จวนตระกูลหวาง
“อะไรนะเจ้าคะท่านพ่อ!!!”เสียงหวานสั่นไหวระริกเอื้อนเอ่ยออกมา
เมื่อนางได้ยินถ้อยคำออกจากปากของผู้เป็นพ่อถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นภายในตระกูล และสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้องก็คือตัวนางนั้นเอง ดวงตาคู่สวยมองบิดาที่นั่งหน้าเศร้าหมองด้วยความอมทุกข์มากกว่าความดีใจที่ได้รับเงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงทอง
หวางเจี้ยนเฉิง เป็นเจ้าของสำนักการสังคีตหวางเถียนและสำนักคุ้มกันหวางซื่อ ซึ่งอยู่ในระดับแนวหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสำนักคุ้มกันที่ดีสุดแห่งหนึ่งของต้าหมิง ตระกูลหวางดำเนินกิจการทั้งสองอย่างควบคู่มาอย่างยาวนานจนก้าวเข้าสู่รุ่นปัจจุบันคือหวางเจี้ยนเฉิง สำนักคุ้มกันตระกูลหวางและสำนักการสังคีตหวางเถียน ค่อยๆ เติบโตจากกิจการเล็กๆ จนกลายมาเป็นสำนักคุ้มกันลือชื่อ และสำนักการสังคีตซึ่งมีผู้นิยมมากที่สุด
ทว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับสำนักคุ้มกันหวางซื่อ เมื่อได้รับมอบหมายให้คุ้มกันเงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงทองนำส่งมอบให้กับท้องพระคลังหลวง ซึ่งได้รับมอบมาจากโรงผลิตเงินตราของทางราชสำนักสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย มิหนำซ้ำบุตรีเพียงคนเดียวยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อมีผู้พบเห็นนางในคืนวันเกิดเหตุ
“ท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอของทางนั้นเจ้าคะ”หวางเย่หลิงถามบิดากลับไปด้วยความอยากรู้ นางไม่คาดคิดเลยว่าสถานการณ์ภายในของตระกูลจะรุนแรงถึงเพียงนี้
หวางเจี้ยนเฉิง เงยหน้าขึ้นมองบุตรีเพียงคนเดียวของเขา ลูกสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจที่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงมาดูตั้งแต่ยังแบเบาะจะต้องถูกส่งเข้าจวนอิ๋งชวนโหวเพื่อไปเป็นหลักประกันในการกู้เงินจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไป
“พ่อตอบตกลงตามความต้องการของอิ๋งชวนโหว เพราะอยากได้เงินมาส่งคืนให้กับทางราชสำนักแทนที่เงินสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ตอนนี้พ่อเปลี่ยนใจแล้ว พ่อจะไม่ยอมส่งเจ้าไปตามความต้องการของทางนั้นอย่างเด็ดขาด เพราะเจ้ากำลังถูกส่งให้ไปเป็นผู้หญิงของอิ๋งชวนโหวซึ่งจะทำอะไรก็ได้”หวางเจี้ยนเฉิงบอกบุตรสาวอย่างอัดอั้นตันใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พ่อใคร่ครวญมาตลอดทั้งวัน และตัดสินใจได้แล้วว่าจะกลับไปที่จวนอิ๋งชวนโหวอีกครั้งเพื่อขอยกเลิกการกู้เงินห้าหมื่นตำลึงทอง และพ่อคิดทางหนีทีไล่เอาไว้ให้เจ้าหมดเรียบร้อยแล้ว จะส่งเจ้าไปพำนักอยู่ที่ลั่วหยางกับท่านอาห้าไม่ต้องหวนคืนกลับมาที่เมืองหลวงอีกตลอดชีวิต อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดขึ้นต่อไป”ผู้เป็นพ่อกล่าวพร้อมยกมืออันแห้งกร้าน ลูบเบาๆ บนเรือนผมลูกสาวสุดรักเพียงคนเดียวที่เข้ามากอดเพื่อให้กำลังใจ
ทว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลนั้นบุตรสาวแสนสวยของเขาดูออกทันที ว่าหากตัดสินใจแบบนั้นจริงๆ สถานการณ์จะเลวร้ายนับเท่าทวีคูณ ตระกูลหวางจำนวนหลายร้อยชีวิตจะต้องถูกประหารไม่เหลือสิ้น
และแน่นอนว่าบิดาของนางก็จะต้องได้รับโทษประหารเช่นเดียวกัน แต่นางกลับหนีเอาตัวรอดไปแต่เพียงผู้เดียวในขณะที่อีกหลายร้อยชีวิตต้องเซ่นสังเวยมีหรือที่หวางเย่หลิงจะทานทนให้ตระกูลพบกับชะตากรรมเช่นนั้นได้เล่า
“หลิงเอ๋อจะไปเป็นสตรีของอิ๋งชวนโหวเจ้าค่ะท่านพ่อ”นางบอกบิดาเมื่อได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเลือกที่จะช่วยกอบกู้สถานการณ์ของตระกูลแทนที่จะหนีเอาชีวิตรอดแต่เพียงผู้เดียว
“หลิงเอ๋อ!”คนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ ชายชรารีบดันร่างอรชรของบุตรสาวเพื่อพูดกับนาง
“ไม่ต้องหลิงเอ๋อ พ่อจะไม่มีวันส่งเจ้าให้ไปเป็นสตรีของอิ๋งชวนโหวอย่างเด็ดขาด จะไม่ยอมให้ลูกต้องไปเป็นผู้หญิงของผู้ใดลูกของพ่อจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ออกเรือนไปกับชายที่เจ้าพึงใจและสามารถปกป้องดูแลคุ้มครองได้”ชายชราบอกกับบุตรสาว
“หลิงเอ๋อทราบเจ้าคะว่าท่านพ่อรักและหวังดีกับข้ามากแค่ไหน แต่เงินห้าหมื่นตำลึงทอง ท่านพ่อบอกเองไม่ใช่เหรอเจ้าคะว่าจะสามารถกอบกู้สถานการณ์ของตระกูลหวางกลับคืนมาได้อีกครั้ง ผู้คนอีกหลายร้อยชีวิตในตระกูลหวางจะรอดพ้นจากโทษประหาร ข้าไม่ต้องการมีชีวิตรอดแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่ท่านพ่อและคนทั้งตระกูลต้องถูกประหารกันทั้งหมด”หวางเย่หลิงกล่าวให้ข้อคิดคนเป็นพ่อก่อนจะกล่าวสำทับตามติดมา
“ถ้าหากการเสียสละของหลิงเอ๋อในครั้งนี้ทำให้ตระกูลหวางรอดพ้นจากวิกฤตที่เป็นอยู่แบบนี้ได้ ลูกยินดีที่จะไปเป็นสตรีของอิ๋งชวนโหวด้วยความเต็มใจเจ้าค่ะ ลูกต้องอยู่ห่างจากท่านพ่อเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ท่านพ่อไม่ต้องห่วง หลิงเอ๋อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”นางยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมเข้าสวมกอดร่างของผู้เป็นพ่อเพื่อขอไออุ่นแห่งรักอีกครั้ง
“โธ่! หลิงเอ๋อลูกพ่อ”หวางเจี้ยนเฉิงได้แต่สะอื้นไห้อยู่ภายในอก
ชายชราหลั่งรินน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย สองพ่อลูกได้แต่สวมกอดให้กำลังใจกันและกันโดยมิได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาอีก
จวนอิ๋งชวนโหว
ภายในห้องรับรองกว้างใหญ่ โอ่โถงที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา จวนอิ๋งชวนโหวกำลังต้อนรับสตรีสาวร่างอรชรอยู่ในขณะนี้ ร่างสูงสง่าของบุรุษหนุ่มใบหน้าหล่อเหลากำลังเดินเข้ามาใกล้รัศมีสายตาของหวางเย่หลิง ทั้งสองต่างสบประสานสายตากัน เพียงชั่วครู่ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อจดจำชายตรงหน้านี้ได้แล้วว่าเป็นผู้ใด
“จะ..เจ้าคน..”หวางเย่หลิงอุทานเสียงดังพลางจ้องใบหน้าราวเทพสวรรค์ของชายตรงหน้าที่กำลังยกยิ้มขึ้นที่มุมปากส่งกลับมาให้นาง หวางเย่หลิงหันไปเกาะแขนบิดาเอาไว้ทันทีและไม่มีทีท่าว่าจะคาราวะคนตรงหน้าในฐานะผู้มีอายุน้อยกว่าควรจะพึงกระทำ
“หลิงเอ๋อนี่คืออิ๋งชวนโหว รีบคาราวะท่านใต้เท้าสิลูก”หวางเจี้ยนเฉิงแนะนำอีกฝ่ายให้กับบุตรีได้ล่วงรู้
“ไม่เจ้าค่ะ”นางกล่าวเสียงห้วนพร้อมสะบัดหน้าหนีก่อนจะเชิดใบหน้าสวยด้วยความถือดี
“ข้าจะไม่ยอมคาราวะคนบ้าตัณหาแบบนั้น”นางพึมพำออกมาเบาๆ
“หลิงเอ๋อ! พ่อบอกให้รีบคาราวะท่านใต้เท้าอย่างไงลูก” หวางเจี้ยนเฉิงพูดเสียงดุก่อนจะเหลือบสายตามองบุรุษหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใดอยู่เช่นนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ถือสาหาความอะไรกับเด็กน้อยที่ยังไม่เจริญวัย” ท่านโหวหนุ่มจงใจพูดยียวนจนอีกฝ่ายหันกลับมาส่งค้อนให้วงเบ้อเริ่ม
“ข้าไม่ใช่เด็ก พ้นวัยปักปิ่นมาได้สองปีแล้ว”นางตอบกลับไปเสียงห้วน
“เช่นนั้นรึ กายไม่เด็กแต่ความคิดของเจ้านะสิเด็ก ผู้คนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วล้วนย่อมรู้จักคำว่ามรรยาทด้วยกันทั้งสิ้น”อิ๋งชวนโหวพูดลอยๆ ออกมาเล่นเอาเจ้าตัวฟังแล้วหน้าม้านไปเลยทีเดียว
“นะ...นี่....ท่าน!”นางถลึงตาใส่อีกฝ่าย
“หลิงเอ๋อ จงรีบคาราวะใต้เท้า!” หวางเจี้ยนเฉิงกล่าวกับบุตรสาวเสียงเข้มเพราะไม่อยากให้เกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นในตอนนี้
เมื่อบุตรีเพียงคนเดียวของเขากำลังตั้งป้อมต่อต้านอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกฝ่ายนั้นรึแลดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนุกที่ได้ปะทะคารมกับนาง
“ข้าน้อยหวางเย่หลิง คาราวะใต้เท้าเจ้าค่ะ”นางกล่าวพร้อมย่อกายแบบเสียไม่ได้ก่อนจะสะบัดหน้าหนีจนคอแทบหักท่ามกลางสายตาของหวางเจี้ยนเฉิงได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาวเป็นเช่นนั้น พร้อมเสียงเจ้าของจวนดังขึ้น
“ท่านตามข้าไปที่ห้องหนังสือเจี้ยนเฉิง”อิ๋งชวนโหวกล่าวพร้อมลุกจากเก้าอี้เดินนำหน้าไปทิศทางของห้องหนังสือโดยมีสายตาของสองพ่อลูกตระกูลหวางมองตามหลัง
“เดี๋ยวพ่อกลับมา จะต้องไปสนทนาบางอย่างกับท่านโหวเสียหน่อย”คุณเป็นพ่อบอกบุตรสาว
“เจ้าค่ะท่านพ่อ” นางรับคำเบาๆ รู้สึกใจหายขึ้นมาโดยพลัน
ดวงตาเริ่มสั่นไหวเมื่อบิดาดึงร่างของนางเข้ามากอดเอาไว้แนบอกจนแน่น ก่อนจะเดินตามหลังบุรุษจอมหื่นผู้นั้นไปติดๆ หวางเย่หลิงค่อยๆ ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้มองตามหลังคนทั้งสองที่เดินจากไปก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“จากนี้ไปชีวิตของข้าจะเป็นเช่นไรเล่า”