บทที่ 4
ร่างเล็กในชุดราตรีเกาะอกสั้นสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตแน่นิ่งอยุ่ในอ้อมแขนแกร่งของอเล็กซานเดอร์ เนินทรวงอวบอิ่มที่โผล่พ้นชุดเกาะอกเผยให้เห็นความงดงามของสัดส่วนแห่งวัยสาวทำให้ชายหนุ่มเผลอมองอย่างไม่ตั้งใจ เขายังได้พิศมองใบหน้าสวยหวานนั้นเต็มตาถึงเห็นว่าชาลิสาเป็นผู้หญิงที่สวยไม่ใช่เล่น
เธอเป็นหญิงสาวชาวเอเชียที่มีความงามสะกดสายตา ใบหน้านวลเนียนหมดจดและผิวขาวผ่องเปล่งประกายใต้แสงไฟในรถลีมูซีน ดวงตากลมโตคู่นั้นปิดสนิท จมูกของเธอโด่งรั้นรับกับริมฝีปากเป็นกระจับที่เผยอขึ้นนิด ๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นผู้หญิงที่มีพิษสง
แต่เธอก็ทำให้น้องสาวของเขาเกือบจะฆ่าตัวตาย อดาลีนต้องเจ็บปวดหัวใจเพราะผู้หญิงที่มีอาชีพเต้นกินรำกินคนนี้ เขาจะไม่ยอมใจอ่อนกับเธอแน่ อเล็กซานเดอร์นึกในใจ
“ชาล็อต...ผมจะพาคุณไปอยู่ในที่ที่ห่างไกลจากความรักของอดาลีนสักพัก จนกว่างานแต่งงานของเธอกับโคลินจะผ่านพ้นไป”
เขากล่าวออกมาเบา ๆ ก่อนช้อนร่างเล็กซึ่งดูเหมือนหลับสนิทขึ้นไปวางบนเบาะ หลังจากนั้นไม่นานรถลีมูซีนคันหรูก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากที่นั้น ทิ้งไว้เพียงภาพของผู้คนที่เดินคลาคล่ำบนท้องถนนในยามราตรีโดยไม่มีใครสนใจใคร
ในความเงียบงันท่ามกลางเสียงคลื่นสาดซัดและเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินวนไปตลอดเวลาได้ยินเสียงครางเบา ๆ ของร่างอรชรที่ยังอยู่ในชุดราตรีสั้นเกาะอกสีงาช้างซึ่งนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงกว้างปูทับด้วยฟูกหนานุ่มดังเป็นระยะ
กลิ่นวานิลลาบางเบาโชยมาตามลมแตะจมูกของชาลิสาที่เริ่มขยับตัวและลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เธอไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนและรู้สึกมึนงงจนไม่สามารถลุกขึ้นในทันทีทันใดได้แต่ค่อย ๆ เรียกสติสัมปชัญญะกลับคืนมาท่ามกลางความสับสน
“อืม....อือ...” เสียงครางดังลึกในลำคอ ชาลิสายังทรมานกับอาการง่วงงุนที่ค่อย ๆ เหือดหายไปราวกับน้ำค่อยแทรกซึมผืนทรายและสุดท้ายเหลือไว้เพียงความทรงจำอันแห้งผาก
“อเล็กซานเดอร์”
ชื่อที่เธอเรียกขานเบาหวิวผ่านริมฝีปากและคอแห้งเป็นผงมาพร้อมกับภาพสุดท้ายที่เธอยังจำได้ว่าตัวเองถูกเชื้อเชิญไปพบกับพี่ชายของอดาลีนในรถลีมูซีนคันหรู แล้วหลังจากนั้น...
“ไม่...ช่วยด้วย...อืม...”
ร่างน้อยพลิกตัวไปมา เธอยังไม่สามารถขยับลุกขึ้นนั่งได้ในทีเดียว มันทำให้เธอทรมานเหมือนดื่มไวน์เข้าไปสักร้อยแก้ว โอ...ไวน์มากขนาดนั้นก็ยังไม่ทำให้เธอระทดระทวยได้มากเท่ายานอนหลับที่อเล็กซานเดอร์ลอบวางเธอได้เลย
เขาวางยาเธอ...ชาลิสาค่อย ๆ เรียกความทรงจำกลับคืนก่อนที่น้ำรื้นในดวงตาจะซึมออกมาทั้งที่เธอยังไม่สามารถรวบรวมสติกลับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
เธอลืมตาเต็มที่ก่อนที่จะเห็นเพดานทำจากไม้ของห้องนอนขนาดเล็กที่รายรอบไปด้วยแจกันประดับดอกกล้วยไม้และดอกไม้สีขาวที่เธอไม่คุ้นเคย มันส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจของวานิลลาและกระตุ้นประสาทสัมผัสของหญิงสาวให้ตื่นตัว
ชาลิสาคิดว่าจะหลับตาลงอีกครั้ง แต่ภาพที่เธอเห็นชัดเจนอยู่ในความเลือนรางนั่นคือร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูห้อง รูม่านตาของเธอขยายเปิดรับภาพอย่างชัดเจนและเห็นอเล็กซานเดอร์อยู่ในชุดลำลองต่างไปจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้
“คุณ...” ร่างแน่งน้อยรวบรวมสติยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ความง่วงงุนยังครอบงำสัมปชัญญะ เธอมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาแสดงความกังวล
“คุณเคลย์ตัน...”
“ตื่นแล้วหรือ...ชาล็อต?” เขาถามด้วยเสียงอันเยียบเย็นและใบหน้านั้นเย็นชา ชาลิสาพยายามทรงตัวลุกนั่ง ท่าทางของเธอกะปลกกะเปลี้ยอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาของหญิงสาวกลับฉายประกายกล้าด้วยความเจ็บแค้น
“ที่นี่ที่ไหน...คุณพาฉันมาที่ไหน?”
เธอถามขณะมองไปรอบ ๆ ซึ่งเป็นห้องกั้นฝาผนังด้วยไม้และเต็มไปด้วยกล้วยไม้ประดับประดาอย่างน่าแปลกตาเป็นที่สุด อเล็กซานเดอร์กระดกมุมปากของเขาเป็นรอยยิ้มหยัน
“ที่นี่คือเกาะตาฮิติ อยู่แถบทะเลใต้ของเซาท์ แปซิฟิก”
“เซาท์ แปซิฟิก!” หญิงสาวกรีดเสียงสูง “นี่คุณวางยาฉันแล้วพาฉันมาถึงเซาท์ แปซิฟิกเลยหรือคุณเคลย์ตัน!”
ชาลิสาพยายามจะทรงตัวลุกขึ้นแต่เธอยังวิงเวียนจนแทบขยับตัวมากไปกว่านั้นไม่ได้ อเล็กซานเดอร์เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า เขาโน้มลำตัวลงมาหา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เธอมากขณะที่มือทั้งสองของเขาค้ำอยู่ข้างตัวเธอ
“ช่วยไม่ได้...ผมต้องพาคุณไปที่ไหนก็ได้ที่ไกลที่สุดจากงานหมั้นของอดาลีน”
“คุณมันบ้า!” หญิงสาวเงื้อมือขึ้นทำท่าจะตบหน้าเขาแต่ถูกมือหนาคว้าไว้ได้เสียก่อน
“เก็บแรงของคุณเอาไว้ดีกว่าชาล็อต!” เสียงเขาเข้มเครียดพร้อมกันนั้นก็บีบข้อมือหญิงสาวจนเจ็บ
“แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าจะหนีไปจากที่นี่ด้วย เซาท์ แปซิฟิกอยู่ไกลจากนิวยอร์คเกือบสิบสี่ชั่วโมงบิน ถ้าคุณฉลาดพอก็ควรจะอยู่เฉย ๆ จนกว่างานแต่งของน้องสาวผมจะผ่านพ้นไป”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรบ้า ๆ อย่างที่คุณคิดนะ คุณเคลย์ตัน!”
ชาลิสาพยายามสะบัดข้อมือและคำรามเสียงลึกใส่ชายหนุ่มที่ก็จ้องมองเธอด้วยแววตาเอาเรื่องไม่แพ้กัน
“ตอนนี้ผมยังไว้วางใจอะไรไม่ได้หรอกชาล็อต...ถ้าคุณยังอยู่ที่นิวยอร์คอาจไม่มีงานแต่งงานระหว่างอดาลีนกับโคลินเกิดขึ้นก็เป็นได้”