ตอนที่ 4
อาจารย์องศา
"นี่ นี่นาย นาย!"
เสียงเรียกค่อนข้างดังของคนพี่กว่าดึงสติให้หนุ่มรุ่นน้องหลุดจากภวังค์ความคิดแบบฉับพลันก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับแบบไม่เป็นธรรมชาติว่า..
"อะ เอ่อ ครับ"
"เหม่ออะไรอยู่ หรือว่า พี่ดูไม่เหมือนนิมเหรอ"
ท้ายประโยคถูกเบาเสียงลงด้วยเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินเอาได้ ทั้งยังป้องปากลงมาเอ่ยแทบกระซิบกับเขาอีกต่างหาก
ความใกล้กันแบบไม่ทันตั้งตัวของคนที่ตัวเล็กกว่าอยู่หลายเซน ทำเอาหัวใจของหนุ่มตาเหยี่ยวยิ่งเต้นรัวขึ้นมามากกว่าเก่า ราวกับใครเข้าไปตีกลองเล่นในนั้น กลิ่นกายหอมสะอาดจากอีกฝ่ายแตะจมูกคนตัวสูงกว่าอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นยิ่งทำให้เรอาเสียอาการเข้าไปใหญ่
แต่เพราะไม่อยากให้พี่สาวของเพื่อนต้องเกิดความอึดอัดขึ้นมา เด็กหนุ่มจึงรีบปั้นหน้าเรียบขรึมเหมือนเคยทั้งที่ความจริงแล้วตนถูกดาเมจของคนพี่เล่นงานเข้าให้แล้วอย่างจัง
"มะ เหมือนครับ เหมือนมากเลยด้วย หน้ายังเด็กอยู่เลยผมนึกว่ารุ่นน้องซะอีก"
โดนชมซึ่งหน้าแบบนี้ มีหรือวาโยจะไม่ออกอาการเขิน แต่สาวนักเรียนนอกหน้าอ่อนวัยก็สามารถกลบเกลื่อนความรู้สึกลงได้อย่างดี
"ขอบใจนะ พี่ก็เห็นเรานิ่งไป นึกว่าไม่เนียนซะอีก"
'ที่นิ่งเพราะโดนตกต่างหาก' แม้ในใจจะอยากร้องออกไปแบบนั้นแต่สิ่งที่เรอาแสดงออกมาคือท่าทางนิ่งเงียบ และรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
"ว่าแต่ เราชื่ออะไรล่ะ ซาน หรือว่า เรอา"
"ผมชื่อเรอาคับ ซานมีเรียนเลยเข้าไปก่อนแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะ" รอยยิ้มชวนมองถูกส่งมาให้คนน้องกว่าตรงหน้าอย่างคนอัธยาศัยดี แต่คนมองที่ส่งยิ้มรับออกไปนี่สิ คิดไปไกลกว่านั้นเยอะ
"งั้นนายก็เลิกเรียกเราว่าพี่ได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยกันพอดี นิมบอกว่าปกตินายก็เรียกแค่ชื่อนี่"
"คะ พี่...เอ่อ นิม งั้นมาเดี๋ยวกู...เอ๊ยเราช่วยถือกระเป๋าให้นะ"
คิ้วโก่งของวาโยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงกลั้วขำ แล้วกระซิบถามออกไป
"นิมกับนายสนิทกันถึงขนาดถือกระเป๋าให้เลยเหรอ"
"ก็ถ้าเริ่มสนิทตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่แปลกนี่ครับ จริงมั้ย"
วาโยชะงักไปอยู่หน่อยกับสายตาของคนน้องกว่าที่เริ่มสังเกตเห็นบางอย่างได้ ก่อนสาวหน้าสวยจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด แล้วยอมเดินเคียงข้างไปกับเพื่อนของน้องสาว ด้วยท่าทีเป็นกันเอง
'ว่าแต่สีตาต่างกันนิดหน่อยแฮะ ของพี่โยดูจะเข้มกว่าของไอ้นิม' คนข้างตัวของวาโยตอนนี้กำลังจินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปไกลโดยที่วาโยไม่รู้ตัวสักนิด
***
แม้จะผ่านไปร่วมสัปดาห์ แต่ชีวิตนักเรียนชั้นปีสี่ (อีกครั้ง) ของวาโยก็ผ่านพ้นไปด้วยดี แบบไม่มีใครสงสัย จะมีก็แค่แปลกใจไปบ้างในออร่าของนักศึกษาที่พวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีว่าชื่อ วานิม ชวัลลักษณ์ ที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายมากกว่าเดิม เรื่องนี้ทำเอาวาโยเองอดภูมิใจไม่ได้จริงๆ ที่การดูแลตัวเองมาอย่างดีของเธอ ส่งให้ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์จนไม่มีใครผิดสังเกตแบบนี้
"มีคนโดนคำชมตกจนยิ้มหน้าบานเลยแฮะ ชอบละสิ"
เรอาแอบกระซิบถามออกไปในขณะที่นั่งรออาจารย์ประจำวิชาสาขาเข้าสอน เพราะเมื่อครู่เพิ่งมีเพื่อนร่วมวิชาเดินเข้ามาทักนักศึกษาสวมรอย ว่าไปทำอะไรมา ถึงได้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมากขนาดนี้
"ก็เรื่องธรรมดา ใครจะไม่อยากถูกชมกันล่ะ"
"งั้นถ้ามีคนชมทุกวัน พี่ไม่เหงือกแห้งตายรึไง"
น้ำเสียงกลั้วขำเอ่ยออกไปเหมือนคนไม่ได้คิดอะไร แล้วแสร้งหันหน้าหนีไปชมนกนมไม้นอกหน้าต่าง ด้วยว่าแท้จริงแล้วแม้จะเอ่ยออกไปแบบนั้น แต่เวลาคนพี่ยิ้มแบบนี้ มันทำให้เขาอดใจเต้นขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
เสียงจอแจพูดคุยกันของนักศึกษาในสาขาวิชา ยังคงดังขึ้นเป็นระยะ เพื่อรออาจารย์ประจำคลาสเข้าสอน ดูเหมือนวันนี้หัวข้อสนทนาเหมือนจะเป็นไปในเรื่องเดียวกันต่างจากทุกวัน ที่ต่างกลุ่มต่างคุยเรื่องของตัวเอง ซึ่งไม่พ้นเรื่องอาจารย์ประจำวิชาที่เพิ่งสร้างเรื่องใหญ่โตในโรงเรียนไป
"นี่ พวกเธอว่าวันนี้อาจารย์คนไหนจะมาสอนแทนอาจารย์ชาตรี หืม"
"ก็คงจะอาจารย์คนอื่นมาสอนชั่วคราวแหละ หรือไม่ก็อาจารย์ใหม่"
"สาธุ ขอให้เป็นอาจารย์ใหม่ทีเหอะ เอาแบบงานดีๆ อ่ะ เวลาเรียนจะได้กระชุ่มกระชวย"
เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักของเพื่อนในห้อง ลอยเข้าหูคนนั่งแถวหน้าอย่างวาโยชนิดไม่ต้องแอบก็ได้ยิน อาจารย์ชาตรีในบทสนทนาคือคนที่เพิ่งมีข่าวอื้อฉาวในมหาลัยจนถูกไล่ออก เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้วาโยสนได้เท่ากับความรู้สึกเสียดายเลยสักนิด
เสียดายที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเข้ามาแทนที่ตรงนี้ เพราะหากเอาจริงๆ ปริญญาโทสาขาเฉพาะจากเมืองนอกที่เธอจบมา นั่นก็เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจให้ผู้บริหารในมหาลัยแห่งนี้ ยินดีต้อนรับหญิงสาวมาเป็นอาจารย์ร่วมสถาบันมากพออยู่แล้ว
...แต่ก็นั่นแหละ เธอก็คงได้แค่เสียดาย และก้มหน้าอยู่ในนักศึกษาสวมรอยต่อไปเท่านั้น
"เอาๆ เงียบกันหน่อย"
เสียงทรงอำนาจ ของคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง กดเสียงจอแจน่าหนวกหูให้เงียบลงได้เพียงแค่ในไม่กี่นาที ส่วนหนึ่งคือกลัวในรังสีความดุดันของคนมาใหม่ และอีกหนึ่ง คือแปลกใจว่าเหตุใด ผู้บริหารสถาบันอย่างเขาจึงเข้ามาในคลาสนี้ด้วยตัวเอง
ซึ่งนั่นมันหมายความว่าย่อมมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ สายตาทุกคู่ของนักศึกษาในห้องจึงจ้องไปยังคนเพิ่งก้าวเข้ามาใหม่ด้วยแววตาคล้ายรอคำตอบ ผู้บริหารวัยกลางคนที่เห็นแบบนั้นจึงเริ่มเอ่ยในธุระการมาของตนอย่างไม่อยากให้เสียเวลา
"เรื่องของอาจารย์ชาตรีเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ผมขอไม่เอ่ยถึง แต่ที่มานี่ก็เพราะจะพาอาจารย์คนใหม่ในรายวิชา มาทำความรู้จักกับพวกคุณเท่านั้นเอง"
เอ่ยแค่นั้น ชายวัยกลางคนก็หันไปยังนอกบานประตูของห้องเรียก แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนที่รออยู่ในนั้น ก่อนที่เสี้ยวนาทีต่อมาสายตาทุกคู่ในห้องจะจ้องตรงไปยังชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ที่เพียงแรกเห็นก็ทำเอาบรรดาสาวๆ โดนมนต์สะกดให้ติดตรึงจับจ้องอยู่เพียงใบหน้าของเขา ไม่สามารถหันหนีไปไหนได้อีก
เรือนผมสีเข้มที่ถูกจัดแต่งอย่างดีช่างรับกันดีเหลือเกินกับใบหน้าคมสันที่ฉายแววดุดันแต่ก็น่าค้นหา เฉกเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีนิลที่จ้องกลับมา นัยน์ตาที่เป็นเหมือนหลุมคอยดูดสูบคนเผลอจ้องมอง ให้ตกหายลงไปในหลุมนั้น อย่างไร้หนทางจะหลีกหนีได้
"สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน ผมชื่อองศาครับ จะมารับหน้าที่สอนทุกคนต่อจากนี้ครับ"
ริมฝีปากหนาสีเข้มยามเปล่งประโยคราบเรียบ ไม่ต่างจากน้ำเสียงที่เปล่งออกมา เรียกเสียงจอแจจากกลุ่มนักศึกษาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับชายผู้เขามาใหม่แทน นัยน์ตาคมของอาจารย์หนุ่มมองทอดไปยังกลุ่มนักศึกษาที่ออกอาการวี๊ดว๊ายตรงหน้า ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกใดๆ เป็นพิเศษ
เพียงเสี้ยววินาที ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อสายตาคมที่ทอดมองไปหยุดยังนักศึกษาคนหนึ่ง ผู้มีใบหน้าหวานชวนหลงแต่สีหน้าดูราวกับเหนื่อยหน่ายเสียงระคายหู ผมสีน้ำตาลยาวสลวยที่เสยไว้ลวกๆ แถมยังออกอาการปฏิกิริยาอะไรออกมาสักนิด กับการปรากฏตัวของเขาต่างจากนักศึกษาคนอื่น นั่นทำเอาปลายคิ้วขององศาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยท่าทีสงสัยและครุ่นคิด
แต่แล้วอาจารย์หนุ่มก็สามารถปรับท่าทีของตัวเองให้กลับมาปกติอีกครั้งแล้วเริ่มสวมบทโหดเป็นอาจารย์สอนวิชาสุดเนี้ยบ ตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป
แม้จะอดที่จะเหลือบมองเจ้าของเรียนผมสีน้ำตาลยาวสลวยคนนั้นไม่ได้เลยก็ตาม
***