ตอนที่1 บ้านหมอเสน่ห์
พระจันทร์สีแดงลอยเด่นอยู่บนท้องนภาตัดกับสีดำของก้อนเมฆ เวลานี้ดึกสงัดผู้คนส่วนใหญ่ล้วนกำลังนอนหลับพักผ่อน บนท้องถนนซึ่งห่างไกลจากเมืองกรุงฯ ออกมาหลายร้อยกิโลเมตรยังมีรถเมอเซเดสเบนซ์สีขาวคันหนึ่งแล่นมาจอดยังปากทางเข้าเทือกสวนอันร่มรื่นแน่นขนัดไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย หากเป็นช่วงเวลากลางวันมองเข้าไปอาจให้ความรู้สึกร่มรื่นเย็นสบาย
ทว่าในเวลากลางคืนเช่นนี้มันช่างชวนให้จินตนาการไปถึงเรื่องลี้ลับแล้วทำขนลุกซู่ขึ้นมาได้ง่ายๆ เนื่องด้วยบรรยากาศที่ไม่ต่างจากฉากน่ากลัวในหนังสยองขวัญ
“แน่ใจแล้วเหรอครับคุณน้ำหวานว่าอยู่ในสวนนี้ มันน่ากลัวยังไงพิกลนะครับ”
ลุงสันต์คนขับรถในวัยย่างเข้าห้าสิบปีเศษหันมาสอบถามกับนายหญิงซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง
“ฉันว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้วนะลุงสันต์ แผนที่ในGPSมันก็บอกว่าอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว ลองขับเข้าไปเถอะ”
เจ้านายสาววัยสามสิบกะรัตสั่งการด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก เธอได้รับคำแนะนำจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งว่ามีสำนักหมอเสน่ห์แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ชานเมือง สำนักแห่งนี้มีชื่อเสียงเก่งกาจในเรื่องการทำเสน่ห์ยาแฝด ผูกหุ่น เรียกคนรักให้กลับมาตายรัง ด้วยความที่ว่าเธอกำลังเผชิญปัญหาแก้ไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะมาลองทำในสิ่งที่เธอเอง ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะต้องหันหน้ามาพึ่งเรื่องลี้ลับเช่นนี้
“ครับคุณน้ำหวาน”
ลุงสันต์คนขับรถควบคุมพวงมาลัยบังคับรถหรูให้ค่อยๆ แล่นเข้าไปในสวนอันมืดมิดช้าๆ ถนนหนทางที่รถยนต์กำลังเข้าไปเป็นถนนแคบๆ ไม่มีไฟส่องสว่าง สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ ยามลมพัดโชยปะทะมากระทบกิ่งก้านใบก็ไหวโยนเสียงดังชวนขนลุก
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีรถยนต์ก็แล่นผ่านรั้วไม้เข้ามายังลานบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังใหญ่ ซึ่งปลูกสร้างเด่นตระหง่านอยู่กลางสวน
“ฉันว่าบ้านหลังนี้แหละ”
“ดูเงียบวังเวงจังเลยนะครับ”
“ก็มันดึกแล้วนี่ลุงสันต์”
น้ำหวานก้าวลงจากรถมองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ด้านบนของบ้านที่เป็นไม้เป็นบ้านทรงไทยที่ให้ความรู้สึกสวยงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน กลิ่นธูปควันเทียนจางๆ ล่องลอยตามลมออกมาปะทะจมูกทำให้หญิงสาวขนลุกซู่
“เอาไงต่อครับคุณน้ำหวาน”
ชายสูงวัยถามความเห็นจากเจ้านายสาว มองดูนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาเกือบห้าทุ่ม
“มาถึงที่แล้วก็ต้องลองขึ้นไปดู ไปกันเถอะ”
หญิงสาวรวบรวมความกล้าเดินนำคนขับรถของเธอตรงไปยังประตูบ้าน