เพื่อให้เจ้าสบายใจ

1316 คำ
ณ ภัตตาคารชั้นหนึ่งของแคว้นเป่า พานซูลี่คือสาวงามอันดับต้นๆ ของเผ่าทางภาคใต้ติดกับเมืองชิงสินความงามของนางนับว่าเหนือองค์หญิงในวังหลวงทุกคน และพี่ชายนาง พานเจียนเจา บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ เก่งกาจด้านการรบ ส่วนบิดาคือท่านข่านพานหู่เจิ้นเป็นคนที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องยำเกรง งานเลี้ยงที่เรือนของนางเมื่อวันก่อนไร้เงาเติ้งไห่หลง นางรอเขาจนเกือบสว่าง แต่ก็ไร้วี่แวว ความขุ่นเคืองใจยากเอ่ยออกมาเป็นคำพูดเมื่อถูกหักหน้า สาวงามผู้ไม่เคยต้องรับมือกับความผิดหวังแค้นใจยิ่งนัก กระทั่งได้ข่าวจากคนรับใช้ก็ยิ่งทำให้องค์หญิงเดือดจัดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว “มันคือผู้ใด!” สาวใช้นามว่าฮวนซินมองนายหญิงของตนอย่างชั่งใจ ก่อนเอ่ยด้วยความเจ็บแค้นแทนผู้เป็นนาย “มันคือเด็กน้อยผู้หนึ่ง และเอ่อ...” ฮวนซินหยุดชั่วขณะหนึ่ง ด้วยกระดากปากเมื่อต้องเอ่ยออกมา “เด็กน้อยผู้นั้นนับว่าเป็นชายงามล่มเมือง ที่ใครได้ยลโฉมแล้วต้องยอมสยบแทบเท้า” “เด็กน้อย? และเป็นผู้ชายอย่างนั้นรึ บัดซบ! มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้เยี่ยงไร ใครส่งตัวมันไปให้อ๋องแปด” ฮวนซินรับรู้ได้ถึงโทสะองค์หญิง แต่นางจำต้องเอ่ยความจริง “เกรงว่าสวรรค์เท่านั้นที่ล่วงรู้ เพราะเด็กนั่นหล่นมาจากฟ้าตกทะลุเกี้ยวอ๋องแปดเจ้าค่ะ” พานซู่ลี่ปัดถ้วยน้ำชาและของหวานบนโต๊ะทิ้ง นางอยากรู้นักว่าอีกฝ่ายงดงามเพียงใด ซึ่งความงามนั้นต้องอันตรธานไปจากแผ่นดินนี้ เพื่อให้อ๋องแปดหันมาสนใจนางเพียงคนเดียวอย่างเช่นเมื่อก่อน “องค์หญิงอย่าได้กังวล บ่าวคิดว่าองค์ชายไห่หลงเพียงแค่อยากมีของเล่นไว้เชยชมเท่านั้น คงไม่จริงจังกับมัน” สาวงามยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับ ไม่ว่าเติ้งไห่หลงจะมีรสนิยมเช่นไร นางหาได้ใส่ใจ สิ่งเดียวที่ต้องการคือให้เขามองแต่นางผู้เดียวเท่านั้น “ส่งข่าวให้คุณชายจินเกอ บอกว่าข้าอยากไปดื่มน้ำชาที่เรือนพักของเขา” พานซู่ลี่หมายถึงบุตรชายคนรองของเยว่เวยกัง นางรับใช้เงยหน้ามององค์หญิง ก่อนลอบยิ้มน้อยๆ “อย่าทำเป็นรู้ดี ข้ากับคุณชายรองตระกูลเยว่เป็นเพียงเพื่อนกัน อย่างไรข้าก็ต้องเป็นหวางเฟยของอ๋องแปด และจะยิ่งใหญ่ในแผ่นดินนี้สืบไป” “นั่นคือสิ่งที่ใครๆ ต่างคาดเดา เพียงแต่ยามนี้มีฝุ่นดินเข้ามาเปรอะเท้าขององค์หญิง และบ่าวจะรีบส่งข่าวนี้ เพื่อให้ท่านเยว่จินเกอดูแลความเรียบร้อย” พานซู่ลี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ นางมองไปยังชั้นล่างของภัตตาคาร และเห็นกลุ่มชายงามเดินยักย้ายส่ายสะโพก กิริยานับว่าอ่อนช้อยชวนมองมาก แต่ยามนี้นางกลับเกลียด เกลียดจนอยากสั่งตัดหัวเสีย “เจ้าต้องทำให้ข้ามั่นใจว่า ต่อจากนี้อ๋องแปดจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นคร่อมเด็กน้อยผู้นั้น!” พานซู่ลี่กล่าวด้วยความคับแค้นใจ อี้เหรินรู้สึกไม่สบายตัว ถึงจะนั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่ แต่เขากลับกระวนกระวายใจอย่างไรบอกไม่ถูก ในโลกคู่ขนานนี้ มีหลายสิ่งที่ต้องยอมรับว่าไม่เหมือนในเนื้อเรื่องที่เขาเขียนไว้ อีกทั้งสองสามคืนที่ผ่านมา เขาต้องสวมบทบาทในร่างซึ่งควรจะเป็นเด็กสาว แต่สิ่งที่ประสบกับตัวคือ เขาอยู่ในร่างอี้เหรินซึ่งเป็นเด็กชายในวัยเจริญพันธุ์ ผิดแต่มีความคิดความอ่านเช่นเพศหญิง บางครั้งการเดินเหิน คำพูดคำจา แม้กระทั่งน้ำเสียง ก็กังวานใสผิดผู้ชาย ที่สำคัญคนบนฟ้ายังลำเอียงให้เขาพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มและอกแกร่งๆ ของเติ้งไห่หลง เขาเปิดหน้าต่างมองดูแสงสว่างภายนอก คืนนี้พระจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ เสียงร้องของแมลงกลางคืนช่างน่าสะพรึงกลัวมากกว่าจะแว่วหวาน ระหว่างที่ความเหงากำลังบั่นทอนความเข้มแข็งของเด็กน้อย มือเรียวเล็กก็หยิบถุงผ้าสีแดงออกมา และล้วงเอาปิ่นหยกลายมังกรคาบแก้วมาแนบไว้ที่แก้ม ความเย็นทำให้จิตใจอี้เหรินสงบ และคิดถึงใครบางคนที่ส่งมันมาให้เขา “ท่านเป็นผู้ชายชีกอที่ทำให้ข้าต้องว้าวุ่นใจอย่างที่สุด” เขาพึมพำแล้วจึงหลับตาลง สักพักก็มีเสียงดังจากด้านนอก องครักษ์เสื้อแพรยิ้มกว้างอวดฟันขาวพร้อมยื่นขนมเปี๊ยะมาให้ “เจ้าคงหิว สิ่งนี้จักทำให้สบายท้อง” อี้เหรินมองห่อขนมจากมือใหญ่ ก่อนถอนหายใจเสียงดังออกมา “เหตุใดไม่รับไว้ หรือว่าข้าไม่ใช่ลู่จิวที่เจ้าปรารถนา” เขายั่วล้อ ก่อนจะเปิดหน้ากากเหล็กขึ้น จะว่าไปอีกฝ่ายก็มีใบหน้าคมคาย รูปร่างบึกบึน เพียงแต่ไม่มีเสน่ห์เท่าลู่จิว แต่อี้เหรินยอมรับว่าขัดเขินยามอยู่ใกล้ชิด ก็จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวละครนี้จิตเป็นสตรี “อ๊ะ เพียงแต่ข้าอดเป็นห่วงท่านลู่จิวไม่ได้” “ไยมีเรื่องให้เจ้าต้องกังวล” “ก็เขาต้องคอยอยู่รับใช้อ๋องแปด เป็นใครคงต้องระวังศีรษะ และเอ่อ...บั้นท้ายของตน” อี้เหรินว่าแล้วก็นึกถึงตอนที่เติ้งไห่หลงจับตนแก้ผ้า ถึงไม่ได้ล่วงเกินให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แต่อี้เหรินกลับรู้สึกผิดบาป เพราะร่างกายเขาตอบสนองต่อสัมผัสของอ๋องแปด “เจ้าไปเอาความคิดเช่นนั้นมาจากที่ใด และตั้งแต่นี้ควรหัดยิ้มให้มากๆ เพื่อตอบแทนที่อ๋องแปดเมตตาเจ้า ถึงขั้นส่งให้ไปเรียนรู้กับปรมาจารย์ไป๋หม่า น้อยคนนักที่จะได้รับโอกาส” “แต่ข้ามิอยากเป็นเบี้ยให้อ๋องแปดใช้เล่นสนุกไปวันๆ ข้าต้องการเป็นกุนซือที่ควรช่วยเหลือฮ่องเต้ในภายภาคหน้า” องครักษ์เสื้อแพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร บุรุษเช่นเจ้ามีหน้าที่อื่นให้กระทำมากกว่านั้น” “หยุดกล่าวสิ่งใดอีก โปรดนำทางข้าให้ถึงสำนักมี่จือเป็นพอ!” เด็กน้อยโมโห ดูเหมือนทุกคนต้องการให้เขาเป็นคนช่วยอ๋องแปดอุ่นเตียงเหลือเกิน “ที่อ๋องแปดให้ข้าคุ้มครองเจ้าไปยังตำหนักเซียนก็เพื่อป้องกันภัย และอยากให้เจ้าได้เรียนรู้เขียนอ่าน ภายภาคหน้าคนงามเยี่ยงเจ้าย่อมต้องมีบุรุษที่คู่ควรดูแล” อี้เหรินนิ่งเงียบอยู่ราวหนึ่งอึดใจ ก่อนสอบถามอีกฝ่าย “มีสิ่งหนึ่งที่ข้านึกสงสัย วานท่านช่วยทำให้ข้าหายโง่สักที” อี้เหรินนึกถึงการกลั่นแกล้งของเติ้งไห่หลง และดวงตาพราวระยับคู่นั้นยามที่จ้องเขาราวกับราชสีห์หวังกลืนกินลูกแกะตัวน้อย “อ๋องแปดนิยมให้นายและนางเล็กๆ จากสำนักมี่จือไปดูแลในยามวิกาลจริงหรือไม่” “ท่าทางเจ้ามิใช่คนปัญญาทึบ ไฉนถึงได้มององค์ชายไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเขาคิดอ่านเยี่ยงไร” “ข้าถาม ท่านมีหน้าที่ตอบเป็นพอ” รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย ทำเอาอี้เหรินหัวใจกระตุกไหว โลกคู่ขนานนี้คัดหนุ่มๆ หน้าตาดีมาเป็นลูกสมุนของเติ้งไห่หลงหรืออย่างไร “เพื่อให้เจ้าสบายใจ ข้าจักตอบความจริง เหตุที่อ๋องแปดยังโดดเดี่ยวไม่มีหวางเฟยเคียงข้างกาย เป็นเพราะ...” ยังมิทันที่องครักษ์เสื้อแพรจะได้เอ่ยจบประโยค พลันมีลูกธนูพุ่งเข้ามาเสียบทะลุแผ่นหลังเขา จากนั้นความน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม