ตอนที่ 2
จบปัญหา
คำเตือน : มีการบรรยายถึงการฆ่าตัวตาย ที่ไม่สนับสนุนให้กระทำตาม โปรดใช้วิจารณญาณ
ปลายคางของลูกสาวคนเล็กตระกูลชวัลลักษณ์ ค่อยๆ ถูกบ่วงเชือกรัดแน่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า จากน้ำหนักตัวที่วานิมเริ่มทิ้งปลายเท้าลงแนบกับพื้นนั่งของเก้าอี้ตัวเล็ก ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวเลวร้ายที่เจ้าตัวทำ รวมทั้งความสุขที่ครอบครัวเคยมอบให้ กำลังไหลย้อยเข้ามาในหัวราวกับมีใครมาฉายภาพตอกย้ำ
ภาพของพ่อแม่ และวาโยที่รักและดูแลเธอมาอย่างดี ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของครอบครัวสุขสันต์
รวมถึงภาพความทรงจำต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นด้านดีทั้งนั้นจนทำให้คนที่เกยคางบนขื่อคานเริ่มยิ้มออกมา แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อนึกถึงสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองทำ
'แกนี่มันทำตระกูลชวัลลักษณ์เสียชื่อหมด'
ประโยคของพ่อกับแม่ที่หญิงสาวได้ยินอยู่หลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่วันที่ทำตัวเหลวแหลกจนตั้งท้องและคลอดลูกคนแรกออกมา วานิมรู้ดีว่าแม้ทั้งคู่จะพร่ำบ่นออกมาแบบนั้น แต่ความรักที่มีให้ก็ไม่ได้น้อยลงไปสักนิด
เพียงแต่เป็นเธอเอง...ที่ไม่ได้สนใจจะตอบแทนความรักพวกท่านมากพอ
คำดุด่าต่อว่าของผู้เป็นพ่อกับแม่มันทำให้สาวเจ้าเจ็บพอดู แต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับที่เห็นท่านทั้งสองแอบร้องไห้ทั้งยังปลอบกันและกัน พร้อมกับเสียงแผ่วตัดพ้อต่อว่าตัวเองดังลอดออกมาเป็นระยะ
'ฉันเลี้ยงลูกไม่ดีหรือคะคุณ'
'ผมผิดเองที่ให้ความรักกับลูกไม่มากพอ'
ถ้อยคำทำนองนี้ที่ท่านทั้งสองเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนเหตุให้ลูกคนเล็กเหลวแหลกมันจุกเสียดเข้ากลางอกคนฟังนัก กับสิ่งที่พวกท่านไม่ได้ผิดเลยสักนิด แต่เป็นเธอที่หลงระเริงไปเองทั้งนั้น วานิมรู้ดีว่าการเที่ยวผู้ชายและมั่วไปเรื่อยมันจะส่งผลร้ายแรงตามมา แต่เธอก็หยุดตัวเองไม่ได้เลยสักครั้ง
แล้วไหนจะสายตาของพี่สาวที่รักและปกป้องตนมาตลอดนั่นอีก สายตาที่ครั้งนี้ฉายชัดว่าเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่น้องเหลวแหลกอย่างเธอทำขนาดไหน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาเกิดเรื่องอะไร วาโยก็มักจะเป็นคนออกหน้าแทนเสมอ แม้แต่ครั้งนี้หญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าคนพี่คงเลือกทิ้งความฝันของตัวเองเอาไว้ก่อน แล้วมารับผิดชอบและจัดการเรื่องของตนแทนแน่ๆ
ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่วานิมไม่ต้องการเลยสักนิด เพราะมันคงถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวจะต้องทำอะไรด้วยตัวเองบ้างสักที
"ขอโทษนะพี่โย พ่อ แม่ นิมขอโทษจริงๆ ครั้งนี้ นิมจะไม่ให้ใครมาเดือดร้อนกับนิมอีกแล้ว"
ความยับยั้งชั่งใจในการใช้ชีวิตเหลวแหลก มีน้อยพอๆ กับความยับยั้งชั่งใจในการแก้ปัญหาในทางที่ผิด คำว่าขอโทษหลุดพร่ำบอกออกมานับครั้งไม่ถ้วน เปลือกตาหลับลงช้าๆ พร้อมกับสายน้ำตาที่หยดรินไหล ก่อนที่ปลายเท้าจะเตะเก้าอี้ตัวเล็กนั้นให้ล้มลง รั้งน้ำหนักตัวให้ห้อยค้างอยู่บนบ่วงเชือกตามแรงโน้มถ่วง ห้วงอากาศหายใจค่อยๆ หดหายไปทีละน้อยจากบ่วงเชือกที่รัดแน่นเอาไว้
หยดน้ำตาหยดไหลรินออกมาไม่ขาดสาย กับความรู้สึกผิดจากการกระทำของตัวเอง ที่มันกำลังจะติดตามความทรงจำสุดท้ายของเธอไป ก่อนจะหมดลมหายใจ
"อา...ทรมานจัง รู้งี้เลือกวิธีอื่นดีกว่า" คนที่อยู่ในวังวนความคิดสำนึกผิดของตัวเองรำพันพอให้ตัวได้ยินพร้อมกับร่างที่ดิ้นเหนือพื้นไปมาราวกับอยากตะเกียกตะกาย
เพล้ง!
แก้วใสบรรจุนมอุ่นหล่นตกกระทบพื้นอย่างแรง จากอาการสั่นสะท้านของคนถือยามเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาของวาโยเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจที่เห็นน้องสาวผู้เป็นรักกำลังลงโทษตัวเองโดยการชดใช้ความผิดด้วยชีวิต
"พ่อ! แม่! ใครก็ได้มาช่วยนิมที ฮือ ได้ยินไหม ใครอยู่ตรงนี้มาช่วยกันที"
วาโยที่ได้สติตะโกนก้องร้องเรียกให้คนอื่นเข้ามาช่วยกัน พลางตรงรี่เข้าไปหาน้องสาว ที่เริ่มตาเหลือกดิ้นกายไปมาจากการเริ่มขาดลมหายใจ
เสียงร้องโวยวายของเธอทำเอาพ่อกับแม่และคนรับใช้ของบ้านส่วนหนึ่งวิ่งเข้ามาได้ทันเวลาในไม่กี่นาที ภาพของลูกคนโตที่พยายามยกตัวน้องสุดรักและวางเก้าอี้ให้อีกฝ่ายยืนเหยียบอย่างทุลักทุเล ขับให้เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของคนเป็นแม่ดังลั่นขึ้น ในขณะที่คนพ่อรีบร้องสั่งให้คนในปกครองตัวเอง รีบนำร่างลูกคนเล็กของตนลงมา จนกระทั่งสามารถพาตัววานิมลงมากับพื้นได้สำเร็จ
"โทรตามหมอด่วนเลย เร็ว!" ทันทีที่คำสั่งนั้นออกมาจากคนเป็นประมุขของบ้าน หนึ่งในคนรับใช้ใต้ปกครอง ก็รีบไปทำตามคนเป็นนายอย่างไม่อาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว
"นิม ลูก ทำไมทำแบบนี้ ห๊ะ ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนี้"
หญิงสูงวัยละล่ำละลักถามผู้เป็นลูกที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาหลังจากนอนหลับยาวไปหลายชั่วโมง ด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจลงให้ได้ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินออกมาเป็นสาย พร้อมกับไล้มือไปตามกรอบหน้าและเรือนผมของคนที่นางจับศีรษะมาพาดหนุนไว้กับตัดอย่างทะนุถนอม ไม่ต่างอะไรกับชายวัยกลางคนและสาวนักเรียนนอก ที่ต่างสะอื้นไห้ออกมาไม่ต่างกัน
วาโยนึกขอบคุณตัวเองนัก ที่ตอนนั้นเกิดอยากเอานมอุ่นมาให้คนน้องทานก่อนนอน ไม่อย่างนั้นตนคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ หากว่าไม่สามารถมาช่วยวานิมได้ทันเวลา
"ทำไมไม่ปล่อยให้นิมตาย ทำไมไม่ปล่อยให้นิมตายไปซะ ทำไมคะ มาช่วยนิมทำไม"
หญิงสาวที่เพิ่งรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด ร่ำร้องออกมาปานจะขาดใจกับความผิดในใจที่มันถาโถม ทำเอาคนฟังยิ่งใจเสียตวัดโอบกอดคนที่อ่อนแอทางความรู้สึกเอาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดทำอะไรผิดๆ อีก
"คิดอะไรไม่เข้าท่านะยัยนิม ถ้าลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะอยู่ยังไง ทำไมถึงได้คิดเห็นแก่ตัวแบบนี้ ไหนจะยัยหนูอีก" คล้ายว่าชายกลางคนจะเอ่ยดุด่า หากแต่เส้นเสียงของท่านในตอนนี้กลับสั่นสะท้านราวดวงใจถูกควักออกมาก็ไม่ปาน
"ไปมีความคิดแบบนี้มาจากไหนฮะ เด็กบ้า ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน" วาโยแผดเสียงถามดังลั่นดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
"นิมไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะนิมอีกแล้ว"
คนน้องร้องสะอื้นออกมากับความผิดที่มันหลอกหลอน ความรู้สึกจุกในอกแล่นเข้าสู่ความรู้สึกของทั้งสาม ต่างฝ่ายต่างโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ จนเกือบสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวไป
"เอาเป็นว่าตอนนี้พักผ่อนก่อนค่อยว่ากันเรื่องอื่น เดี๋ยวพี่จัดการที่เหลือเอง"
เสียงสะอื้นหลุดแผ่วออกมาอีกจากคนน้อง เมื่อพอจะรู้ได้จากสายตาและท่าทีของคนพี่ที่กำลังจะยอมเสียสละให้ตนอีกแล้ว ในขณะที่วาโยเหมือนจะเดาความคิดน้องได้จึงยกยิ้มส่งกลับไปให้แล้วลูบเรือนผมของอีกฝ่าย ด้วยความรักและทะนุถนอมไม่ต่างจากคนแม่ เรื่องนี้เธอปรึกษากับพ่อและแม่มาแล้ว ตอนที่วานิมยังไม่ได้สติ
"ไม่มีอะไรที่พี่โยคนนี้ทำไม่ได้หรอก แกก็รู้นี่"
น้ำเสียงกลั้วขำคลายไม่ใส่ใจถึงสิ่งที่ตนกำลังจะต้องรับผิดชอบแทนคนน้องดังลอดออกไปพร้อมรอยยิ้ม แต่นั่นกลับทำให้คนบนเตียงยิ่งร้องไห้โฮออกมาอีก คนอ่อนแอยันกายขึ้นนั่งช้าๆ จากการประคองของคนแม่และคนพ่อ แล้วสวมกอดพี่สาวคนเดียวของตนแน่น ปล่อยหยดน้ำตาออกมาอีกเป็นสาย
"ฮึก พี่โย...นิมขอโทษนะคะ"
"ไม่เป็นไรนะคนเก่ง ยังไม่สายหรอกนะที่เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ จากนี้อีกสามเดือนพี่จะจัดการแทนเราเอง"
เสียงร้องไห้สะอื้นดังแผ่วขึ้นจากทั้งสี่ วงแขนของแต่ละคนสวมกอดเข้าหากันจนเป็นดูคล้ายก้อนกลมขนาดใหญ่ รอยยิ้มเริ่มกระจายบนหน้าของสมาชิกครอบครัวชวัลลักษณ์ ที่พร้อมจะก้าวไปต่อข้างหน้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง ด้วยอุ้งมือที่จับกันไว้แน่นกว่าเดิม
***