~ Chapter 4 ~
ใบหน้าสวยหวานของปลายฝนแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอกลัวไม่มีเงินจ่ายค่าปรับหากว่าเขาคนนี้จะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจริง ๆ ทำให้วาโยที่กำลังร้องโอดครวญอยู่นั้นหุบปากทันที
“โยดีขึ้นไหม” พระพายเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าวาโยหยุดร้องแล้ว
“หึ” อยู่ ๆ น้ำเหนือก็ขำออกมา มันทำให้วาโยถลึงตาใส่เพื่อนของเขาทันที ขณะที่ปลายฝนเองเริ่มมองเห็นใบหน้าของวาโยชัดเจนขึ้นเพราะเขาคนนี้คือคนที่เธอเผลอสบตาที่คลับก่อนหน้านี้ เธอทำปากพะงาบ ๆ เหมือนจะพูดอะไรออกไป แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“โย ลุกไหวไหม ไปโรง’ บาลไหม” พระพายพยายามพยุงวาโยให้ลุกขึ้น แต่ความรู้สึกจุกที่วาโยน้อยยังคงทำให้เขาลุกขึ้นไม่ได้
“หมันแล้วมั้ง” น้ำเหนือเอ่ยพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินไปพยุงเพื่อนของเขาแทน และด้วยแรงของชายชาตรีวาโยก็สามารถลุกขึ้นได้
“ขอโทษนะคะ” ปลายฝนยังคงกล่าวขอโทษอยู่ดี เธอมองใบหน้าของวาโยด้วยสายตารู้สึกผิดขณะที่วาโยนั้นเขายกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจะได้สานสัมพันธ์กับเธอคนนี้ต่อ
“ไปโรง’ บาลกับฉันสิ”
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวเราพาไปเอง” วาโยหันขวับไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ของพระพายทันที ทำเอาน้ำเหนือกลั้นขำแทบไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าเพื่อนของเขาคิดอะไร ขณะที่พระพายนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย
“คือฉัน…” เธออึกอักเล็กน้อย
“วาโยไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ”
“ใครบอก ทั้งจุกทั้งแสบตา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเหมือนเจ็บปวดเต็มทน ขณะที่ปลายฝนเธอรู้สึกผิดเต็มประดาซึ่งมันทำให้เธอตัดสินใจตอบกลับเขาไป
“ก็ได้ค่ะ” วาโยยกยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนที่เธอจะเดินตามหลังคนทั้งสามไป
“บอกให้เอารถมาคนละคันไม่ใช่หรือไง” วาโยกระซิบข้างใบหูของพระพาย แต่แทนที่เธอจะตอบกลับ พระพายดันตั้งคำถามที่วาโยไม่อาจให้คำตอบได้
“แล้วรถโยไปไหนล่ะ”
“เดี๋ยวเล่า...”
@The hospital A
ปลายฝนเดินไปเดินมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน เธอไม่ได้รับสิทธิ์เข้าไปข้างในด้วยเพราะไม่ได้เป็นอะไรกับคนไข้ หญิงสาวฉงนใจไม่น้อย เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงขนาดที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลสักหน่อย
ติ๊ง!
และทันใดนั้นเองที่ประตูอัตโนมัติห้องฉุกเฉินได้เลื่อนเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่งที่เป็นเพื่อนกับคู่กรณีของเธอ
“ชื่ออะไรเหรอคะ” หญิงสาวน่าตาจิ้มลิ้มเอ่ยปากถามปลายฝน
“ปลายฝนค่ะ แล้วน้องชื่ออะไรเหรอคะ”
“พระพายค่ะ ส่วนผู้ชายที่เดินออกไปก่อนชื่อน้ำเหนือค่ะ พี่ไม่ต้องพูดเพราะกับฉันก็ได้ค่ะ” ปลายฝนพยักหน้ารับ ดูแล้วสาวคนนี้น่าจะอายุน้อยกว่าเธอ ก่อนที่ปลายฝนจะชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“อ้อ วาโยให้มาบอกว่าให้พี่เข้าไปหาหน่อยค่ะ”
“เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนเศร้า พร้อมกับยกมือขึ้นลูบกระเป๋าสะพายข้างเบา ๆ เพราะกลัวว่าตนจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขา มันคงเยอะมากเลยล่ะเพราะนี่ก็เป็นโรงพยาบาลเอกชน
“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้ค่ะ” พระพายอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนที่เธอจะเดินตามแฟนหนุ่มของเธอที่เดินออกไปก่อนหน้า
“พู่วว~” ไม่รู้ว่าเธอพ่นลมหายใจออกมากี่รอบแล้วสำหรับวันนี้ ปลายฝนค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินก่อนที่เธอจะเดินไปเลื่อนผ้าม่านออก
ครืดดด~
“อ๊ะ! ตกใจหมด” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มที่นอนบนเตียงผู้ป่วยมองมาทางเธอดวงตาใสแป๋ว
“เป็นยังไงบ้างคะ” เธอเอ่ยถามตามมารยาท ขณะที่วาโยนั้นเขามองเธอไม่วางตาเลยสักนิดจนปลายฝนต้องยกฝ่ามือจับปอยผมขึ้นทัดใบหูด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
“ดีครับ ดีมาก” เขาตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“งั้น ฉันจะไป เอ่อ… จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้นะคะ” เธอพูดเสียงเบาเล็กน้อย เพราะไม่มั่นใจว่าเงินในกระเป๋าจะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาได้ไหม ปลายฝนไม่ได้สนใจสายตาคมของวาโยเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะหน้าตาดีมากแค่ไหน
เธอหมุนตัวเดินไปยังเคาน์เตอร์ในห้องฉุกเฉินเพื่อเอาใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าทุกอย่างได้ถูกเตรียมไว้หมดแล้ว
เพียงแค่ใบเสร็จจ่ายเงินปลอม ๆ คนอย่างวาโยที่เป็นถึงลูกชายคนเดียวของตระกูลนฤบดินทร์ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้มีหรือเขาจะทำไม่ได้
“เอ่อ ฉันมาขอใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเตียง 21 ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากบอกพยาบาลสาวก่อนที่ใบเสร็จนั้นจะถูกยื่นให้เธอ ดวงตาคู่สวยปิดลงข้างหนึ่ง เธอเอานิ้วมือปิดตัวเลขจำนวนเงินไว้เพื่อลุ้นว่าจำนวนเงินมันจะมากแค่ไหน และแล้วเธอก็ตัดสินใจเปิดดูยอดเงิน
“หนึ่งหมื่นบาทถ้วน!” หญิงสาวเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะยกฝ่ามือขึ้นปิดปาก เงินจำนวนมากขนาดนี้เท่ากับค่าแรงที่เธอทำงานในร้านอาหารมาทั้งเดือนเลยนะ แล้วจะเอาที่ไหนไปชดเชยให้เขาล่ะเนี่ย หญิงสาวคิดไม่ตก ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางวาโย และก็พบว่าเขากำลังยิ้มแฉ่งมองเธออยู่
ใบหน้าหล่อเหลานี้เวลายิ้มแล้วทำให้พยาบาลสาวที่เดินผ่านไปมามองไม่วางตากันเลยทีเดียว ต่างจากปลายฝนที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ใบหน้าสวยของเธอเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาราวกับว่ากำลังจะร้องไห้ ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าไปมาเพื่อควบคุมความรู้สึกพร้อมกับเดินไปหาคู่กรณีของเธอ
“ฉันจะไปจ่ายเงินนะคะ” วาโยขมวดคิ้ว หรือว่าเธอมีเงินจ่าย คิดแล้วก็เสียดายน่าจะเขียนเยอะกว่านี้ ชายหนุ่มคิดในใจ และในขณะที่หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป
“อันที่จริง ฉันไม่เอาเรื่องเธอหรอก”
กึก!
คิ้วเรียวสวยของปลายฝนขมวดเข้าหากันก่อนที่เธอจะหันหน้ากลับมามองเขา เธอฉงนใจมากเพราะปกติแล้วคนมีกะตังค์ส่วนใหญ่มักจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะ...ตั้งแง่กับฉัน
“แต่เธอต้องตอบรับข้อแลกเปลี่ยน”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ” เธอยังไม่ได้บอกว่าตกลงกับเขาเลยสักนิด แล้วจะมีข้อแลกเปลี่ยนกับเขาได้อย่างไร
“หรือเธอจะจ่ายค่ารักษาให้ฉัน?” เขาถามเธอเสียงเข้ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่ได้จางหายไปในทันที
“เอ่อ…” หญิงสาวอ้ำอึ้งที่จะตอบ เพราะเธอไม่มีเงินหรอก
“ไม่ตอบถือว่าโอเค” ชายหนุ่มตัดสินใจมัดมือชกหญิงสาวทันที เพราะดูเหมือนเธอจะจนตรอกแล้ว ซึ่งมันก็เป็นตรอกที่เขาได้ทำมันขึ้นมา
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยค่ะ”
“หึ”
“ขำอะไรคะ” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยใส่เขา เธอเกรงใจเขามาก เพราะเธอมีส่วนที่ทำให้เขาเจ็บ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเสียทีเดียว
“จริง ๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย คุณทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เองต่างหาก”
“ฉันเปล่าสักหน่อยก็แค่ไม่อยากให้เธอเดินกลับ” แต่แล้ววาโยดันตอบกลับไปทันควัน ซึ่งคำตอบของเขามันให้ความรู้สึกว่าเขานั้นเป็นห่วงเธอ
“หือ?” หญิงสาวเริ่มงง เขาจะมาไม่อยากให้เธอเดินกลับทำไม มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย
“ลืมมันไปเถอะ ยังไงถ้าเธอไม่ตอบรับข้อแลกเปลี่ยนฉัน เธอก็ต้องจ่ายค่ารักษาให้ฉัน” คำตอบกลับของเขามันทำให้ปลายฝนคิดหนัก เธอหมุนตัวหันหลังให้เขาก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมาดูเงินในกระเป๋าสตางค์ ซึ่งมันก็ไม่พอแน่นอนเธอรู้อยู่แก่ใจ ในหนึ่งวันเธอมีเงินพกติดตัวแค่แบงก์ร้อยใบเดียว แต่นี่มันเงินเป็นหมื่นซึ่งต้องทำงานทั้งเดือนถึงจะได้มา สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจำยอม
พรึ่บ!
“แล้วข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรคะ” คำพูดตอบกลับของหญิงสาวมันเรียกรอยยิ้มมุมปากของเขาได้อย่างดี
“ให้ฉันไปส่งเธอ” และทันทีที่เขาตอบกลับหญิงสาวก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันมากกว่าเดิม ไปส่งหมายความว่ายังไง เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีเธอใช่ไหม
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า สาบาน” เหมือนว่าเขาจะได้ยินว่าเธอกำลังคิดอะไรเขาถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนี้ วาโยยกนิ้วสามนิ้วขึ้นสาบาน และแล้วปลายฝนก็ยอมตกลง
“ก็ได้ค่ะ” ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อการสาบานอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เพราะว่าไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาต่างหาก ตอนนี้เสียอะไรก็ได้แต่อย่าเสียเงินเป็นพอ
พรึ่บ!
หมับ!
“เดี๋ยวนะ แล้วคุณจะมาจับมือฉันทำไมเนี่ย!” หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เพราะอยู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นลงจากเตียงพร้อมกับเดินเข้ามาคว้าเอามือของเธอไปกุมไว้แล้วเดินนำหน้าออกไป
“คุณกำลังคุกคามฉัน!” หญิงสาวแกะฝ่ามือหนาออกจากมือของเธอ ฝ่ามือเล็ก ๆ ที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักของเธอแม้ว่ามันจะสาก ๆ ไม่นุ่มเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป แต่เธอก็หวง!
“อ๊ะ! เจ็บ ๆๆๆ” วาโยร้องออกมาเมื่อเธอคนนี้ใช้เล็บคม ๆ จิกลงหลังมือของเขา ก่อนที่เขาจะคลายฝ่ามือออก
“ใครบอกให้คุณมาจับมือฉัน!”
“ก็กลัวเธอจะวิ่งหนีฉันไง”
“ทำไมฉันต้องวิ่งด้วย”
“ก็…” เขาหมดคำแก้ตัว
“ตามมางั้น” วาโยพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากหมดคำจะแก้ตัว ก่อนที่เขาจะเดินนำหญิงสาวออกไป ขณะที่ปลายฝนเธอก็ค่อย ๆ เดินตามเขาไป เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขาอายุน้อยกว่าเธอเสียอีก แต่เป็นเพราะรูปร่างของเขาที่เหมือนกับว่ามีอายุแล้วนั้น ทำให้เธอเกรงใจเขาไปหมด
“ถึงแล้ว ขึ้นสิ” ปลายฝนมองการกระทำของเขาด้วยความงุนงง เขาจะเปิดประตูให้เธอทำไมกัน แต่เนื่องด้วยวันนี้เธอเหนื่อยทั้งวัน เธอก็เลยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว
วาโยเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ และรถคันนี้ก็เป็นรถของพระพาย เพราะถ้าเป็นของน้ำเหนือเพื่อนรัก เขาคงไม่ได้ยืมมาแบบนี้หรอก ส่วนสองคนนั้นจะกลับยังไงตอนนี้เขาไม่สนใจเลยสักนิด เพราะใจของเขามันจดจ่ออยู่กับหญิงสาวข้างกายคนนี้คนเดียว
“บ้านอยู่แถวไหน” วาโยถาม แล้วปลายฝนก็เอ่ยบอกตำแหน่งที่พักของเธอตอบกลับเสียงเรียบ พอได้นั่งเบาะนุ่ม ๆ กับแอร์เย็น ๆ แบบนี้แล้วเธอก็อยากนอนเมื่อรถมันเคลื่อนตัวออกไป
“นอนได้นะ เดี๋ยวฉันปลุก”
“หึ ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะทำไง” ทันทีที่พูดจบ ปลายฝนก็จ้องมองท้องถนนเขม็งทันที ซึ่งการกระทำของเธอทำให้ใบหน้าหล่อเหลานี้มีรอยยิ้มขึ้นมา
“_” ขณะที่เปลือกตาบางของปลายฝนค่อย ๆ ปิดลงจนสนิท เธอเอนแผ่นหลังนอนหลับอย่างลืมตัว เห็นดังนั้นวาโยจึงเลื่อนฝ่ามือไปปรับเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศรถยนต์ให้เธอไม่รู้สึกหนาว และขณะนั้นเองเขาก็คิดอะไรออก
เขาได้ใช้มือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยรถล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์เอาโทรศัพท์เครื่องหรูของตนแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าของเธอ เพราะนี่จะทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง และอีกหลาย ๆ ครั้งหลังจากนี้…