บทที่ 5 เมื่อสบตานางครั้งแรก

1194 คำ
          สะพานไม้ที่สร้างสำหรับข้ามแม่น้ำไท่หยาง นับเป็นสะพานไม้ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหมิง สร้างในรัชกาลก่อน ผู้ที่ดูแลการก่อสร้างคืออดีตองค์ชายสาม หรือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั่นเอง สะพานนี้มีความแข็งแรงและงดงามอย่างยิ่ง ที่หัวสะพานมีเสาหินใหญ่สลักรูปหัวพยัคฆ์ไว้ ข่าวลือว่า การที่ฮ่องเต้รับอาสาดูแลการสร้างสะพานแห่งนี้เพื่อเสริมบารมีตามคำแนะนำของโหรผู้หนึ่งที่องค์ชายสามบังเอิญได้พบ             ฟ่านหลี่เจี๋ยมักจะสั่งให้บ่าวจอดรถม้าข้างทางเพื่อเดินเล่นบนสะพานก่อนที่จะตรงไปพระราชวัง ท่านพ่อของเขาก็มีส่วนในการก่อสร้างสะพานแห่งนี้ และเขาเองก็เคยตามท่านพ่อมาดูการก่อสร้างหลายครั้ง ทิวทัศน์จากบนสะพานเมื่อมองไปยังพระราชวังนั้นงดงามนัก โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก             รถม้าคันหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงมาตามถนนฝั่งตรงข้ามกำลังพุ่งขึ้นบนสะพาน ท่านหญิงใหญ่จีควบม้าตามมาติด             “หลบไป! อันตราย!” นางตะโกนลั่น ทว่าชายหนุ่มที่กำลังยืนหลับตาเงยหน้ารับลมนั้นกลับมิได้ยินสิ่งใด ท่านหญิงจีตัดสินใจยืนขึ้นบนหลังม้าย่อตัวลงเล็กน้อย กระโจนขึ้นสูงพุ่งไปกอดเอวชายผู้นั้นกระโจนอีกฟาก ขณะที่รถพ่วงด้านหลังม้าตัวนั้นเหวี่ยงแรงจนชนราวสะพาน             เปรี้ยง! ครืด!             รถม้าคันนั้นครูดไปตามราวสะพาน พลิกคว่ำล้อขัดเข้าที่ราวสะพานทำให้ม้าตัวนั้นร้อง ฮี้ๆ ลั่น สองขาหน้ามันตะกายอากาศก่อนจะล้มลง ท่านหญิงจีที่โอบเอวด้านข้างของชายหนุ่มร่างสูงเพรียวให้หลบรถม้า พาร่างเขาเซไปปะทะเสาราวสะพานที่อยู่ถัดไปอีกห้าเสา หลังของเขาพิงอยู่กับเสา มีอีกร่างหนึ่งแนบอยู่กับอก             ฟ่านหลี่เจี๋ยเงยหน้าขึ้นไปมองม้าที่นอนหงายและรถพ่วงหลังที่ล้มคว่ำอยู่ช่วงกลางของสะพานติดกับราวด้วยความตกใจ ขณะที่เขากำลังยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้ากลับประสบเหตุอันตรายถึงเพียงนี้ ก้มลงมองร่างที่กอดรัดเขาพิงอกเขาอยู่ด้วย นางในชุดสีแดงมีผ้าโพกศีรษะและปิดบังใบหน้า มองเห็นเพียงดวงตากลมโต ทว่าก้อนเนื้อหยุ่นที่ทาบทับอยู่กับร่างเขาทำให้รู้ว่า ‘นะ นี่ คือ สตรี’             “เจ้าไม่เป็นอันตรายใช่หรือไม่?”             “เอ่อ....ไม่เป็นไร” เขาอึกอักก่อนตอบ หัวใจเต้นตึกตักรัวเร็วราวจะทะลุออกมา ในท้องก็คล้ายมีกวางน้อยหลายตัววิ่งวนเวียน  ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เมื่อสบตากลมโตของนาง             “ดีแล้ว”  นางผละออกจากอกกว้าง หันมาสำรวจแขนขาตนเอง ‘เคราะห์ดีที่กระโจนจากหลังม้าทัน ไม่งั้นเห็นทีเขาคงตกลงไปในแม่น้ำแล้ว’             องครักษ์ตระกูลจีสองนายควบม้าตามมาถึง นางยกมือขึ้นห้ามมิให้ฝ่ายนั้นถามสิ่งใด             “พวกเจ้าจัดการรถม้าเสีย เดี๋ยวข้าจะกลับก่อน” นางสั่งจบก็ควบม้าจากไปโดยไม่แม้แต่บอกลาเขา           “คุณชายใหญ่ ท่านบาดเจ็บหรือไม่?” องครักษ์ของเขารีบวิ่งเข้ามาถาม เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน             “ข้าไม่เป็นไรหรอก” เขายืนหน้าตายตอบกลับ             เหล่าองครักษ์พยักหน้าอย่างโล่งใจ “ขอรับ”             ฟานหลี่เจี๋ยหันกลับไปจะถามผู้ที่มาเก็บรถม้า พวกเขากลับทำงานรวดเร็วเกินคาดและนำรถม้าจากไปแล้ว             ฟ่านหลี่เจี๋ยได้แต่ยืนปริบๆ มองตามหลังสตรีชุดสีแดงที่ควบม้าจากไป เขาไม่เป็นอันทำงานนึกถึงแต่ดวงตากลมโตที่ได้สบตาครู่เดียวนั้น ตั้งแต่เช้าจนเย็น ต้องคอยเรียกสติตนเองอยู่หลายครั้ง             กลับถึงจวนในยามเย็น ฟ่านหลี่เจี๋ยมิได้ฟังเสียงมารดาเรียกให้แวะจิบน้ำชา เขาเร่งฝีเท้าไปยังเรือน ‘ผิงอาน’ ริมกำแพงของตนเองเพื่อวาดรูปนางติดเอาไว้ในห้องอ่านหนังสือ จวบจนตะวันตกดิน บ่าวมาเชิญเขาไปรับประทานอาหาร ชายหนุ่มก็วาดเสร็จพอดี เขาแขวนรูปของนางไว้ในซอกระหว่างตู้หนังสือ หากไม่เดินเข้าไปถึงข้างในสุดย่อมมิได้เห็นภาพนี้               ท่านหญิงใหญ่จีควบม้าไปถึงวังจีก็รีบเดินลิ่วไปหน้าวัง นางกำนัลประจำตัวของนางเดินออกมาผายมือ             “ท่านหญิงน้ำอาบพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” ปานเหมยกุ้ยรับใช้นางมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงรู้ว่าในยามนางกลับมาจากข้างนอกจะต้องได้อาบน้ำทันที             “ดี วันนี้เสื้อผ้าข้าขาดหมด เจ้าดูสิ” จีลี่อิงวางผ้าโพกศีรษะและปิดหน้าในมือลงบนมือของนางกำนัลแล้วเดินเข้าไปในห้อง นางเดินฉับๆ เข้าไปให้นางกำนัลช่วยถอดเสื้อผ้าแล้วลงแช่ในอ่างน้ำ             ‘ข้าได้ทำความดีอีกแล้วหนึ่งอย่าง ได้ช่วยชีวิตคนไว้อีกหนึ่งคน’             นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับคนในครอบครัวฟัง ทุกคนต่างพยักหน้ายินดีที่นางทำสิ่งที่ท่านปู่สั่งไว้สำเร็จอีกหนึ่งอย่าง             “บุรุษผู้นั้นรูปงามหรือไม่พี่ลี่อิง?”             “คนผู้นั้นอย่างไรเล่า?” นางอมยิ้มหันไปตอบคำถามน้องสาว             “ผู้ใด?”             “คุณชายใหญ่ฟ่าน”             “หา!” คนทั้งครอบครัวส่งเสียงอุทานพร้อมกัน                          ยามค่ำคืนแววตาคู่นั้นติดตามไปจนยามหลับ ในความฝัน ฟ่านหลี่เจี๋ยในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดกำลังก้าวเท้าเข้าไปที่เตียงนอนคืนวิวาห์ ห้องถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงสด เขากำลังเดินถือคันชั่งเข้าไปใกล้นาง เมื่อเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกลับมีผ้าปิดหน้าสีแดงซ้อนอยู่ข้างใต้ และเห็นเพียงดวงตากลมโตคู่นั้น             “เจ้า...เจ้านั่นเอง” เขาตกตะลึงครู่ใหญ่             นางกระปริบตาสองสามครั้งก่อนเรียกเขา “ท่านพี่...”             ครั้นเขานั่งลงเคียงข้างโอบกอดร่างนั้นไว้แนบอก กำลังจะเปิดที่บังส่วนจมูกและปากของนางออก พลันเสียงเรียกก็แทรกเข้ามา             “คุณชายใหญ่ขอรับ ตื่นเถิดขอรับ”              ฟ่านหลี่เจี๋ยลืมตาขึ้นมอง อี๋ลี่จือคนรับใช้ประจำตัวเขาจะคอยมาปลุกทุกวันหากเขาตื่นผิดเวลา ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อวานเขามัวแต่นั่งเหม่อมองภาพวาดนั้นจนดึกดื่น ทำให้ไม่ได้เขียนหนังสือเลยแม้แต่หน้าเดียว ขณะเดียวกันจีลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาก็กำลังรู้สึกมึนงงที่ความฝันเมื่อคืนราวกับเกิดขึ้นจริงยิ่งนัก นางกำลังอยู่ในห้องวิวาห์กับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเขาเปิดผ้าคลุมหน้านาง เจ้าบ่าวผู้นั้นคือคุณชายใหญ่ฟ่าน ในฝันนางเรียกเขาว่าท่านพี่ด้วยน้ำเสียงรักใคร่ ‘ข้าอาจจะเห็นเขาเป็นเป้าหมายของการอยู่รอดของคนในตระกูลจนเก็บเอามาฝันเป็นจริงเป็นจัง’ ****************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม