คุกของทาส

2632 คำ
คุกของทาส แสงแดดที่ปรับองศาคล้อยต่ำแยงลอดม่านตา ปลุกเจ้าของร่างบางให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลอันยาวนานร่วม 18ชั่วโมง เธอรู้สึกมึนงงกับภาพสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ในสายตาไม่ใช่ทั้งห้องนอนส่วนตัวหรือแม้กระทั่งที่พักในโรงแรมบนเกาะฮาวายซึ่งนาริณช่วยกันเลือกกับคนรักของเธอ ตอนวางแผนจะไปท่องเที่ยวด้วยกันสองต่อสองหลังจากสอบเสร็จ (ฤดูร้อนของประเทศในแถบยุโรป พระอาทิตย์จะขึ้น 4~5am และลับขอบฟ้าประมาณ 10~11pm) “อ๊ะ! ” อาการปวดร้าวพุ่งเข้าเล่นงานเธอทันทีเมื่อขยับยกขาอย่างรวดเร็ว และสมองของนาริณก็ฉายซ้ำภาพความจำของเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เธอต้องเจ็บปวดและเสียใจอีกครั้ง “ตื่นแล้วก็รีบทานซุปให้หมด จะได้ทานยา” นาริณหันมองตามเจ้าของเสียงที่เดินสง่าผ่าเผยเหมือนคนอารมณ์ดีเข้ามาในห้อง พร้อมถาดเสิร์ฟซึ่งมีอาหารสองสามอย่าง แม้เจ็บแค้นที่ถูกเขาย่ำยีจนร่างกายแทบแหลกยับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกชมเชยความดูดีมีเสน่ห์ทุกสถานการณ์ของผู้ชายคนนี้ แค่เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวหม่นเนื้อบางตัวเก่า กับกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายแบบสบาย จอห์นก็ยังแลดูโดดเด่นสะดุดตา เปลือกกายภายนอกสง่างามเหมือนเทพบุตรขัดแย้งกับเนื้อแท้ต่ำทรามไม่ต่างจากเดรัจฉานในนรกขุมสุดท้าย ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานแต่ซีดเซียวจะเบือนหนี ผู้ชายสารเลวซึ่งล่วงเกินเธออย่างหยาบช้าเหมือนสัตว์ป่าหิวโหยที่ฉีกทึ้งกินเหยื่อหลายครั้งหลายหนกระทั่งหมดสติ เพราะนาริณไม่มีความต้องการอยากเป็นมิตรกับเขา “หรือว่าคุณอยากมีลูกกับผม? ” คำพูดยียวนส่อเสียดเหมือนเห็นขันกับความโชคร้ายของเธอ ทำให้นาริณไม่อาจทนหุบปากนิ่งเฉย “ให้ฉันตายซะดีกว่า! ” หน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดีแม้จะไม่ได้อยู่ในที่ของตัวเอง  “ถ้าใจเสาะขนาดนั้นก็เชิญเลย” จอห์นรู้ว่าเธอเข้มแข็งมากกว่าจะคิดสั้นเพียงเพราะสูญเสียความสาวให้เขา อีกทั้งนาริณยังเป็นความหวังเดียวของครอบครัวที่จะช่วยส่งเสียน้องสาวคนรองซึ่งพึ่งสอบเทียบติด ให้ได้มีโอกาสเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยจนจบ “ถ้าไม่อยากจะนอนพักก็เข้าไปช่วยผมทำงานในห้องข้างๆ อย่าคิดหนีออกไปจากที่นี่เพราะสภาพคุณตอนนี้คงถ่างขารับแรงขย่มของผู้ชายทั้งเกาะไม่ไหว” คนขู่เหมือนรู้ทันความคิดของนาริณ กวาดสายตาสำรวจร่างเล็กบางอ้อนแอ้นในชุดนอนผ้าซาตินสีขาวเนื้อบางเบาที่เขาเป็นคนสวมให้อย่างอ้อยอิ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้ล่วงเกินเสมอแม้ในยามอิดโรยเหนื่อยล้า  จอห์นกล้ายอมรับกับตัวเองว่าตอนนี้หลงใหลรสรักของนาริณแบบโงหัวไม่ขึ้น ความสุขที่ได้รับจากร่างกายเซ็กซี่เมื่อคืนนี้ทำให้เขาเสพย์ติดจนไม่อยากถอนตัวตนออกมาจากความสาวของเธอ มันวิเศษสุดยอดอย่างมหาศาลกระทั่งจอห์นเผลอแสดงความหื่นใส่เธอจนสลบไสลทั้งที่ยังมีอวัยวะกลางลำตัวของเขาเสียบคาความสาว  ร่างสูงใหญ่วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงแบบเบามือ เหมือนกลัวว่ามันจะสะเทือนไปถึงคนที่นั่งเชิดหน้าและทำให้เธอต้องมีอันระคายเคืองใจ เขาเดินกลับออกไปจากห้องนอนทาสีฟ้าอ่อนโทนสว่างตาเหมือนสีสันท้องฟ้าด้านนอกเหนือเกาะลาซีโอต้าท์ (la ciotât) เกาะส่วนตัวของตระกูลคอนราร์ดที่ปัจจุบันสมาชิกในครอบครัวมีเพียงแค่เขาคนเดียว นาริณค่อยๆ เคลื่อนพยุงร่างกายเจ็บร้าวอ่อนแรงไปหาถาดอาหารทันทีที่ร่างสูงใหญ่เดินพ้นขอบประตู ยกถ้วยซุปอุ่นขึ้นซดด้วยความหิวแสบไส้ เพราะในท้องว่างเปล่าไม่มีแม้แต่น้ำสักหยด ตามด้วยทานยาในจอกเล็กๆ โดยไม่รู้ชัดว่ามันคือยาอะไร จากที่ได้ยินคำบอกเล่าของจอห์น เธอตีความว่ามันน่าจะใช่ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ “คุณยังไม่ได้ให้ยาเม็ดที่สอง” นาริณร้องทักก่อนร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ หลังจากทานอาหารเช้าบนโต๊ะไม้ทาสีขาวสไตล์วินเทจร่วมกับจอห์นสองคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   “รู้จักวิธีทานยาด้วย? แสดงว่าศึกษาไว้เผื่อเตรียมจะใช้ตอนไปเที่ยวฮาวายกับแฟน” เลิกคิ้วถามเธอกลับด้วยสีหน้าฉงนในเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด  “หรือว่าคุณอยากให้ฉันท้อง? ” เธอยอกย้อนคำพูดของเขาเมื่อวานตอนหัวค่ำ แม้ในใจยังรู้สึกตะขิดตะขวงว่าทำไม จอห์นรู้ว่าเธอจะไปฮาวายกับคนรักวัยเดียวกัน ซึ่งป่านนี้ ‘ซีริล มอนโร’ คงอยู่ที่เกาะฮาวายแล้ว หรือไม่ก็เปลี่ยนใจกลับบ้านเพราะไม่เจอเธอที่สนามบินตามเวลานัดหมาย “ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ผมเองก็อายุมากพอจะมีครอบครัวแล้วด้วยสิ” จอห์นทำหน้าชื่นตาบานตอบกลับคนถือดี ที่เลิกยำเกรงฐานะประธานอำนวยการของเขาเหมือนตอนยังเป็นนักเรียนทุนในความอนุเคราะห์ของบริษัทคอนราร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ มหาชนจำกัด. ไม่ได้รู้สึกเคืองขุ่นกิริยาเย็นชาของเธอสักนิดเพราะรู้ตัวดีว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอมันสมควรได้รับผลการตอบโต้ที่มากกว่านั้น เพียงแต่ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้ามีอิทธิพลต่อเขามากเหลือเกิน มากมายขนาดที่ทำให้จอห์นขาดความสามารถในการควบคุมตัวเองจนก่อนหน้านี้ถึงขั้นลงมือทำเรื่องเลวร้ายผิดศีลธรรมลงไป “ได้โปรดเถอะค่ะคุณคอนราร์ด! เอายาอีกเม็ดให้ฉันก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข” นาริณเลือกที่จะยอมอ่อนข้อแก่คนที่ทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะต่อให้เป็นซุปเปอร์เกิร์ลก็คงหมดทางต่อสู้พละกำลังมหาศาลของผู้ชายร่างกายสูงใหญ่แบบจอห์นและบอดี้การ์ดร่างยักษ์ในชุดลำลองเกือบสิบชีวิตที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกตัวบ้านหลังงามนี้ไม่ได้ ที่สำคัญคือชีวิตของเธอมีค่ามากกว่าจะคิดตื้นเขิน แม่และน้องสาวยังรอคอยให้นาริณกลับไปเป็นเสาหลักของครอบครัว “ตามผมไปเอาที่ห้องทำงาน อ้อ! อย่าลืมเอาน้ำมาดื่มด้วยล่ะ” ถ้าหูไม่ฝาด นาริณคิดว่าได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างคนมีอารมณ์ชื่นมื่นของจอห์น แต่เรื่องเล็กน้อยนั่นไม่ทำให้เธอสนใจมากไปกว่าเรื่องยาอีกเม็ดที่ต้องรีบทานภายใน 12ชั่วโมง หลังจากการทานเม็ดแรก ห้องทำงานของผู้ชายสารเลวที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มแบบจริงจังราวมันคือลายแทงขุมทรัพย์สุลต่าน ถูกตกแต่งเป็นแนววินเทจสีขาวผสานสีน้ำตาลหลากเฉดดูหรูหรา แมทช์กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ในห้องขนาดโอ่โถงซึ่งทาสีขาวแป้งได้อย่างลงตัว  “นั่งลง และเซ็นต์ยอมรับเงื่อนไขการเข้าร่วมทำงานกับบริษัทของผม” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบ นาริณอยากจะเอาแก้วน้ำในมือสาดหน้าหล่อเหลานั้นแทบขาดใจ ถ้าหากสามารถทำได้เธอคงไม่คิดรั้งรอ...  เพียงแต่ ตอนนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะเป็นรอง ซึ่งนาริณจำต้องยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของเขาเพื่อเอาตัวรอด “คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่? ทำไมฉันต้องทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯของคุณ... ไม่คิดว่าฉันจะฉวยโอกาสแก้แค้นคุณด้วยการเอาข้อมูลลับบริษัทไปให้คู่แข่งหรือยังไง? ” เธออดไม่ได้ที่จะถาม รู้สึกฉงนกับการกระทำของ ‘จอห์น คอนราร์ด’ หลังจากอ่านรายละเอียดเอกสารบนโต๊ะทำงานแบบคร่าวๆ ซึ่งมันอาจจะง่ายและปลอดภัยกว่าถ้าเขาฆ่าเธอทิ้งแล้วโยนลงทะเล แทนที่จะวางใจให้โจทย์ของตัวเองมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัว “ผมต้องการชดเชยค่าเสียหายให้คุณ โดยเรายังคงยึดถือเอาเงื่อนไขการรับทุนการศึกษาที่คุณต้องทำงานกับบริษัทฯ เป็นเวลาหนึ่งปีหลังเรียนจบ ทุกอย่างจะเหมือนเดิม ยกเว้นรายได้และหน้าที่ความรับผิดชอบของคุณซึ่งเพิ่มขึ้น” นาริณกวาดตาอ่านทุกอักษรบนกระดาษสามสี่แผ่นในมือ กลับยังไม่พบว่าหน้าที่ซึ่งเพิ่มขึ้นจะมากมายหรือคุ้มค่ากับรายได้หลักหลายหมื่นเหรียญยูโร ในอัตราเทียบเท่าเงินเดือนของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่ต้องใช้ความสามารถและความรับผิดชอบมหาศาลนั้นเลย “ไม่ต้องแปลกใจ หน้าที่หลักของคุณคือคอยดูแลและติดตามผมตลอด 24ชั่วโมง มันระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในเอกสารสัญญาข้อสุดท้าย ที่คุณต้องตอบตกลงโดยจำยอม เพราะไม่มีตัวเลือกอื่นสำหรับคุณ”  คนพูดเอามือประสานกัน ทิ้งแผ่นหลังกว้างพิงเก้าอี้ทำงานขนาดใหญ่ที่สามารถเอนลงนอนพักผ่อนได้อย่างสบายสมกับสนนราคาของมัน “ถ้าฉันไม่ยอมเซ็นสัญญา ? ” เธอมองกล่องสีเหลี่ยมหน้าข้อความซึ่งระบุวันเริ่มงาน ‘ทันที’ ที่ถูกขีดให้ก่อนล่วงหน้าอย่างลำบากใจ “คุณไม่มีช้อยส์อื่น” “ฉันขอใช้สิทธิความเป็นคนต่อรองค่ะ! ” ความอัดอั้นตันใจมันมากเกินเธออดกลั้นกล่าวประท้วงด้วยถ้อยคำประชดประชันไม่ได้ แม้นาริณจะรู้ว่าในสถานการณ์ขณะนี้มันไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเลยก็ตาม “ถ้าไม่อยากโดนดีเหมือนครั้งก่อน ผมขอแนะนำ! ว่าอย่าพยายามแสดงความโง่ออกมาหรือว่าทำให้ผมต้องรู้สึกโมโห แต่ถ้าคุณชอบแบบนั้นล่ะก็... ผมจัดให้ได้เสมอ” น้ำเสียงเยือกเย็นจับขั้วหัวใจของเขาดังในระดับปกติ แต่มันมีอำนาจที่สามารถสั่นประสาทคนฟังจนหวาดผวาไม่กล้าต่อเถียงอะไร โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของเขามันชวนให้คิดว่า ผู้ชายสารเลวตรงหน้าเธอชื่นชอบเซ็กซ์ที่รุนแรงหรือบางทีเขาอาจจะเป็นซาดิสม์ก็ได้ สมองของเธอสั่งงานว่าควรเอาชีวิตให้รอดปลอดภัยไว้ก่อนอันดับแรก มือน้อยจับปากกาหมึกซึมสีน้ำเงินสั่นนิดๆ ตอนเขียนชื่อตัวเองและเซ็นต์ยอมรับสัญญาจ้างไร้มนุษยธรรม ชั่วขณะนาริณไผล่คิดไปถึงคนรัก ‘ซีริล’ คงไม่มีทางรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ถ้าเขากลับไปหาเธอที่ห้องพักนักศึกษาหรือบ้านแม่แล้วไม่เจอ ป่านนี้ซีริลคงเป็นห่วงนาริณแทบคลั่งจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ “ยาอีกเม็ดนั่นล่ะคะ? ” ความวิตกกังวลถึงผลที่จะตามมาจากกรรมซึ่งเธอไม่ได้ต้องการก่อ ทำให้นาริณออกปากทวงถามเขาอีกเป็นรอบที่สอง แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้นอบน้อมเพราะเธออยู่ในที่ของเขา หากจะแสดงความเกรี้ยวกราดหรือดิ้นรนหาเรื่องเดือดร้อนมากไปกว่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นมา “ไม่มียาอีกเม็ด และคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องทานยาเพราะผมเป็นหมัน” เสียงตอบที่ดังทุ้มอย่างมีอำนาจแฝงความเย้ยหยันนิดๆ แบบคนเป็นต่อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นาริณรู้สึกวางใจกับปัญหาที่วิตกกังวลลงได้เลย “แล้วเมื่อวานนี้คุณเอายาอะไรให้ฉันทาน ? ” เธอหลุดการควบคุมไปวูบหนึ่ง ถามเขาเสียงกระชากแบบคนถูกทำร้ายอย่างจนมุม รู้สึกหวาดระแวงสิ่งที่ตัวเองประมาทเลินเล่อย้อนหลัง แต่ถ้าหากมันคือยาเสพติดหรือสารกระตุ้นเมื่อวานตอนหัวค่ำเธอคงไม่เพียงแค่รู้สึกง่วงเพียงอย่างเดียว นาริณพยายามนึกไตร่ตรองหาเหตุผลให้ตัวเองสงบลง  “ยาแก้เครียดธรรมดา ร่างกายของคุณจะได้พักผ่อนเต็มที่และพร้อมทำงานให้ผมทันที ตามข้อตกลงยังไงล่ะ”   คนพูดยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย แอบชอบใจที่ได้เห็นเธอแสดงความเกรี้ยวกราดเล็กน้อยออกมา “ฉันต้องการติดต่อคนทางบ้านค่ะ”  เธอแจ้งความต้องการอย่างแสดงว่านอบน้อม ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้สึกเคารพเขาสักนิด เกือบสองวันแล้วที่นาริณเงียบหายไปโดยไม่สั่งเสียข่าวคราวกับใครสักคน “ผมให้คนจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายประจำของครอบครัว ที่คุณมักจะเอาเงินจากทุนการศึกษาไปจุนเจือพวกเขาอีกด้วย”  “ไม่มีข้อห้ามเรื่องนี้ระบุอยู่ในเงื่อนไขการรับทุน ” นาริณย้อนกลับอย่างขุ่นเคืองใจ อารมณ์เธอแปรปรวนเมื่อเขาต้อนให้เธอจนมุมมากกว่าเดิม ส่วนลึกเกิดความรู้สึกผิดหวังในตัวผู้ชายที่นั่งอยู่อีกฟากโต๊ะ เธอเคยเทิดทูนบูชาเขาเหมือนเป็นเทพเทวดา แต่พอมาถึงวินาทีนี้ทัศนคติที่มีต่อ ‘จอห์น คอนราร์ด’ มันติดลบในระดับดิ่งลงนรกขุมสุดท้ายไปแล้ว “รู้สึกว่าปากแข็งแรงดีแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มทำงานของคุณซะเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก” จอห์นอารมณ์เดือดปุด สาเหตุนั้นไม่ใช่คำต่อเถียงที่พ่นออกมาจากปากของเธอ แต่เป็นสีหน้าและแววตาเย็นชาเหมือนรังเกียจคู่สนทนาแบบเก็บไม่มิดนั่นต่างหาก ตลอดชั่วชีวิต เขาไม่เคยโดนมองแบบนี้มาก่อน ยิ่งคนที่ทำกับเขาเป็นเธอด้วยแล้ว มันยิ่งส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ของจอห์นอย่างมหาศาล “แล้วฉันมีเวลาพักได้เมื่อไหร่ค่ะ? ” “เมื่อผมอนุญาต! ” คำตอบไร้มนุษยธรรมนั่น ทำให้นาริณต้องกัดริมฝีปากล่างแน่นอย่างสะกดอารมณ์ หลุบตามองต่ำแค่ขอบโต๊ะฝั่งตรงข้าม พยายามจะไม่ร้องไห้หรือแสดงความอ่อนแอออกมา เธอจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้คนสารเลวอีกเด็ดขาด “ลุกขึ้นแล้วเข้ามาใกล้ๆ ผม! ” จอห์นรู้ตัวดีว่าได้ทำร้ายจิตใจและร่างกายของเธอเจ็บสาหัสมากแค่ไหน เขาผิดที่รู้ตัวช้าว่าไม่สามารถยอมปล่อยให้นาริณเป็นของคนอื่น จึงเลือกที่จะบังคับขืนใจเธอเพราะมันคือหนทางที่จะได้ครอบครองผู้หญิงคนนี้ในเวลาอันรวดเร็วก่อนทุกอย่างสายเกินไป เขาหมุนเก้าอี้ตามร่างบางที่เดินอ้อมโต๊ะมาฝั่งเดียวกันและหยุดยืนอยู่ต่อหน้า กวาดตามองความสวยหมดจดที่พระเจ้ามอบแก่เธอด้วยความทึ่ง ไม่เสียใจสักนิดกับเรื่องบุ่มบ่ามเมื่อสองคืนก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าตัวเองได้เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว! “ถอดเสื้อผ้าออก” “อะไรนะคะ !?!? ” นาริณตะลึงอยู่สามวินาที ก่อนจะถามทวนคำสั่งอีกรอบเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าเธอถูกกดดันจนสติแตกและหูฝาดไปเอง “ผมสั่งให้คุณถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้น” จอห์นพูดช้าๆ แต่ชัดเจนทุกพยางค์ จ้องมองหน้าหวานที่เผือดสีเหมือนถูกสั่งให้ไปตายด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเล็กน้อย ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้เขาล้วนแต่อยากกระโจนเข้าหา ยกเว้นคนข้างหน้า ซ้ำยังเป็นผู้หญิงที่ทุกลมหายใจเขาอยากได้เธอจนแทบคลั่ง “ค่ะ”  นาริณรับคำเสียงแผ่วหวิวเหมือนรำพึงกับตัวเอง  มือน้อยที่กำหมัดแน่นคลายออกแล้วเคลื่อนไปปลดเดรสอัดพลีทเข้ารูปสีนู๊ดแขนตุ๊กตาแบบเกาะไหล่รูดลงจากตัวอย่างเชื่องช้า รู้สึกหดหู่ในชะตากรรม พอจะเข้าใจได้เองแล้วว่าหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการส่วนตัวของประธานอำนวยการคืออะไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม