EP 7 ไม่ได้อีกแล้วโว้ย!

1202 คำ
ยาหยีมองแล้วเข้าใจจ๋าอย่างสุดซึ้ง ด้วยความที่เธอเองก็ทำงานบริการมามาก หลายครั้งที่ถูกเหยียดหยามทั้งจากสายตา คำพูด การกระทำ ราวกับว่าผู้มีอาชีพให้บริการไม่ใช่คน ดังนั้นเมื่อลูกค้าพูดดีด้วย ให้เกียรติกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พนักงานบริการเช่นเธอกับจ๋าจึงรู้สึกปลื้มปีติทุกครั้ง หญิงสาวมองมือหนาที่กุมมือเธออย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาด้วยความรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจลึกๆ พูดจากับคนอื่นดีๆ ก็ทำได้นี่นา แต่ทำไมชอบออกคำสั่งกับเธอก็ไม่รู้ สงสัยต้องมองเขาใหม่แล้วสิ ตลอดทางที่ไอศูรย์ขับรถมาส่งเธอที่บ้านเช่า เขาเอาแต่นิ่งเงียบจนยาหยีรู้สึกกังวลว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมา หากว่าเขาโกรธจนยกเลิกงานแต่งไปเลยก็ดี เธอจะได้เป็นอิสระจากการเป็นแม่พันธุ์ให้เขาใช้บุญคุณมาทวงสิทธิ์ในตัวเธอแบบนี้ คิดแล้วใจสาวก็ไหววาบ ยาหยีนั่งถูปลายนิ้วโป้งกับฝ่ามือเปียกเหงื่อด้วยความสับสน เธอควรจะดีใจสิ ถ้าเขายกเลิกงานแต่งงาน แต่ความรู้สึกวาบโหวงในอกจนน้ำตารื้นนี่มันอะไรกันนะ ไม่นานเท่าไร ชายหนุ่มก็เลี้ยวรถเข้าซอยที่ยาหยีคุ้นเคยโดยเธอไม่ต้องบอกทาง ราวกับจะยืนยันว่าเขาเคยมาที่บ้านเช่าเพื่อพบแม่แล้วจริงๆ ภาพนั้นไม่ใช่ภาพตัดต่อ...แต่ก็ไม่ใช่อยู่แล้วละ ทำไมยาหยีจะจำลายมือแม่ของตัวเองไม่ได้ อีกทั้งเรื่องแบบนี้ถ้าเขาโกหก เธอถามแม่แค่คำเดียว ความจริงทุกอย่างก็จะเปิดเผยทันที แล้วเขาจะโกหกไปเพื่ออะไร ชายหนุ่มจอดรถหน้ารั้วไม้ทาสีขาว และมีดอกดาวกระจายเบ่งบานภายใต้แสงไฟทางสีส้ม บ้านเช่าของยาหยีเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวกลางเก่ากลางใหม่ ยกพื้นสูงด้วยบันไดห้าขั้น หน้าบ้านแคบไม่มีที่จอดรถ เนื้อที่โดยรอบบ้านก็มีไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่จะปลูกดอกไม้สวยๆ ให้คนอยู่ได้ชื่นใจบ้าง ภายในบ้านปิดไฟหมดแล้ว เปิดไว้แค่ไฟหน้าบ้านสลัวๆ เท่านั้น ยาหยีจะยกมือไหว้ลาเขา แต่ชายหนุ่มกลับยื่นมือมากุมมือเธอแล้วกดลงวางบนตักนุ่ม เขามองมาด้วยดวงตาที่ยาหยีอ่านไม่ออก หากแต่ในความมืดสลัวนั้น เหมือนเธอจะมองเห็นเงาของความห่วงใยรางๆ จนหัวใจดวงน้อยอุ่นวาบอย่างไม่มีสาเหตุ “หายตกใจหรือยัง” เขาถาม แต่ยังไม่ทันตอบ ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “ฉันจะพยายามเพลามือหน่อยแล้วกัน เธอจะได้ไม่มองฉันเหมือนเป็นเสือสิงห์จิ้งจอกงูแบบนี้” ยาหยีหลุดหัวเราะขำ ก่อนจะยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นปิดปากตัวเองแล้วกระแอมเบาๆ เพราะไม่อยากทำตัวผ่อนคลายสนิทสนมกับเขาอย่างรวดเร็วขนาดนั้น เธอมองเขาอย่างค้นคว้า ไม่เข้าใจเลยว่าไอศูรย์เป็นคนยังไงกันแน่ เมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาเริ่มส่งเสียเธอเรียนโดยไม่เคยแสดงตัวราวกับนักบุญ บทจะทวงบุญคุณก็บังคับข่มเหงกันราวกับซาตานร้าย เขานึกอยากตะโบมโลมลูบเนื้อตัวเธออย่างไรก็ทำโดยไม่พร่ำขอ แต่บทจะเป็นสุภาพบุรุษ เขาก็ทำให้เธออุ่นวาบในหัวใจอย่างเกินจะควบคุม หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ก่อนจะเอ่ยเสียงพร่า “หนูเข้าบ้านก่อนนะคะ” บอกพร้อมกับดึงมือออกจากมือเขา แต่แทนที่ไอศูรย์จะดึงมือตัวเองกลับไป เขากลับจับต้นขาเธอแล้วบีบเบาๆ ดวงตาแวววาวมองมาอย่างปรารถนา ยาหยีหัวใจกระตุกเร่าด้วยความตื่นเต้น ทว่าอีกใจก็อดบริภาษเขาไม่ได้ ไหนว่าจะเพลามือไง ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ดูสิ ทำตัวเป็นเสือสิงห์จิ้งจอกงูอีกแล้ว! “คุณเพิ่งบอกว่า...” ยังพูดไม่ทันจบ ไอศูรย์ก็ดึงมือกลับพลางยกสองมือขึ้นข้างศีรษะเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้ “ครับๆ ไม่ทำแล้วครับ” ท่าทางของเขาดูน่าขันจนยาหยีต้องกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม ใจหนึ่งอยากคุยกับเขาต่ออย่างไรก็ไม่รู้ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ร้องเตือนว่าดึกแล้ว ควรเข้าบ้านได้แล้ว เธอจึงยกมือขึ้นพนมไหว้เขา เพราะเมื่อกี้ยังไม่ทันไหว้เขาก็จับมือเธอกดลงเสียก่อน “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” ทันทีที่เงยหน้าขึ้นจากปลายนิ้วที่ประนมไหว้ ยาหยีก็พบการจู่โจมอย่างไม่คาดฝัน! ใบหน้าของเขาอยู่ห่างแค่คืบ มือใหญ่เอื้อมมาจับท้ายทอยประคองไว้ แล้วกดริมฝีปากลงบดเบียดเรียวปากอวบอิ่มอย่างดุดัน! สาวน้อยยกมือยื่นไปด้านหน้าหมายจะผลักอกเขา แต่ชายหนุ่มกลับรวบมือทั้งสองของเธอไปชิดอกแกร่งและตรึงไว้แนบแน่น เขาถอนจูบออกแล้วประกบลงมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางการดิ้นรนขัดขืนของเธอ ยาหยีหัวหมุนติ้วด้วยเมารสจูบและไม่เข้าใจเลยว่าจู่ๆ เขาทำแบบนี้ทำไมกัน สาวน้อยหอบหายใจแรง น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอหลับตาแน่นตัวเกร็งอย่างไม่ยินยอม ปากปิดสนิทไม่ยอมให้เขาล่วงล้ำเข้ามาแสวงหาความหวาน กระทั่งชายหนุ่มเลื่อนไล้ริมฝีปากอย่างเชื่องช้า มือที่ประคองท้ายทอยเลื่อนมาลูบผิวแก้มอ่อนเยาว์ เขาถอนจูบออกจากริมฝีปาก ก่อนไล้จูบเบาๆ ตรงปลายจมูกและแก้มนุ่ม จากนั้นก็ประกบลงมาใหม่แล้วไล้ลิ้นไปทั่วริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มแน่น ท่ามกลางหัวใจที่เต้นโครมคราม ท่ามกลางความรู้สึกหวิวๆ ที่แผ่ซ่านไปทั่วทรวงอก ยาหยีเผลอเผยอริมฝีปากและครางเบาๆ ชิดปากเขา เปิดทางให้ลิ้นร้อนซุกซอนเข้ามาไล้เลียไปทั่วโพรงปากนุ่มชุ่มฉ่ำ เขาจูบเธออย่างอ่อนหวาน ดูดดื่ม และเชื่องช้าละมุน ยาหยีหอบหายใจกระเส่า ขยับปากตามเขาอย่างไม่ประสา เธอแหงนหน้ารับจูบจากเขาด้วยความอ่อนประสบการณ์ สองมือที่เกร็งผลักก็เริ่มแตะอกกว้างเลื่อนลูบตามสัญชาตญาณ ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ... “ที่รัก...” เขากระซิบชิดใบหน้าหวานละมุนที่เพิ่งผละจูบออกมา ไอศูรย์มองใบหน้าหวานในความมืดสลัวด้วยความเสียดายอย่างยิ่งยวด นี่ถ้าเธอจูบตอบเขาแบบนี้ที่อื่น อย่างเช่นในห้องรับแขกของบ้านเธอที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร หรือในโรงแรมไหนสักแห่ง ไม่ใช่ในรถที่จอดอยู่ริมถนนอย่างนี้ เขาคงไม่มีทางปล่อยเธอให้หลุดจากอ้อมแขนจนกว่าจะเปลื้องผ้าเธอออกหมด จนกว่าจะทำให้เธอร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างด้วยความสุขสม แต่ที่นี่ไม่ได้... ไม่ได้อีกแล้วโว้ย! เวรกรรมอะไรของมึงวะไอ้ใหญ่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม