คาบเรียนวิชาศิลปะ
หมอกกำลังบรรจงระบายสีน้ำมันบนผ้าใบผืนใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง จานสีของเขามีสีสันมากมายเทเอาไว้ สายตาจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
ท่ามกลางความเงียบสงบ เพิร์ลเดินมาดูภาพของเขาเพราะรู้สึกคุ้นตาคนในภาพ
“ฉันรู้ว่านายมีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่ว่านายทำให้ภาพนี้สวยเป็นพิเศษ” เธอกล่าวชมเขาจากใจ ยิ่งมองยิ่งหลงใหลและยังคงตัดใจจากคนในภาพไม่ได้
“นี่มันพี่เขมที่เธอแอบชอบไม่ใช่เหรอ” เพื่อนของเพิร์ลเอ่ยปากถาม
ภาพของเขมกรกำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าทำให้ใครต่อใครที่ได้เห็นต่างชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา
สิ่งที่ปรากฏออกมาสะท้อนความในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เดิมที่เคยระบายโทนสีเทาอึมครึมเหมือนแม่ของเขา เวลานี้ทุกภาพที่เขารังสรรค์ขึ้นมาเต็มไปด้วยสีสันและมีชีวิตชีวา
ไม่กี่วันต่อมา
ภาพสีน้ำมันของหมอกก็ถูกโพสต์ลงในบอร์ดโรงเรียนเพราะเป็นภาพที่เขาตั้งใจส่งเข้าประกวดในงานนิทรรศการภาพเหมือนบุคคล
ใครหลายคนต่างเข้ามากดถูกใจและโหวตให้เขาเป็นผู้ชนะ เขมกรจึงกลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งโรงเรียนไปโดยปริยาย
ช่วงที่มีงานนิทรรศการ เขมกรจึงยืนมองรูปของตัวเองอยู่นานพลางคิดถึงเรื่องราวที่หมอกเคยเล่าให้ฟัง ราวกับว่าเรื่องนั้นผุดขึ้นมาในใจแล้วตอบคำถามที่เขาสงสัยทั้งหมด
“แม่บอกว่า ถ้าเจอคนที่ชอบ สีที่อยู่บนภาพจะเปลี่ยนไป”
เขมกรถอนหายใจราวกับเจอเรื่องใหญ่เข้าแล้ว
ครั้นหันหลังกลับมาก็เผอิญชนเข้ากับหน้าอกของใครบางคน เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายตั้งใจจะขอโทษ “ขอโท... อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นานแล้ว พี่มัวแต่เหม่อ” หมอกยิ้มให้เขา รอยยิ้มหนวดแมวปรากฏบนใบหน้าเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบภาพนี้
“นี่นายตัวสูงกว่าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันผ่านไปเร็วจนเขมกรไม่ทันได้คิดอะไร
“ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนเรื่อง” หมอกสงสัย สายตารอคำตอบ
“เปล่า ๆ แค่สงสัยว่าปีที่แล้วนายยังตัวแค่นี้ ทำไมปีนี้นายถึงงอกเร็วขนาดนั้น” เขมกรกะขนาดส่วนสูงตอนที่เขาอยู่ม.ต้นกับตอนม.ปลาย
“ไม่ใช่ว่าพี่เตี้ยลงเหรอ” หมอกแหย่เขา รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งแม้เพียงเล็กน้อย
“เตี้ยบ้าอะไร นายสูงเกินไปต่างหาก” เขมกรเตะขาเขาไปหนึ่งทีเบา ๆ แล้วเดินหนีไปที่อื่น
“พี่เขมมม” น้ำเสียงของหมอกเปลี่ยนไป เขาวิ่งตามเขมกรราวกับลูกหมาหลงทาง
ไม่ว่าเขมกรจะอยู่ที่ไหน ก็มักจะเห็นหมอกอยู่ที่นั่นด้วย
หากใครเข้ามาใกล้และมีจุดประสงค์เพื่อที่จะสารภาพรักกับเขมกรแล้ว มักจะได้เจอสีหน้าของลูกหมาหวงเจ้าของยืนส่งสายตาหาเรื่องอยู่ทุกครั้งไป จนคนเหล่านั้นต้องกินแห้วโดยไม่รู้ตัว
ไม่เว้นแม้แต่ธาดาและมังกร
“ไอ้หมอก เพลา ๆ หน่อย ฉันเป็นเพื่อนเขมนะเว้ย ทำไมจะนั่งข้างกันไม่ได้” มังกรเลิกคิ้วทำสีหน้าหาเรื่องเมื่อหมอกเดินมานั่งคั่นกลางในโรงอาหาร
เขมกรกุมหัว นับวันการกระทำของหมอกยิ่งแปลกไป และสิ่งเหล่านั้นถูกใครบางคนจับตามองอยู่ห่าง ๆ
“นายเป็นแฟนไอ้เขมรึไง” มังกรโพล่งออกมาจนทำให้เจ้าตัวนึกสงสัย ทั้ง ๆ ที่มังกรแค่บ่นไร้สาระไปอย่างนั้น
เขมกรตกใจยกมือตบหัวมังกรไปหนึ่งที ข้อหาจุดไฟในใจของหมอก ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามจะอยู่นิ่ง ๆ แล้ว
ทำไมเขมกรจะเดาความรู้สึกของหมอกไม่ได้
หลังจากนั้น เขมกรจึงค่อย ๆ ทำตัวให้ห่างจากหมอกมากขึ้นทีละนิด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นกลับเป็นไปได้ยาก เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาไปที่ไหน คอยตาม คอยมองหา ตลอดเวลา
แม้ว่าหมอกจะไม่ได้พูดออกมา แต่การกระทำทุกอย่างก็ทำให้เขมกรเข้าใจเป็นอย่างดี เพียงแต่ว่า
คิดไปเองหรือเปล่าวะ เขมกรคิดในใจ
วันหนึ่ง
เขมกรได้จดหมายน้อยเพราะมีใครบางคนนัดไปเจอกันที่หลังโรงเรียน รุ่นพี่ม.หกคนหนึ่งกำลังยืนรอเขาด้วยท่าทางเขินอาย
เขายืนพูดคุยกับเธออยู่เนิ่นนานโดยไม่รู้ตัวเลยว่า สายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่
ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขมกรที่มีให้ผู้หญิงคนนั้น ในใจของคนที่แอบมองพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา อยากรู้ว่าทั้งคู่พูดเรื่องอะไรกันอยู่
จู่ ๆ กลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาใต้ต้นไม้ที่พวกเขายืนอยู่ เขมกรเอื้อมมือไปหยิบกลีบดอกไม้ที่ติดอยู่บนเส้นผมสลวยของผู้หญิงคนนั้นออก สายตาของเธอเขินอายจนปิดไว้ไม่มิดทำมือเก็บผมทัดหูแก้เขิน
หลังเลิกเรียน
เขมกรมองซ้ายทีขวาทีไม่เห็นเงาของหมอกจึงส่งข้อความไปถาม
นายกลับบ้านแล้วเหรอ
หมอกไม่อ่านข้อความที่เขาส่งไป เขมกรจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะปกติแล้วหมอกจะตอบกลับภายในห้านาที
อยู่ที่ไหน
เป็นอะไรหรือเปล่า
หมอก
หมาน้อย!!!
ขณะที่กำลังร้อนใจ หมอกเดินสะพายกระเป๋าเป้ออกมาจากอาคารเรียนพอดี สีหน้าของเขาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง อารมณ์และความรู้สึกภายในกำลังต้องการคำตอบที่แน่ชัด
เพื่อขจัดความสงสัยทั้งหมดทั้งปวง หมอกจึงชวนเขมกรไปเดินเล่นก่อนกลับบ้าน
ครั้นหาที่นั่งเหมาะเจาะได้แล้ว สายตาของหมอกก็เหม่อมองออกไปไกล จนเขมกรต้องเป็นฝ่ายถามทำลายความเงียบระหว่างทั้งสองคน
“เป็นอะไรไป เล่าให้ฟังได้ไหม” เขาเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พลางยื่นลูกอมรสมะนาวให้กินเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น
หมอกรับมาแล้วแกะใส่ปากทำตาหยีเพราะรู้สึกเปรี้ยวจี๊ดจนทนไม่ได้ รอจนลูกอมละลายจนหมดแล้วจึงเอ่ยปาก
“ผู้หญิงคนนั้น คุยอะไรกันเหรอ” เขาพูดพึมพำ
“คนไหน” เขมกรไม่รู้ว่าหมอกกำลังพูดถึงใคร เพราะทั้งวันเขาพูดกับคนมากมายจนลืมไปแล้วว่าพูดอะไรกับใครบ้าง
“คนที่นัดเจอหลังโรงเรียน ยืนอยู่ใต้ต้นไม้แล้วดอกไม้ก็ล่วงลงมาใส่หัว” หมอกบรรยายลักษณะให้ชัดเจนเพื่อระบุว่าเป็นผู้หญิงคนไหน
“นี่นายแอบตามฉันไปเหรอ” เขมกรถามเขากลับ
“เปล่า แค่บังเอิญเห็น สารภาพรักเหรอ”
ภาพที่เห็นไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่นได้ หมอกจึงมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นนัดเขมกรมาเพื่อสารภาพรัก แต่สิ่งที่เขาคิดผิดคลาดไปคือการที่เขมกรเหมือนจะชอบผู้หญิงคนนั้นด้วย
“อืม” เขาพยักหน้า
“แล้วพี่ตอบว่าไง”
เขมกรไม่มีสเปกคนที่ชอบ หมอกจึงเดาไม่ถูกเลยว่าเขารู้สึกอย่างไรกับผู้หญิงคนนั้น และนั่นทำให้ใจของหมอกเต้นแรงระหว่างรอคำตอบของอีกฝ่าย
“บอกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
“จริงเหรอ”
“อื้ม ไม่เชื่อเหรอ” เขมกรเลิกคิ้ว ไม่รู้ว่าทำไมหมอกต้องอยากรู้เรื่องนี้นักหนา ทำไมต้องให้เขาพูดซ้ำ ๆ
“ถ้างั้น เป็นผมได้ไหม” หมอกมองหน้าเขาสีหน้าจริงจัง
“เป็นนายทำไม นายจะทำอะไร” เขมกรยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเพราะคิดไม่ทัน
หมอกไม่รอช้าเอื้อมมือดึงตัวของเขมกรเข้ามาใกล้ อีกมือหนึ่งกดต้นคอของอีกฝ่าย ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน
เขมกรตาโตนิ่งอึ้งชั่วขณะ พอได้สติจึงผลักตัวหมอกออกไปแล้วเช็ดปากของตัวเอง
ทว่า ร่างสูงไม่ปล่อยให้เขาได้ทำอย่างนั้นจึงดึงตัวเขมกรเข้ามาประทับรอยจูบอีกรอบ แม้ว่ามือของเขาจะคอยดันตัวหมอกออกไปอยู่ตลอดแต่ก็ทำไม่ได้
เรียวลิ้นเปียกชื้นลุกล้ำเข้าไปในปากของเขมกรอย่างเร่าร้อน หมอกไม่ปล่อยให้เขาได้พักหายใจแม้แต่น้อย ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เขมกรจึงกัดลิ้นของหมอกเบา ๆ เพื่อเตือนสติ
“อ๊ะ!” หมอกร้องเสียงหลงพลางถอนจูบออกมา
“นายทำบ้าอะไร” ครั้นมีโอกาสพูดแล้วจึงสบถใส่หมอกไปทีหนึ่ง
แววตาของหมอกเปลี่ยนมาเป็นน่าสงสารทันใด ทันทีที่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเขมกรคืออะไรก็แทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จึงได้เผลอทำอย่างเมื่อครู่
“พี่เขม” หมอกมองหน้าเขา
เขมกรไม่รอให้หมอกพูดจบ เขาลุกขึ้นยืนแล้วบอกอีกฝ่ายว่า “กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานที่โรงเรียนแต่เช้า” แล้วเขาก็เดินหนีไปในทันที
“พี่เขม” หมอกเดินตามมาติด ๆ ร้องเรียกเสียงอ่อน
“ขอร้อง วันนี้นายกลับบ้านของนายไป” เขมกรไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ฉันขอร้อง ทำให้ได้ไหม” เขมกรเบือนหน้าหนีแล้วปล่อยหมอกไว้ตรงนั้นคนเดียว