พินัยกรรมชี้ขาด

1384 คำ
(นิโคลไล) ยอมรับเลยว่าภาพของอารียาติดตาของผมไม่หาย ร่างกายที่เนียนละเอียดผุดผ่อง มันเหมือนกับผมถูกต้องมนตร์ไปชั่วขณะ แต่ต้องห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปมากกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจับเธอขยี้ให้อยู่ใต้ร่าง แต่เธอไม่เหมือนอย่างใครที่ผมเคยนอนด้วย และอีกอย่างที่มันค้ำคอคือเธอเป็นเด็กในอุปการะของพ่อ ซึ่งมันคงจะล่อยาก แต่ถ้าหากว่าเธอทำให้ผมหัวร้อนไม่พอใจ มันอาจจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้...แต่เด็กอ่อนหัดอย่างอารียา คงไม่มีลีลาอะไรที่จะให้ผมสนใจมากกว่านี้หรอก "ฮึ กูเป็นบ้าอะไรวะ" แล้วก็ทำผมหัวเราะคนเดียว กับการที่นึกถึงอารียาเด็กในอุปการะที่ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก "คุณอารียาเธอคงลงมาทานมื้อเย็นไม่ไหวนะครับ" ผมที่นั่งคิดเพลิน ๆ ต้องหยุดความคิดลง แล้วรอฟังเชรครายงาน "อืม สภาพแบบนั้นคงมาไม่ไหวหรอก ให้แม่บ้านยกอาหารไปให้เธอด้วยแล้วกัน" ผมสั่งเชรคไปจากที่เห็นเธอลื่นล้ม ผมคงไม่ใจร้ายใจดำคะยั้นคะยอให้เธอลงมาหรอก... "ครับ" เชรคตอบรับแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป เพื่อทำตามคำสั่งของผม "แล้วนายจะกินข้าวกับฉันก่อนกลับไหมล่ะ" ยังไม่ทันที่เชรคจะก้าวขาเดินผมก็ทักขึ้น วันนี้ผมรู้สึกว่ามันโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก ทุกเย็นจะมีเชรคทานข้าวเป็นเพื่อนเสมอ วันนี้ก็เลยลองถามที่จริงผมก็ถามแบบนี้ทุกวัน ตั้งแต่ที่พ่อจากไปผมที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเหงาหงอย ต้องคอยหาอะไรทำเพื่อไม่ให้มีเวลาว่างอยู่เพียงลำพังและคิดฟุ้งซ่าน "ไม่ล่ะครับพอดีวันนี้ผมมีนัด ขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้นายต้องทานมื้อเย็นคนเดียวไปก่อน" เชรคตอบวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยที่ผมได้ทานมื้อเย็นคนเดียว แต่บางครั้งผมก็ควรให้เชรคมีเวลาเป็นส่วนตัว เลยไม่เร้าหรืออะไร "นัดสาวเหรอ" ผมย้อนถามพร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน "เรื่องของผมครับ" ดูมันตอบผมครับ แถมยังแสดงสีหน้าระรื่นเยาะเย้ยผมอีก "ไอ้บ้านี่! ไปเลยไปจะไปไหนก็รีบไป" ผมโยนหนังสือที่อยู่ในมือใส่มัน ก็ดันมากวนตีนผมทั้งที่คนกำลังเหงา แต่เชรคมันดันรับไว้ทันแล้วอมยิ้มกับท่าทางที่ผมเป็น "ผมขอตัวครับ อ้อ~ พรุ่งนี้มีนัดเจรจาเรื่องสัญญาซื้อขายกับทาง MD Solution ตอนสิบโมงเช้านะครับ" "เออรู้แล้ว" "ผมแค่ย้ำไว้กลัวนายลืมครับ" "ไม่ลืมหรอก...รีบไปคนจะกินข้าว" "ผมไปนะ ไม่ต้องคิดถึงผมนะครับแค่มื้อเดียวเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะมากินเป็นเพื่อน" "ไอ้เชรค!" จะไปก็ยังไม่วายก่อกวนทำให้ผมอารมณ์เสียหงุดหงิด ตอนนี้เชรคออกไปแล้วมีเพียงผมคนเดียวที่นั่งโดดเดี่ยวทานมื้อเย็นท่ามกลางอาหารหลายอย่างวางตรงหน้า โต๊ะก็กว้างที่ว่างก็เยอะโคตรเหงาเลยครับ ผมตักอาหารอย่างละเล็กละน้อยใส่จานเดียวกัน จากนั้นก็ถือเดินขึ้นไปยังชั้นสองมุ่งหน้าสู่ห้องนอนส่วนตัว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาหยุดหน้าห้องของอารียาได้ ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะเอาเข้าไปกินดูหนังในห้องนอนของผม "อะไรคะ?" ผมเปิดประตูเข้ามาด้านใน บรรจบเหมาะกับที่อารียากำลังตักข้าวเข้าปากพอดี เธอเงยหน้ามองมาทางผมแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้างง "ไม่มีเพื่อนกินข้าวมันเหงา" ผมพูดบอกเธอไป จังหวะเดียวกับที่ถือจานข้าวไปนั่งข้างเธอ "ทำไมไม่เรียกสาว ๆ ของคุณมาทานเป็นเพื่อนละคะ" อารียาว่าขึ้น เธอไม่ได้สนใจมองหน้าผมสักนิด นอกจากตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ เธอกินน่าเอร็ดอร่อยมากเลยครับ ผมได้มองเธอกินแล้วอมยิ้ม ไม่รู้สิว่าทำไมผมถึงมีอาการแบบนี้ "แล้วขาเป็นไงบ้าง" ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้คำแซวนั้นของเธอ เลยถามถึงอาการบาดเจ็บที่เธอเป็นแทน "ก็เจ็บสิคะถามแปลก ๆ ลื่นล้มขนาดนั้นคงสบายดีมั้งคะ" เธอกลืนเข้าลงคอก่อนจะหันมามองหน้าผม แล้วตอบคำถามด้วยความยียวน เธอนี่มันปากไม่ธรรมดาจริง ๆ อารียา ถ้าไม่ติดว่าเจ็บตัวและผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอ ป่านนี้เธอไม่รอดเงื้อมมือของผมหรอก แม้ว่าจะเป็นเด็กในอุปถัมภ์ของพ่อก็ตาม "ปากคุณนี่นะอารียา" ผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับเธอ เลยต้องหันหาเข้าหาจานข้าวแล้วตักเข้าปาก "ทำไมคะ ปากของฉันมันไปหนักบนหัวของคุณหรือไง" ให้ตายเถอะผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบอารียาสักคนตั้งแต่เกิดมา เธอเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่กล้าต่อปากสาวความกับผมแบบนี้ "คุณควรจะเรียกผมว่าอา เพราะว่ายังไงผมก็เป็นลูกชายของคนที่อุปการะคุณ ยังไงต่อไปคุณก็ต้องเป็นเด็กในปกครองของผม เข้าใจไหมครับคุณหลานสาว" "ทำไมต้องเรียกว่าอา เรียกกันแบบธรรมดาก็ได้ไหม อีกอย่างทำไมฉันถึงจะเป็นเด็กในปกครองของคุณด้วย" เธอวางช้อนแล้วหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางคงกำลังจะไม่พอใจในสิ่งที่ผมพูด "เรียกอาแค่อยู่ในบ้านเท่านั้นแหละ ถ้าข้างนอกหรือในบริษัทต้องเรียกผมว่าท่านประธาน เพราะผมไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกันว่าคุณเป็นคนในอุปการะ ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณต้องเป็นความลับรู้เอาไว้ซะด้วย" ผมตอบเธอ "ฉันไม่เข้าใจกับการที่ต้องมาอยู่ในปกครองของคุณ ช่วยอธิบายมากกว่านี้ได้ไหมคะ?" อารียาเธอย้อนถาม ตอนนี้เธอไม่สนใจอาหารตรงหน้า แต่ว่าจ้องมองผมอย่างรอคำตอบ "ไม่รู้...ในพินัยกรรมของพ่อบอกมาแบบนั้นและผมก็ต้องทำตาม" ผมบอกตามความจริงในสิ่งที่พ่อเขียนไว้ "คุณท่านไปไหน จะไม่มีวันมาอยู่ในปกครองของคนหื่นกามแบบคุณหรอก ฉันจะคุยกับคุณท่าน" อารียาเธอว่าขึ้นอย่างโมโห จ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำไมเธอในอารมณ์นี้ถึงดูน่ากลัว ทั้งสีหน้าและท่าทางที่เธอแสดงออกมา "งั้นเธอก็ต้องตายก่อนแหละ ถึงจะไปคุยกับพ่อได้" ผมหยัดตัวลุกยืนแล้วบอกเธอ ความสูงที่ผมมีมากกว่า ทำให้อารียาต้องเงยหน้ามองผม คิ้วของเธอขมวดเป็นปมด้วยความงุนงง ก็เธอยังไม่รู้ว่าพ่อของผมเสียไปหลายเดือนแล้ว ผมก็ไม่ได้ส่งข่าวเพราะตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรเธอสักนิด มีแต่เชรคเป็นคนจัดการผมแค่เซ็นเช็คจ่ายเงินรายเดือนให้เธอแทนพ่อตลอดสามเดือนที่ผ่านมา และคำอวยพรในวันที่เธอจบการศึกษาผมก็ให้เชรคมันพิมพ์อีเมล์ไป เพราะเชรคมันบอกว่าพ่อมักจะมีคำอวยพรให้กับเธอเสมอในวันสำคัญ "คุณหมายความว่ายังไง" "พ่อเสียแล้วเมื่อสามเดือนก่อน" ผมบอกไปแค่นั้นทำให้อารียาถึงกับนิ่งงันไปทันที เธอมองหน้าผมนิ่งชั่วครู่ ก่อนที่ผมจะเห็นน้ำสีใสในดวงตากลมนั้นที่กำลังรื้นขอบตาขึ้นมา จ้องหน้าผมด้วยแววตาที่สั่นระริก เหมือนกับว่าเธอกำลังช็อกในสิ่งที่รับรู้ ผมก้มมองมือของเธอกำแน่นและสั่นเทา นั่นทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองเธอนิ่ง ๆ เช่นกัน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม