บทที่ 8 พนันแต่งงาน

1241 คำ
            หลังจากการปราบกบฏภายใต้การมุ่งสังหารฮ่องเต้ของอดีตฮองเฮาของ       ชินอ๋องและอ๋องเก้า เมืองหลวงสงบสุขขึ้นมาก ขั้วอำนาจในวังยามนี้ต่างสงบนิ่ง ฮองไทเฮาก็ดูเหมือนจะยอมรามือหันไปสนใจดูแลหลานๆ ที่เกิดจากชินอ๋องและพระชายาฟ่านซิ่วอิง     ฟ่านหลี่เจี๋ยจับสังเกตได้ว่า ฮ่องเต้ยังไม่ไว้วางพระทัยในเรื่องแย่งชิงราชบัลลังก์ เมื่อเลือกเฟ้นและสืบสอบปูมหลังของขุนนางรุ่นใหม่โดยละเอียด ยามนี้ฟ่าน  หลี่เจี๋ยจึงได้รับเลือกเป็นหนึ่งในเหล่าราชบัณฑิตที่คอยให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาของฮ่องเต้             ‘ข้าไม่ได้อยากเข้าใกล้ฮ่องเต้ขนาดนั้น ผู้ใดกันหวังดีในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรขนาดนี้ แทนที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขในช่วงวันหยุด การเป็นราชบัณฑิตต้องพร้อมจะเข้าเฝ้าตลอดเวลา น่าเบื่อยิ่งนัก’             ฟ่านหลี่เจี๋ยนัดแนะกับจินวั่งซู เจ้าของฉายาจอมยุแยงประจำเมืองหลวง คุณชายจินผู้นี้เป็นญาติกับจวิ้นอ๋องหรือองค์ชายสิบสองที่อภิเษกสมรสกับองค์หญิงจินเฟิ่งแห่งแคว้นจิน บัดนี้ได้กลับมาพำนักยังเมืองหลวงหมิงแล้ว             นิสัยของจินวั่งซูผู้นี้ถูกน้องสาวของเขา พระชายาฟ่านซิ่วอิงเรียกขานว่า     ‘พี่วั่งซูคนโฉดข้างวัง’             “พี่หลี่เจี๋ย สหายของท่านผู้นี้นิสัยเหมือนกับงู ทั้งเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ เขามักจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของผู้อื่นเป็นที่สุด บางคราก็อาจจะหวังช่วยเหลือ หรือบางคราอาจจะหวังกลั่นแกล้ง ยากจะคาดเดา”             สถานที่นิยมชมชอบของจินวั่งซู ต้องเป็นสถานที่มีผู้คนคึกคักและครึกครื้น ไม่ว่าวงสนทนาใดเขาก็จะแวะเวียนไปร่วมฟังเรื่องซุบซิบนินทาด้วยเสมอ ตั้งแต่เรื่องในรั้วในวังจนถึงเรื่องชาวบ้านร้านตลาด น่าแปลกที่คนผู้นี้กลับรู้ไปเสียทุกสิ่ง             “ข้าถามจริงๆ เถิด เพื่อนของท่านผู้นี้ ไม่ทำมาหากินหรืออย่างไร?”             ฟ่านซิ่วอิงถามด้วยความข้องใจอย่างยิ่งที่เห็นคุณชายจินผู้นี้ แต่ละวันไม่นั่งอยู่ที่ร้านน้ำชานกกระจิบหน้าตลาดก็ไปภัตตาคารบึงหงส์ ล่าสุดมีร้านขนมเปิดใหม่ที่อยู่ใกล้ท่าน้ำไท่หยาง ผู้คนเข้าไปอุดหนุนกันมาก เขาก็ยังไม่วายไปนั่งเล่นที่นั่นได้ค่อนวัน มิรู้ว่าเอาเงินจากที่ใดมาใช้นักหนา             “ตระกูลเขาร่ำรวย ยามนี้ยังมีหุ้นส่วนกับกิจการส่งข้าวของจวิ้นอ๋องในแคว้น  จินอีก ย่อมมีเงินไม่น้อย” ฟ่านหลี่เจี๋ยอธิบายสั้นๆ เขาเองก็เห็นด้วยว่า จินวั่งซูช่างว่างงานเสียจริง เงินทองก็มีใช้ไม่ขาด             จินวั่งซูเป็นหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง แม้จะติดอันดับเพียงหนึ่งในยี่สิบบุรุษรูปงามในเมืองหมิงปีล่าสุด แพ้พ่ายฟ่านหลี่เจี๋ยที่ขึ้นไปสู่อันดับหนึ่งในสิบ             “เจ้ากล้าแซงอันดับข้าไปเช่นนี้ เห็นได้ว่า เหล่าคนจัดอันดับผู้นั้น ตาไม่ถึงเป็นแน่” คุณชายจินตบพัดงูดำที่ได้รับเป็นค่าจ้างทำงานจากชินอ๋อง ยืดอกขึ้นด้วยความขัดเคือง ในใจกลับคิดว่า ปีหน้าก่อนจัดอันดับเขาจะต้องทำการหาเสียง และบำรุงรักษารูปร่างหน้าตาให้เป๊ะก่อนออกไปปรากฏตัวให้หญิงสาวทั่วเมืองหลวงได้พบ             “เจ้าจะสนใจไปไยเรื่องพวกนี้ แต่ละปีล้วนมีบุรุษและสตรีโฉมงามเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็เปลี่ยนอันดับไปทุกปี” ฟ่านหลี่เจี๋ยทำหน้าเหนื่อยหน่าย เพราะรูปร่างหน้าตาของเขาดึงดูดผู้คนให้สนใจมาตั้งแต่เด็กจนโต หากมัวแต่สนใจสิ่งนี้ เขาคงจะมิมีเวลาว่างทำสิ่งอื่น             “เฮ้อ! เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ สาวงามติดอันดับแต่ละปีที่เคยมาชม้ายตาแลเจ้า สุดท้ายก็ทนความเย็นชาไม่ได้ หันไปแต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว คงเหลือแต่เจ้าที่ยังเป็นโสด”             ฟ่านหลี่เจี๋ยปรายตาอย่างเอือมระอา ยกสุราขึ้นจิบเล็กน้อย คืนนี้พวกเขาดื่มหมดไปแล้วสี่กา จินวั่งซูดื่มแบบไม่กลัวเมา ส่วนเขาค่อยๆ จิบอย่างสุขุม “แล้วเจ้าเล่า? ข้าเห็นเจ้าเลือกนัก ยามนี้เป็นอย่างไร? ยังเป็นบุรุษโดดเดี่ยวเช่นข้าเช่นกัน ยังกล้าจะมาเย้ยหยัน”             จินวั่งซูสะอึกเล็กน้อย ใบหน้าตึงขึ้น “อย่างน้อยข้ายังเคยมีความรัก แต่ว่าเจ้านี่สิ! นอกจากจะไม่มีแล้ว ยังดูตายด้านเสียอีก”             “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าตายด้าน?”             “เหอะ! เอาไว้เจ้ามีฮูหยินเมื่อใดข้าจะงัดเอาเงินเก็บข้ามาให้เป็นของขวัญแต่งงานเลยเทียว”             “ข้าบอกท่านพี่กับท่านแม่ไปแล้วว่า ปีนี้จะหาเจ้าสาวสักนาง”             จินวั่งซูตาเหลือก “เอ๋!? เจ้าทำเช่นนี้จะกดดันข้าด้วยใช่หรือไม่?” กล่าวจบก็เทสุราขึ้นกรอกลงคออีกสองจอกติด             ฟ่านหลี่เจี๋ยหันมามองเพื่อนด้วยหางตา “กดดันที่ใดกัน ด้วยชื่อเสียงของเจ้าคนโฉดข้างวัง ยังมิรู้เลยว่า แม่สื่อที่เก่งที่สุดจะทาบทามสตรีใดให้เจ้าได้บ้าง”             จินวั่งซูตบพัดงูดำดังพรึ่บ! “นั่นล้วนเป็นฝีมือน้องสาวเจ้า ที่เผยแพร่ฉายานี้จนข้าขายไม่ออก” ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มถมึงทึง             “ใครใช้ให้เจ้าอยากไปสนิทกับนางเล่า?” ฟ่านหลี่เจี๋ยหัวเราะหึๆ ในลำคอ เขาเองก็เพิ่งรู้ภายหลังว่า น้องสาวคนงามของตนแสบสันต์เพียงใด นางเองก็นับเป็นคนโฉดผู้หนึ่งแห่งแคว้นหมิงเช่นกัน             “อ้อ! นี่เจ้าเห็นว่า ข้าจะหาเจ้าสาวไม่ได้สินะ” คุณชายจินจิบสุราไปหลายจอกชักเลือดขึ้นหน้า “เช่นนั้น เรามาพนันกัน ในปีนี้ เจ้ากับข้า ผู้ใดแต่งงานก่อนผู้นั้นถือว่าชนะ สามารถขอให้ผู้แพ้ทำสิ่งใดก็ได้ ดีหรือไม่?”             เมื่อเห็นเพื่อนรักจ้องหน้า ซ้ำยังยิ้มเยาะ “เจ้าไม่กล้าล่ะสิ! คนรังเกียจสตรีเช่นเจ้า อาจจะตายด้านไปแล้วด้วยซ้ำ”             “จิน...วั่ง...ซู...” ฟ่านหลี่เจี๋ยลากเสียงเรียกเยือกเย็น “หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้ารับคำท้า นอกจากจะต้องทำตามที่ผู้ชนะต้องการแล้ว ยังต้องเลี้ยงสุราอีกหนึ่งเดือน ตกลงหรือไม่?”             “ดี!” จินวั่งซูกระแทกจอกเหล้าลงบนโต๊ะดัง ปั๊ก! “เพื่อมิให้มีผู้บิดพริ้วเรามาเขียนสัญญากันแล้วเอาไปให้พระชายาเป็นคนเก็บไว้”             “ได้!”             หลังตื่นนอนวันต่อมา เมื่อทบทวนได้ว่าตนเองได้พนันกับจินวั่งซูไปเช่นนั้น ฟ่านหลี่เจี๋ยถึงกับตบหน้าผากตนเองถี่ๆ เขาหยิบสัญญาที่พับไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน  ส่วนของเขาเขียนไว้ว่า หากเขาชนะจินวั่งซูจะต้องมาเป็นผู้ช่วยเขาทำงานที่สำนักตรวจการเป็นเวลาสามเดือน นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่า จินวั่งซูเกลียดการเป็นขุนนางนัก ส่วนจินวั่งซูเขียนไว้ว่า หากตนชนะฟ่านหลี่เจี๋ยจะต้องติดส้อยห้อยตามเขาไปทุกร้านในเมืองหลวงทุกครั้งที่จินวั่งซูต้องการเป็นเวลาสามเดือน ‘นี่ข้าปากพล่อยเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ถ้าเกิดเจ้าวั่งซูแต่งงานก่อน ข้ามิต้องตามไปอยู่ในฝูงชนมากมายจนอกแตกตายหรือนี่?’      **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม