07:10น.
ฉันก็มาถึงจุดนัดพบของเราชาวปีหนึ่ง และด้วยสีหน้าของฉันที่มันเหวี่ยง ๆ แบบนี้ก็เพราะอาการง่วงนอนนี่นา จะให้อารมณ์ดีได้ยังไง
"หวัดดีน้ำมนต์"
"ไฮน้ำมนต์"
"ดีน้ำมนต์" ทุกคนในห้องต่างทักทายฉันด้วยรอยยิ้มแต่ฉันกลับพยักหน้าตอบแค่นั้น ก็อย่างว่าแหละ ง่วง อ้อส่วนที่เพื่อนคุยกับฉัน เราตกลงกันว่าเมื่ออยู่นอกห้องเชียร์เราจะคุยกันตามปกติน่ะ
"โอ๊ย หญิงมนต์ทำหน้าให้มันดีดีหน่อยสิคะ เพื่อนเกร็งหมดเเล้ว" ยัยหวานพูด
"นั่นสิมนต์" ยัยพิ้งค์เสริมขึ้นมาอีกคน
"ทำหน้าอย่างกับใครตายแหนะ" และเสียงจิกกัดจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากยัยทิพย์ ฉันหันไปมองมันตาเขียวปั๊ด
"โทษทีนะทุกคน พอดีเราง่วงอะ ไม่ต้องเกร็งนะ เดี๋ยวก็ชิน" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ส่งไปให้เพื่อนในห้อง
"มากันครบแล้วใช่ไหม" ไอ้แดนถาม ก่อนจะเริ่มเสวนา
"ขอโทษทีนะที่ต้องเรียกทุกคนมาเช้า" มันคงเห็นหน้าฉันเหวี่ยง ๆ ละมั้งแต่ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก
"คือที่เราเรียกทุกคนมาเนี่ย ก็เพราะว่า รุ่นพี่ปีสองเขาแจ้งมาว่า ปีนี้จะมีการคัดเลือกดาวเดือนเร็วขึ้น และยังต้องส่งตัวแทนเข้าประกวดด้วยกันสามประเภท โจทย์ก็คือ การร้องเพลง การเต้น และการแรปสรุปแล้วทุกคณะต้องส่งประกวดคณะละห้าคน โดยก่อนเริ่มประกวดต้องทำคลิป จะเป็นคลิปอะไรก็ได้ แต่ ห้ามให้คนนอกคณะรู้ว่าตัวแทนของแต่ละคณะคือใคร หากข้อมูลตัวคนเข้าประกวดรั่วไหล คณะนั้นจะถูกตัดคะแนนทันที" มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ฉันคิดในใจ อ๋อ ปีนี้เป็นปีแรก
"เราจึงอยากให้ทุกคนโหวตก่อนว่าเราควรส่งใครไปบ้าง ให้ความร่วมมือกันด้วยนะ พวกเราจะได้ไม่ต้องถูกดุอีก" ไอ้แดนยังพูดต่อจากนั้นกระดาษก็อยู่กับตัวเพื่อนในรุ่นทุกคนเริ่มเขียน และแน่นอนฉันโหวตให้...
โรงอาหารคณะวิศวะ
"แกโหวตใครยัยพิ้งค์" ยัยหวานถาม
"ฉันโหวตให้น้ำหวาน น้ำทิพย์ แดน ก้อย และน้ำมนต์"
"ฮะ แกโหวตพวกฉันเหรอ" ซึ่งยัยพิ้งก็ยิ้มแหย ๆ มาให้
"แล้วแกอะยัยหวาน" ยัยทิพย์เป็นคนถาม
"ฉันโหวตแดน มนต์ พิ้ง ทิพย์ เหมือนกัน" ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าเพื่อนนิ่ง
"แล้วแกล่ะยัยทิพย์" ฉันถาม หวังว่าคงจะไม่เหมือนกับพวกเพื่อนบ้านี่หรอกนะ
"ฉันโหวตให้กับแดน ก้อย ขิง ปลา และต่าย" ทันทีที่ยัยทิพย์พูดจบฉันก็ยิ้มทันที เพราะฉันตอบเหมือนมันเป๊ะเลย
"ฉันก็เหมือนกัน" ฉันตอบก่อนจะชวนพวกมันไปทานข้าว เพราะเดี๋ยวพวกรุ่นพี่เรียกลงตั้งแต่บ่ายสอง
คิดถึงเรื่องเมื่อวานมันก็ยิ่งแค้น คอยดูนะ ฉันต้องหาทางแก้เผ็ดนายนั่นให้ได้ คิดว่าใหญ่มาจากไหน มันก็คนเดินดินเหมือนกันนั่นละว้า
"ทำมาเป็นเก๊ก ชิ"
"ใครเก๊ก เก๊กใครเหรอ" และเพื่อนสาวของฉันทั้งสามก็ถามทันที แต่ฉันไม่บอกหรอก ไม่อยากพูดถึง เบื่อ
หลังจากซื้อข้าวมาแล้วพวกฉันก็หาโต๊ะนั่ง จนเห็นโต๊ะมุมหนึ่งดูสงบดี ฉันเลยพาพวกมันไปนั่งตรงนั้น
"ไม่กลัวเหรอ ทำไมกล้า" เสียงคนในโรงอาหารเริ่มพูดแต่ฉันไม่ได้สนใจเพราะฉันหิว อ้อวันนี้ฉันมากินที่วิศวะ เพราะเขาจะเรียกลงว้าก เราจะได้ไม่ต้องรีบมากไงล่ะ
"โอ๊ย หิวมากเลยแก" ทิพย์
"ใช่ หิ๊วหิว" พิ้งค์
"คณะวิศวะคนโคตรเยอะ แถมโรงอาหารก็ใหญ่กว่าคณะเราอีกว่าปะ" หวาน
ก็จริงอย่างที่ยัยหวานว่า แต่ช่างเถอะตอนนี้หิว ขอกินเตี๋ยวก่อนละกัน
"ตายแล้วยัยมนต์ทำไมแกใส่พริกเยอะอย่างนี้" ยัยพิ้งค์พูดพร้อมกับทำท่าตกใจ
"รู้ว่าชอบกินเผ็ด แต่มันมากไป เพลา ๆ หน่อยดิแก" ยัยทิพย์พูด
"นั่นสิ เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก" ยัยหวานพูด เฮ้อก็เข้าใจนะว่าพวกมันเป็นห่วง และมันควรชินได้แล้ว แต่มันก็ไม่ยอมชินกันสักที บอกฉันอย่างนั้นบ้างล่ะ อย่างนี้บ้างล่ะ ปวดตับกับเพื่อนของฉันจริง ๆ
"เออ เอาไว้วันหลังจะเพลาลงละกันแต่ตอนนี้กินก่อน หิว" ฉันรับปากพวกมันไปส่ง ๆ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากเป็นคำที่สอง
กึก
ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ที่หยุดอยู่ตรงหน้าของพวกฉัน คือเรานั่งฝั่งเดียวกันสี่คน อีกฝั่งคือว่างไง เผื่อมีคนอยากนั่งเขาจะได้นั่งได้
พรึบ!
แล้วก็มีเสียงนั่งตรงข้ามแต่ฉันไม่ได้สนใจ เพราะสนใจน้ำเตี๋ยวอยู่ แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ แฮะ เหมือนมีคนมอง และยัยเพื่อนสามคนสุดสวยของฉันมันก็เงียบผิดปกติ ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง สรุปว่าไอ้คนที่มานั่งกับสายตาแปลก ๆ ที่มองมา มันคือไอ้เฮดว้ากปีสามจอมบ้าอำนาจไง ฮึ่ย คนสวยเซ็ง ฉันนั่งจ้องตานายหน้านิ่งกันสักพัก ก่อนจะลงมือกินต่อพร้อมบอกพวกมันให้กินไปด้วย
"ไม่มีคนบอกเหรอ ว่าโต๊ะนี้มีเจ้าของ" พี่หน้าหล่อ ๆ พูด
"ก็ไม่มีนี่ ไม่เห็นมีใครบอก" ยัยหวานตอบ
"แต่โต๊ะนี้มันมีเจ้าของนะครับ" พี่คนกะล่อนพูด
"ก็ไม่ได้เขียนชื่อติดไว้ ใครจะไปรู้ได้" ยัยทิพย์ตอบ
"แล้วทำไมไม่ถามคนแถวนี้ เขารู้กันทั้งนั้น" โอ๊ยเสียงนี้ละมุนอบอุ่น
"ก็ไม่ใช่ริวจิตสัมผัสนี่คะ จะได้รู้ว่าต้องถามก่อนถึงจะนั่งได้" ฮะ อีกทีสิ หูไม่ได้ฝาดใช่ไหม ที่ยัยพิ้งค์เป็นคนพูดประโยคเมื่อกี้ อย่าเอาตัวตนออกมาสิ จงเป็นคนขี้กลัว
"ไม่มีมารยาท" ไอ้หมอนี่
"ไปกันเถอะมึง ไม่มีอารมณ์กินละ ตรงนี้เจ้าที่มันแรง กินไม่อร่อย ไว้วันหลังจะทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ละกัน จะได้ไม่ต้องมีเวรมีกรรมต่อกันอีก" พูดจบฉันก็ชิ่งเดินออกมาทันที ขืนอยู่ต่อฉันซวยแน่ แล้วจะโดนอะไรบ้างวะเนี่ย บอกแล้วฉันมันปากหมา ฮึ่ย โกรธตัวเอง แล้วยังไงวะ หมอนั่นต้องจัดหนักฉันแน่ โอ๊ย เครียด