ยอมรับ

1628 คำ
“ทุกคนจงฟังเราให้ดี...วันนี้เรามีธุระต้องไปทำ และจะย้ำกับทุกคนว่าให้ดูแลอาณาบริเวณนี้ให้ดี อย่าให้มีใครหน้าไหนเล็ดลอดเข้ามาได้ และอย่าให้ ใคร!...ออกไปเพ่นพ่านนอกบริเวณนี้เป็นอันขาด ไม่ว่าผู้ใด! หากใครฝ่าฝืนมันผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษตามกฎของที่นี่ เข้าใจไหม?” (ครับ/ค่ะ) เมื่อรู้ว่าจะต้องเดินทางเข้าพบบิดาตามที่ท่านต้องการ แต่จะปล่อยทิ้งไปเลยก็เสียจะไม่ได้ จึงต้องนัดรวมตัวของเหล่าบริวารออกคำสั่ง หากเป็นคนที่อยู่ในความดูแลก่อนหน้า จาห์มาล์คงไม่ต้องทำขนาดนี้ ด้วยทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองดี แต่ที่ต้องทำแบบนี้นั่นเพราะมีคนหัวรั้นอย่างจัสซีเนีย จ้องจะหลบหนีอยู่ตลอดเวลา ที่รับรู้เพราะว่าคนเฝ้าหน้ากระโจมรายงาน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้จัดการหรือลงโทษหล่อน แสร้งทำเป็นปิดหูปิดตา ไม่รู้ว่าจะต้องทำร้ายหล่อนไปอีกทำไม ในเมื่อรู้แล้วหล่อนไม่ได้มีความผิดตามที่เขาคิด แต่ความปากหนักก็ไม่ได้พูดไปตามตรง ยังคงวางท่าในแบบเดิมตามนิสัยที่เป็น “ทุกคนแยกย้ายได้” (ครับ/ค่ะ) “ยกเว้นจัสซีเนีย” ทุกคนตอบรับอย่างเกรงขาม ก็คงมีแต่จัสซีเนียเท่านั้นไม่ยอมว่าตามคนอื่น หล่อนเบือนหน้าหนีเบ้ปากอย่างไม่คิดกลัว บ่นยุบยิบเพียงลำพัง แล้วมันก็ช่างสะดุดตาของคนที่ออกคำสั่งเหลือเกิน จนจาห์มาล์ต้องเดินไปหยุดตรงหน้า มือไขว้หลังจ้องมองหล่อนที่อยู่ใต้ความสูง ข่มขู่เร้าหรือเอาคำตอบทางสายตา ทว่าหล่อนหาได้แยแส เงยหน้าจ้องมองคืนอย่างท้าทาย “มองทำไม!?” “ห้ามคิดหนีเข้าใจไหมยัยตัวดี หากมีใครรายงานเราว่าเธอทำเช่นนั้น เราจะจัดการให้หนักกว่าที่ผ่านมา” “ไอ้คนเผด็จการ” จาห์มาล์วางสีหน้าขรึม พูดข่มหวังให้หล่อนนึกกลัว แต่กลับไม่มีท่าทีตามที่หวังแม้แต่น้อย หล่อนเลือกที่จะต่อว่า กระแทกเสียงหนักใส่หน้าเขาแทน ทำเอาจาห์มาล์นั้นกำมือแน่น นึกโมโหแต่ว่าเลือกที่จะข่มอารมณ์ไว้ “วันนี้เราไม่มีอารมณ์จะต่อปากกับเธอหรอกนะ เรามีธุระที่ต้องจัดการมากกว่าการที่จะมาเสียเวลาทะเลาะด้วย” “ก็ไปสิ แล้วจะมายืนเก๊กวางท่าทำไม คิดว่าหล่อตายล่ะ” “ป่วยมีไข้ยังปากดีได้ งั้นก็คงไม่ตายง่าย ๆ หรอกมั้ง” ความเครียดที่จะเข้าพบบิดา ทำให้จาห์มาล์ปล่อยให้จัสซีเนียต่อปากต่อคำไป ความกลัดกลุ้มในใจทำได้เพียงเก็บกลั้นไว้ส่วนลึกเท่านั้น ไม่เปิดเผยออกมาต่อหน้าใคร ไม่ชอบให้ใครเห็นมุมอ่อนแอ แม้เขาจะเจ็บปวดแทบขาดใจหรือความเครียดที่มีนั้นหนักหนาก็ตามที “ที่นี่มันอันตรายมากกว่าที่เธอเห็น การที่เธอมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัยนั้นนับว่าเป็นความโชคดี” น้ำเสียงที่แปรเปลี่ยน แววตาที่ดูอ่อนโยนกว่าที่เคยเจอ ทำเอาจัสซีเนียถึงกับขมวดคิ้วแทบพันกัน มันฟังแล้วดูละมุนไม่เหมือนที่ผ่านมาก่อนหน้า ที่เอะอะวาจาร้ายก็ถูกพ่นออกมา “อะไรเข้าสิงนาย ถึงได้พูดจาทำนองนี้” เมื่อทิ้งจังหวะอยู่ชั่วครู่ ความฉงนใจทำให้จัสซีเนียต้องเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นว่าจาห์มาล์นั้นหันหลังให้ ตั้งท่าจะเดินจากไป “ไม่ต้องพยายามหลบหนีไปจากที่นี่ให้เสียแรงเปล่า หากเรามีชีวิตรอดกลับมา จะพาเธอไปส่งตามที่เธอต้องการด้วยตัวเราเอง” ว่าจบก็เดินจากไป ทิ้งคนข้างหลังมองตามด้วยความงุนงง เหตุใดเขาถึงได้เอ่ยวาจาแปลก ๆ ดั่งกับว่าจะไปรบเสียอย่างนั้น “อะไรของเขากัน” ทำเพียงยืนมองรถที่ขับเคลื่อนออกไป ไม่อาจเข้าใจได้ในสิ่งที่เขาพูด “หรือว่าอสูรซาตานจะออกจากร่างจริง ๆ” ก็ยังคงยืนพึมพำอยู่เช่นนั้น มองตามรถที่ขับเคลื่อนฝ่าทะเลทรายออกไปจนลับตา นั่นจึงทำให้หล่อนเดินกลับเข้ากระโจมที่พัก แม้จะยังฉงนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อออกมา แต่ว่าก็ไม่รู้จะถามใครได้ ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในถามไถ่ “มาแล้วเหรอไอ้ตัวดี!” ทันทีที่หนุ่มร่างสูงโปรงย่างกรายเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังโต เสียงกร้าวของผู้เป็นบิดาก็เรียกขาน พร้อมกับลุกยืนมองหน้าเขาด้วยแววตาที่ดูเกรี้ยวโกรธ นั่นทำให้รับรู้ได้ว่าเรื่องที่เรียกพบต้องเป็นเรื่องใหญ่ไม่สู้ดีนัก แต่เมื่อได้กระทำลงไปแล้วก็พร้อมจะยอมรับผล “ท่านอานัสคะ” มือของผู้เป็นมารดาจับรั้งแขนของผู้เป็นบิดาไว้ ดั่งกับห้ามปรามย้ำเตือนสติ "อัสลามุอะลัยกุม.ท่านพ่อ ท่านแม่" ยังทักทายตามธรรมเนียมดังเดิม แม้จะรู้แล้วว่าตนนั้นจะโดนอะไรนับจากนี้ ในใจสั่นไหวแต่ในเมื่อเกิดเป็นลูกผู้ชายก็ต้องรับสิ่งที่จะตามมาจากการกระทำของตัวเองให้จงได้ “ฟาตินกลับขึ้นห้องไป...นี่ไม่ใช่สิ่งที่สตรีจะต้องมารู้เห็น” ความโมโหโทโสทำให้ต้องออกคำสั่งกับคู่ชีวิต แม้หล่อนจะรับรู้สิ่งที่ผู้เป็นสามีจะพูดคุยกับบุตรชาย แต่ด้วยความอารมณ์ที่มีไม่ต่างกันระหว่างพ่อกับลูก หล่อนจึงหวั่นว่าจะทำให้คฤหาสน์นี้ลุกเป็นไฟ “นั่นลูก” ฟาตินเงยหน้าส่งสายตาหาผู้เป็นสามี ที่ตอนนี้ยืนกำมือแน่นสั่นเทิ้ม หล่อนจับกุมมือหนานั้นไว้ เอ่ยย้ำเตือนว่าคนตรงหน้านั้นคือสายเลือด “ท่านแม่ขึ้นห้องตามที่ท่านพ่อสั่งเถิด ลูกไม่เป็นอะไร ท่านพ่อแค่ต้องการจะคุยด้วยก็เท่านั้น” เดินเข้าใกล้แล้วโอบกอดผู้เป็นแม่ แม้จะรับรู้ว่าท่านนั้นห่วงเพียงใด แต่ก็ไม่อยากให้กังวลจึงเอ่ยออกไปเช่นนั้น “ท่านพ่ออารมณ์ร้อนนักไม่ต่างจากลูก แม่แค่กลัวว่าจะพลาดพลั้งเพียงอารมณ์ชั่ววูบ” มือของแม่ย่อมอุ่นเสมอ ลูบหลังปลอบประโลมบุตรชายด้วยความรักใคร่ แม้จะรู้แก่ใจว่าลูกนั้นทำผิดมหันต์ “เห็นเราเป็นคนยังไงกันฟาติน” ผู้เป็นสามีเอ่ยอย่างถามความเห็น “นี่ยังต้องตอบอีกหรือคะ?...ท่านน่ะ...” “พอ ไม่ต้องตอบ จากสีหน้าแล้วมันจะไม่จบง่าย ๆ ขึ้นห้องไป...ผิดก็ว่าไปตามผิด เป็นถึงบุตรชายของเรา แต่ทำเรื่องโง่เขลาสิ้นดี” ยังไม่ทันที่ฟาตินจะได้เอ่ยตามสิ่งที่คิดและพบเห็น คนเป็นสามีก็เอ่ยแทรกตัดบทเสียก่อน ทำอย่างกับร้อนตัวรู้เท่าทันความคิดผู้เป็นภริยา สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมขึ้นห้องตามคำสั่งอย่างขัดไม่ได้ เพี๊ยะ!! เมื่อพ้นสายตาของภริยา ฝ่ามือหนาก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของบุตรชายเต็มแรงจนหน้าหัน แม้จะเจ็บแสบแต่ก็ไม่แสดงความเจ็บนั้นต่อหน้าผู้เป็นบิดาให้เห็น ความลับที่ปกปิดมานาน ถูกเปิดเผยเมื่อความอยากรู้มันทำให้ผู้เป็นบิดาต้องสืบเสาะจนได้ความ “เป็นถึงบุตรชายของเชคฮ แต่กลับไปเป็นโจรปล้น ทำไปทำไมกันจาห์มาล์!” “ลูกมีเหตุผลของลูก” “เหตุผลอะไร!?” “..........” น้ำเสียงอันทรงพลังหนักแน่นของบิดาเอ่ยถาม สิ่งที่อยากรู้จากการกระทำของบุตรชาย แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ตรงใจสักนิด เหตุผลที่บุตรชายเลือกทำ มันตอกย้ำถึงการปกครองของพ่อที่ไร้ประสิทธิภาพ เพียงบุตรชายคนเดียวยังดูแลไม่ได้ แล้วจะปกครองบริวารมากมายได้เช่นไร บุตรชายลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่ผู้เป็นพ่อกลับเพิ่งจะมารับรู้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “ตอบ!” “ลูกบอกไม่ได้” เสียงเข้มตวาดลั่น แต่กระนั้นก็ยังไม่มีเหตุผลอันใดออกมาจากปากของบุตรชาย “ไม่บอกเหตุผล จงยอมรับมันให้ได้ สิ่งที่ลูกทำลงไปมันคือความผิดมหันต์ ที่เจ้าต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎ ไม่มีการเว้นโทษแม้นจะเป็นบุตรชายของเรา เพื่อไม่ให้ใครอาจหาญเอาเป็นเยี่ยงอย่าง” เมื่อบุตรชายยืนยันให้เหตุผลที่บอกไม่ได้ จะบ่ายเบี่ยงเพียงเพราะเป็นลูกก็จะทำให้การปกครองนั้นไร้ผล จำต้องทำตามกฎที่ตั้งไว้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง “ลูกยอมรับผิดและพร้อมรับบทลงโทษ” รู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องเจอกับอะไร ความเป็นลูกผู้ชายชาตรีจำต้องยอมรับในสิ่งที่ทำเช่นกัน แม้มันจะเจ็บหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม “พาจาห์มาล์ไปยังห้องใต้ดิน ให้ริฎวานเป็นคนเฆี่ยนสามสิบแส้ หากยังไม่สลบจงเฆี่ยนต่อไปสุดแรง” คำตัดสินที่ไม่มีใครกล้าขัด มันชัดเจนทุกถ้อยคำ “ท่านเชคฮขอรับ!” ทำเอาริฎวานที่ได้ฟังถึงกับหวั่นใจ ห่วงใยเพื่อนรักที่จะต้องรับความเจ็บปวด “ความผิดของเจ้าก็มีไม่ต่างกัน ในเมื่อเป็นเพื่อนกันแต่ไม่ยอมห้ามปรามเมื่อเห็นเพื่อนทำผิด ก็จงยอมรับในผลที่ทำ มองดูเพื่อนเจ็บปวดด้วยความสำนึกผิด ต่อไปนี้จะทำอะไรจะได้ตรองให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม