ตอนที่ 15 หลอกตัวเอง

1452 คำ
เขมกรพายายกลับมาพักที่บ้านเพราะได้ยาแก้ปวดท้องจากแพทย์เจ้าของไข้เรียบร้อยแล้วจึงพอที่จะบรรเทาอาการปวดไปได้บ้างเล็กน้อย นับตั้งแต่ที่รู้ว่ายายเป็นอะไร เขมกรจึงไม่ไปโรงเรียนและบอกกับที่ทำงานพิเศษว่าลาพักสองสามวันเพื่อจัดการกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาตอนนี้ ตอนที่กลับมาถึงบ้าน เขาได้เห็นว่าชายชุดสูทคนหนึ่งเดินมาหาเขาที่บ้านพร้อมข้อเสนอบางอย่าง “ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดกับคุณ พอจะสะดวกออกไปข้างนอกตอนนี้ไหมครับ” บวรเอ่ยปากถาม เขมกรจำได้ว่าเขาเป็นใครจึงตามออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าคนอย่างบวรจะมาหาเขาทำไม หรือว่า เกิดเรื่องอะไรกับหมอก ครั้นขึ้นมาอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว บวรเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขมกรฟังอย่างละเอียดแล้วให้ดูรูปในโทรศัพท์ “ภาพที่พวกคุณดูสนิทสนมกัน โดยเฉพาะภาพสุดท้ายกำลังแพร่กระจายในโรงเรียน คุณท่านจึงอยากจะขอให้คุณลาออกจากโรงเรียนเพื่อเป็นการกลบข่าวทั้งหมด พวกเราจะรับผิดชอบเรื่องการหาโรงเรียนใหม่ให้ด้วย” “...” เขมกรไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ คนในโรงเรียนเริ่มมองหมอกแปลก ๆ ล้อเลียนเขาที่ทำแบบนั้น เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อได้ยินว่าสองสามวันนี้หมอกไม่กินข้าวกินปลา ทั้งยังทะเลาะกับปู่อย่างรุนแรงถึงขั้นจะตัดขาดจากกองมรดก โดนลงโทษขังในห้องตัวเองจนกว่าจะสำนึกผิดแล้ว เขมกรก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ตอนที่เขารู้เรื่องของยาย เขาคิดว่าจะลาออกจากโรงเรียนอยู่แล้ว เพราะการรักษาของยายจะต้องใช้เงินจำนวนมากและเขาอยากมีเวลาดูแลยายจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็จะลาออกจากโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ว่าหมอกจะเป็นอะไรมากไหมครับ” เขมกรยังคงนึกห่วงเพราะไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้เหมือนกัน “หากเป็นไปได้ การไม่เจอนายน้อยอีกจะเป็นการดีกว่าครับ เพราะทางเรายังจับไม่ได้ว่าใครเป็นคนแอบถ่ายรูปของพวกคุณ ถึงแม้ว่าจะมีการฟ้องคนที่ส่งต่อและพูดถึงเรื่องนี้ในโรงเรียน แต่นายน้อยก็เป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากกว่าใคร” บวรอธิบายไปตามความจริงเพราะศาตนันท์ยืนยันหนักแน่นว่าเขาจะไม่ให้อะไรหมอกเลยแม้แต่นิดเดียวถ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนใจ “ครับ ผมเข้าใจ” เขมกรรับปาก เขาไม่อยากทำลายอนาคตของหมอกเพราะรู้ว่าหมอกลำบากมามากแล้ว เมื่อทั้งสองคนพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว เขมกรก็เก็บข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่หมอกเอาไว้ในบ้านของเขาส่งกลับคืนเจ้าของ สายตามองดูเสื้อตัวโปรดที่เขามักจะใส่ประจำเวลาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ผ่านไปหลายวัน หมอกยังคงถูกขังไว้ในห้องตามเดิม เวลานี้คิดจะหนีออกมาจากบ้านอีกครั้งจึงลองหาช่องทางที่พอจะเป็นไปได้ แต่แล้วก็ได้พบว่าพี่น้องคนละแม่อย่างไรวินท์และแพรพิไลกลับกลายเป็นคนยื่นมือมาช่วยเหลือ แม้จะรู้ว่าทั้งสองทำไปเพราะหวังผลก็ตามแต่หมอกไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมรับมัน หลังจากหนีออกมาจากการควบคุมตัวได้อย่างหวุดหวิด หมอกรีบวิ่งไปหาเขมกรที่บ้านทันที “นายมาที่นี่ได้ยังไง” เขมกรถามเขา “ผมอยากเจอพี่” หมอกหอบหายใจเพราะรีบวิ่งมาอย่างสุดชีวิตกลัวว่าจะถูกชายชุดสูทจับตัวกลับไปขังในห้อง เขาอยากรู้ว่าเขมกรรู้สึกอย่างไร ทำไมถึงหลบหน้าหลบตาและทำท่าทางห่างเหินแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ผ่านมา พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าใคร “หมอก นายไม่ควรมาที่นี่” เขมกรไล่เขากลับบ้าน แต่คนตรงหน้ายังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน “นายไม่รู้เหรอว่านี่มันเรื่องใหญ่แค่ไหน” “ผมไม่สน ผมอยากรู้แค่ว่า พี่รักผมไหม” เขาถามออกไปตรง ๆ ในใจมีความหวัง “ฉันไม่ได้ชอบนายแบบนั้น” เขมกรปฏิเสธ “นายเหมือนน้องชาย จะคิดกับนายแบบนั้นได้ไง” “พี่โกหก” หมอกส่ายหน้าไม่เชื่อ “ทำไมต้องโกหก” เขมกรรู้ว่าหมอกเป็นเด็กดื้อ แต่ให้หาเหตุผลมาอธิบาย ถ้าเขาไม่อยากเชื่อ เขาก็จะไม่ฟัง จึงเลือกที่จะพูดแรง ๆ ให้เขาตัดใจ อย่างน้อยกาลเวลาน่าจะช่วยให้หมอกลืมเรื่องนี้ไปได้ เขานึกถึงคำพูดของบวรในวันนั้น นายน้อยคงจะไม่ยอมถูกขังอยู่ในห้องและต้องหาทางมาเจอคุณให้ได้ ทางเราจึงมีเงื่อนไขอีกข้อที่จะเสนอและคุณไม่อาจปฏิเสธได้ “กลับไปซะ ต้องให้ฉันบอกกี่ครั้งว่าฉันไม่ได้ชอบนาย” เขาหยุดพักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้นายคิดกับฉันแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้เป็นเกย์ แล้วถ้านายยังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ฉันจะไม่ไปเจอหน้านายอีก รู้ไหมว่ามันอึดอัดแค่ไหนที่ต้องอยู่กับนายด้วยความรู้สึกนั้น “พี่เขม” หมอกเสียงอ่อน แววตาไหววูบเศร้าสร้อย “มันน่าขยะแขยงที่นายคิดกับฉันแบบนั้น” เขมกรกลั้นใจพูดคำนั้นออกไป แต่หมอกกลับไม่เชื่อ ทันใดนั้น ชายชุดสูทสามคนก็ตามมาถึง พวกเขาจับตัวหมอกไว้เพื่อจะพากลับบ้าน “ปล่อย!” หมอกตวาดเสียงดัง แต่สู้แรงคนที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้ “ปล่อย! พี่เขม! อย่าเพิ่งไป พี่เขม!” เขมกรไม่หันกลับมาตามเสียงร้องเรียกพลันปิดประตูบ้านเป็นอันจบความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน คฤหาสน์ตระกูลพชรกุล หมอกถูกขังอยู่ในห้องนานกว่าหนึ่งเดือน โดยไม่อาจติดต่อใครข้างนอกได้เพราะไม่ยอมรับผิดกับปู่ของเขา สาธวีที่รู้ซึ้งถึงการกระทำเช่นนี้ของศาตนันท์เป็นอย่างดีจึงเข้ามาปลอบลูกชายเพื่อเตือนสติเขา “ยอมรับผิดกับคุณปู่เถอะนะ หมอกก็รู้ว่าทำแบบนี้ไปไม่ช่วยอะไร” สาธวีเริ่มโน้มน้าวใจลูกชายให้คล้อยตาม “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” หมอกส่ายหน้า มองดวงตาของผู้เป็นพ่อ “พ่อรู้ แต่ตอนนี้ หมอกไม่มีอะไรไปต่อรองคุณปู่ได้เลย หมอกคิดจะทำอะไร ยอมโดนขังอยู่ในห้องนี้ตลอดไปเหรอ” สาธวีนึกถึงตัวเองเมื่อครั้งที่ต้องแยกจากกับมธุริน เวลานั้น เขาทำตัวเหมือนหมอกไม่มีผิดแล้วเขาก็เสียโอกาสที่จะได้อยู่กับมธุรินตลอดไป “คุณปู่สามารถขังหมอกไว้ในนี้ได้ตลอดชีวิต จะยอมให้เป็นแบบนั้นเหรอลูก” เขาแตะไหล่คนตรงหน้าเบา ๆ “ยอมรับผิดแล้วรอจนกว่าจะถึงวันนั้นได้ไหม วันที่ลูกมีอำนาจพอที่จะไม่ต้องถูกใครบงการชีวิตเหมือนอย่างพ่อ” “...” “อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย ยิ่งลูกอยากเจอเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องออกไปให้เร็วไม่ใช่เหรอ” สาธวียังคงยืนยันคำเดิม “...” หมอกพยักหน้าเชื่อฟัง หวังว่าเวลานั้นจะมาถึงโดยเร็ว เขายอมรับผิดกับปู่และสัญญาว่าจะไม่ไปเจอเขมกรอีก จึงทำให้ปู่ของเขาลดความเข้มงวดในการจับตาดู กระนั้นยังมีชายชุดสูทสองคนที่คอยติดตามเขาตลอดเวลาเพื่อรายงานไปยังศาตนันท์โดยตรง หากพบว่าหมอกละเมิดสัญญาเมื่อใด มรดกและทุกสิ่งทุกอย่างที่หลานชายตระกูลพชรกุลควรจะได้รับ จะถูกเปลี่ยนมือให้คนอื่นแทนที่ แม้หมอกจะไม่ได้ถูกกักตัวในห้องแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ไหน ครูพิเศษแต่ละวิชาถูกว่าจ้างให้มาสอนเขาที่บ้านหลังใหญ่โดยเฉพาะ กาลเวลาทำให้เรื่องราวในวันนั้นค่อย ๆ ซาลงไป หมอกกำลังรอคอยช่วงที่เหมาะสมเพื่อจะได้กลับไปเจอเขมกรอีกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม