แม้คิดอะไรอยู่ในใจมากมาย แต่ก็ไม่กล้าบอกอะไรออกไปสักอย่าง กระทั่งเขาจับมือเธอให้ยกแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วหมุนช้าๆ ก่อนจะหยุดหมุนแล้วหันมาอธิบาย
“นี่น่ะเรียกว่า ‘ขาไวน์’ จะเป็นตัวบอกปริมาณแอลกอฮอล์ ยิ่งมีขาไวน์มาก แอลกอฮอล์ก็จะยิ่งสูง”
เขาพูดถึงทางน้ำเป็นสายที่หลงเหลืออยู่รอบแก้วหลังการหมุนแก้ว ยาหยีมองตามแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาสั่งไวน์รสเข้มข้นเกินไปหรือเปล่าสำหรับสอนเธอดื่มครั้งแรก ดูสิ ขาของมันยุ่บยั่บอย่างกับขาแมงมุมแน่ะ
“หลับตาสิ”
“เอ๊ะ!” ยาหยีหันไปมองหน้าเขาอย่างงุนงง ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมานั่งตัวตรงแข็งทื่อตามเดิม ผิวแก้มสาวเห่อแดงอย่างยากจะควบคุมเมื่อเห็นว่าเขาก้มลงมาใกล้มากขึ้น แบบที่ถ้าเธอขยับพลาดแค่นิดเดียว ริมฝีปากของเขาจะจรดแก้มของเธออย่างง่ายดาย “ทะ...ทำไมต้องหลับตาด้วยคะ”
เขาบังคับมือเธอให้ยกแก้วมาจ่อใกล้จมูกก่อนกระซิบบอก
“ลองหลับตาแล้วดมกลิ่นมันดู และบอกครูสิว่าได้กลิ่นอะไรจากไวน์แก้วนี้บ้าง”
ยาหยีเกือบจะหลุดขำที่เขาอุปโลกน์ตัวเองเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าเม้มปากเอาไว้ไม่ทัน
ก็เขาน่ากลัวนี่นา...ถึงการที่เขาเข้ามาใกล้จะทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างน่าประหลาดก็เถอะ
สาวน้อยปิดเปลือกตาพร้อมกับเปิดประสาทสัมผัสทางนาสิกอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะลืมตาแล้วตอบเขาอย่างไม่มั่นใจเท่าไรนัก
“หอมค่ะ เหมือน...เอ่อ...กลิ่นองุ่นมั้งคะ”
เขาจับแก้วออกไปแกว่งแรงๆ อีกครั้ง แล้วดึงกลับมาจ่อจมูกเธออีกหน
“ลองดมอีกทีสิ”
กลิ่นหอมลึกล้ำจากน้ำสีม่วงเข้มดูจะซับซ้อนขึ้นกว่าการดมครั้งแรก มันมีกลิ่นหอมแปลกๆ ปนกันอยู่เต็มไปหมด และแน่นอนว่ามือใหม่แบบยาหยีไม่มีทางแยกกลิ่นออก ดูเหมือน ‘ครู’ ของเธอก็ไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว เขาจับก้านแก้วบังคับให้เธอลองจิบเล็กน้อยก่อนจะดึงแก้วออก
“อมไว้ก่อนนะ”
เขาช้าเพียงนิดเดียวเพราะยาหยีกลืนไวน์ลงคอไปเรียบร้อยแล้ว สาวน้อยนั่งนิ่ง กะพริบตาปริบๆ ก่อนหันไปยิ้มแหยๆ ให้เขา แล้วรีบหันหน้ากลับมามองตรงอีกครั้ง
นี่เขาก้มหน้าลงมาใกล้กว่าเดิมอีกหรือเปล่าเนี่ย!
“คือหนูกลืนไปแล้วน่ะค่ะ”
ความหวานที่ซ่านอยู่ในปากทำให้สาวน้อยนึกอยากลองชิมอีกสักอึก ยาหยีมองแก้วไวน์ในมือที่มีมือของเขากุมอยู่ตาละห้อย เหมือนจะได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ แต่เธอไม่กล้าหันไปมองเขาแล้ว
คนแบบเขาน่ะหรือจะหัวเราะ สงสัยไวน์จะทำให้เธอจินตนาการไปเองเสียมากกว่า นี่ไง! แอลกอฮอล์มันมีมากจริงๆ ด้วย ขนาดดื่มไปแค่อึกเดียวนะเนี่ย
“อยากดื่มต่อไหม” เขาละมือจากการกุมมือบางไปจับก้านแก้วของตัวเองแล้วยกแก้วขึ้นชนกับขอบแก้วไวน์ของสาวน้อยเบาๆ เสียงกระทบกันของแก้วดังไพเราะราวเสียงระฆัง “ดื่มให้หมดแก้วนะ”
หญิงสาวยกแก้วขึ้นจิบไวน์ทีละนิดๆ โดยที่ไม่รู้สึกฝืนใจเลยแม้แต่น้อย...แทบไม่รู้ตัวเลยว่ามันหมดแก้วเมื่อไร พอเธอวางแก้วเปล่าบนโต๊ะ ชายหนุ่มก็รินไวน์เพิ่มให้ ยาหยีแหงนหน้ามองเขา เห็นไอศูรย์ยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นเป็นเชิงสั่งให้เธอดื่มต่อ ถึงรู้ว่าไม่ควรดื่มแต่ความหวานซ่านติดลิ้นก็ทำให้หญิงสาวไม่ปฏิเสธ
อร่อย หวาน หอม คือรสชาติที่ได้จากการลิ้มลองจนติดใจเผลอดื่มไปแก้วแล้วแก้วเล่า กระทั่งรู้ตัวว่าหัวใจเต้นตึ้กตั้กรุนแรงกว่าปกติ ใบหน้าเห่อแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยาหยีก็ละมือจากก้านแก้ว แม้ว่าเขาจะสวมบทบริกรยืนอยู่ข้างเธอไม่หนีไปไหน แถมยังใจป๋ายกขวดรินเพิ่มให้อีกก็ตาม
โอ๊ย! เธอกำลังจะเมาแล้ว!
“พอแล้วค่ะคุณใหญ่ หนูดื่มไม่ไหวแล้ว”
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่พบกันที่หญิงสาวพูดปร๋อไม่ตะกุกตะกักทำท่าหวาดกลัวอีก ยาหยีเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาด้วย
โอ๊ย! เขาหล่อจัง หล่อราวกับแสงตะวันที่จะทำให้สาวน้อยแบบเธอหลอมละลาย
ไอศูรย์เลิกคิ้วมองสบตา ‘เด็กในอุปการะ’ ของเขาอย่างค้นคว้า ชายหนุ่มยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง นึกยินดีที่แผนละลายความอึดอัดระหว่างกันประสบความสำเร็จ เขาวางขวดไวน์ไว้ในถังน้ำแข็งตามเดิม แล้ววางมือบนพนักเก้าอี้ของสาวน้อย ก้มหน้าลงไปหา และพบว่าเธอยิ้มให้ มองเขาตาปรอย
กลิ่นหอมจางๆ จากกายสาวอ่อนเยาว์ดูเหมือนจะไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพงแบบพวกผู้หญิงที่เขาเคยคบหา แต่เป็นกลิ่นเนื้อนวลสาวกรุ่นกำจาย หอมหวานเหมือนดอกไม้แรกแย้ม...ยิ่งเมื่อหลอมรวมกับกลิ่นไวน์ชั้นเลิศ ก็ยิ่งทั้งหอมหวน ทั้งเย้ายวน
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก กางเกงคับตึงเพียงแค่เห็นเธอส่งยิ้มมาให้ ทั้งที่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากการถูกเขามอมเหล้า ไอศูรย์ไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นรัวราวกับหนุ่มน้อยอ่อนเดียงสา ทั้งที่ชั้นเชิงประสบการณ์ทางเพศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาทำให้เขามั่นใจว่าไม่เคยแพ้ใคร!
“ถ้าดื่มไม่ไหว” ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูเล็กๆ น่ารัก “เราไปต่อที่อื่นกันไหม”
ยาหยีไม่เข้าใจที่เขาพูด เธอยกมือขึ้นแตะอกเขาเพราะรู้สึกว่าชายหนุ่มเข้ามาใกล้มากเกินไป แต่เมื่อเขาจับมือเธอยกขึ้น ก่อนจรดปลายจมูกลงที่หลังมือขาวนวล สติสัมปชัญญะของเธอก็หวนกลับคืนมา หญิงสาวประมวลผลคำพูดเขาอย่างเชื่องช้า จนเข้าใจในที่สุด
เขาชวนเธอไปทำอย่างว่า
จะบ้าหรือไง!
ยาหยีดึงมือกลับแล้วผลักเขาออกด้วยความตกใจ ดวงตาเธอเบิกโต ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอน้อยๆ ราวกับลูกกวางเห็นราชสีห์หิวโซ ถึงไอศูรย์ไม่อยากยอมรับว่าเขาหิว...แต่ก็หิวจริงๆ นั่นแหละ
“มะ...ไม่ได้นะคะ”
เธอกลับมาพูดติดๆ ขัดๆ อีกแล้ว
ไอศูรย์ยืนตัวตรงเต็มความสูง เขาขยับเสื้อสูทนิดหนึ่งด้วยใบหน้านิ่งขรึม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
“ไม่ไปก็ไม่ไป กินต่อสิ”
ชายหนุ่มสั่ง ดวงตาดุกร้าวมองสบตาสาวน้อยจนเธอสะท้าน รีบจับส้อมจับมีดขึ้นมาหั่นสเต๊กส่งเข้าปาก ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาราวกับลูกกวางระวังภัย
ไอศูรย์นั่งตัวตรง จิ้มสเต๊กเข้าปากเช่นกัน ภายนอกดูเหมือนเขาไม่ได้คิดอะไร แต่ข้างในใจกำลังบริภาษตัวเองอย่างหนัก!
ไม่น่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเลย เกือบได้กินอยู่แล้วเชียว ไอ้ใหญ่ ไอ้โง่!