นทีจะยาก” คำบอกเล่านี้ไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเอาไว้เท่าไรนัก เพราะนางเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักนิสัยของลูกชาย
“นิสัยหวงแม่นี่ไม่รู้ว่าได้จากใครมานะคะ”
“กลัวว่าจะเป็นผมนี่ล่ะ” นางยิ้มให้กับคำตอบที่ได้ก่อนจะค่อย ๆ วางมือลงบนมือหนาของสามี ราวจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ใช่จะไม่รู้ว่าการต้องสูญเสียคนสนิทไปในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดให้เขามากแค่ไหน ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ระวัง เมธีเลยต้องมาตายเพราะเอาตัวเองเข้ามาปกป้อง และเพราะความรู้สึกผิดนี้เองเลยทำให้นางตัดสินใจบอกถึงความตั้งใจของตัวเองออกไป ว่าอยากรับลูกสาวของอีกฝ่ายนั้นมาเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม
“เราจะดูแลแกให้ดี ให้สมกับที่พ่อของแกต่อลมหายใจให้ผม” ดนูตอบกลับภรรยาพร้อมกระชับมือที่เขากุมมานานกว่าสิบปีไว้แน่น หากไม่ได้เมธีเขาอาจไม่มีโอกาสมานั่งจับมือภรรยาแบบนี้
สิ่งเดียวที่จะทดแทนบุญคุณได้คือต้องดูแลแก้วตาดวงใจของอีกฝ่ายให้ดี ให้สมกับที่คนจากไปได้มอบชีวิตใหม่ให้เขากับครอบครัว
“ค่ะ เราจะช่วยกันดูแลแก”
ชีวิตของมุกดาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในบ้านหลังใหม่และโรงเรียนใหม่ การปรับตัวในเวลาอันรวดเร็วนี้จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เพราะมีทุกคนในบ้านคอยให้กำลังใจเด็กน้อยจึงค่อย ๆ ก้าวผ่านความยากลำบากที่ว่ามาได้อย่างช้า ๆ ทว่ากลับมั่นคง
“ยัยมุกเป็นเด็กกำพร้า” การถูกล้อเลียนจากเพื่อนร่วมชั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เธอจำต้องเผชิญอยู่ในทุกวัน หากมีทิวาอยู่ด้วยฝ่ายนั้นคงออกโรงปกป้องเธอเหมือนทุกครั้ง แต่เพราะพากันแอบไปเล่นน้ำฝนหลังบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน เลยทำให้เพื่อนรักของเธอถึงกลับจับไข้ ผลที่ได้เลยต้องหยุดเรียนถึงสามวัน
สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือปล่อยให้เด็กเกเรพวกนี้ล้อต่อไป เพราะลำพังแค่เธอคนเดียวคงไปสู้อะไรเด็กพวกนั้นไม่ได้
“โง่หรือไง! ถึงได้ยืนให้พวกมันล้ออยู่ได้” เดือดร้อนคนที่เพิ่งลงจากรถที่ต้องตวาดใส่คนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ขยันสร้างความหงุดหงิดให้เขาอยู่เรื่อย เกลียดนักไอ้ท่าทีเชื่องช้าไม่สู้คน เห็นทีไรชวนโมโหทุกที
สุดท้ายเพราะความโมโหเขาเลยจัดการนัดไอ้เด็กเกเรพวกนั้นให้ไปเจอกันหลังโรงเรียน ถึงพวกมันจะเล่นกฎหมู่แต่ก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี
“ตายแล้ว! ตาธัญญ์ หน้าไปโดนอะไรมาลูก” ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของลูกชายทำเอาญาดาตกใจไม่น้อยที่เห็น
“หกล้มครับ” แตกต่างจากเจ้าตัวที่ตอบกลับมาด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับบาดแผลเล็กน้อยตามเนื้อตัวเลยสักนิด
“หกล้ม! หกล้มได้ยังไง เดี๋ยวสิตาธัญญ์ จะไปไหน แม่ยังพูดไม่จบ” แต่เด็กหนุ่มฟังจบแล้ว และไม่ต้องการตอบคำถามอะไรอีก
คงมีแต่มุกดาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ได้ไปหกล้มที่ไหนมา แต่ที่ได้แผลกลับบ้านเพราะไปหาเรื่องเด็กที่ล้อเธอหลังเลิกเรียน เธอเห็นเด็กพวกนั้นแอบวางแผนกันหลังห้องว่าจะช่วยกันรุมเขาถึงได้แอบตามไปเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่พอไปถึงกลับพบว่าถึงไม่มีเธอก็คงไม่มีใครทำอะไรธัญญ์ได้อยู่ดี สภาพของเด็กพวกนั้นสาหัสน่าดูเมื่อเทียบกับเขาที่มีแค่รอยถลอก เพราะพลาดหกล้มตอนที่ถูกทั้งสามคนกรูเข้าไปหาพร้อมกัน
ความรู้สึกผิดส่งผลให้ตัดสินใจฝ่าฝืนกฎเหล็กเป็นครั้งแรก เข้ามาในห้องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมกับของบางอย่างในมือ
“ใครให้เข้ามา ออกไป!” ทันทีที่พบหน้าเจ้าของห้องก็ตวาดไล่กันในทันที ซ้ำยังปาหมอนในมือใส่หน้าเมื่อคนถูกไล่ไม่ยอมขยับ
“มุกเอายามาให้ คุณธัญญ์เจ็บมากไหม” เธอห่วงเขาเหลือเกิน รู้ว่าไม่ควรดีใจแต่ก็แอบดีใจไปแล้วที่เขาออกโรงปกป้อง
“ไม่ต้องมายุ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธออ่อนแอฉันคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอรู้เอาไว้ซะ” เธอไม่ได้ขอให้เขาไปมีเรื่องกับเด็กเกเรพวกนั้นสักหน่อย แต่พูดไปมีแต่จะทำให้เขายิ่งโกรธ
“มุกขอโทษ ถะ...ถ้างั้นมุกวางยาไว้ตรงนี้นะ อย่าลืมทานะคะ” เมื่อเจ้าของห้องไม่ตอบอะไรกลับมาเด็กน้อยจึงเข้าใจว่าเขาไม่รังเกียจยาของเธอ จึงค่อย ๆ วางมันไว้และรีบพาตัวเองวิ่งหนีออกไป