คนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจร้อนรน รอคนที่ได้รับบาดเจ็บให้รอดพ้นจากอันตราย สายตาเพ่งพิศจ้องมองอย่างคะนึงหา เวลาก็เดินผ่านไปนานยังไร้วี่แววของหมอที่รักษาออกมาแจ้งข่าวคืบหน้า
"กระผมว่าท่านนั่งพักก่อนดีไหมครับ...เดินวนไปมาก็จะวิงเวียนเมื่อยล้าเสียเปล่า" อัมกาสคนสนิทที่ไว้ใจเอ่ยขึ้นอย่างแนะนำนายเหนือหัว
"หุบปากน่า จะเมื่อยขาหรือไม่ก็ขาของเรา จะให้นั่งนิ่งเฉาได้ยังไง ไม่เห็นหรือว่าฟาตินบาดเจ็บ เรานิ่งได้หรืออัมกาส!" อานัสพูดยาวเหยียดอย่างเผลอลืมตัว สติที่เคยมีมันเลือนลางเมื่อความห่วงใยมันครอบงำสุมในอก
"เอ่อ...ท่านครับ..." อัมกาสที่เห็นท่าทางของนายเหนือหัวผิดแปลกไป คนที่ไม่เคยร้อนรนกับสิ่งเหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ทำไมกับหญิงนางนี้ถึงได้ใจร้อนรนอย่างผิดเพี้ยน
"เออ! นั่งก็นั่ง" อานัสที่เห็นอาการของอัมกาส สีหน้าที่มองเขาอย่างพินิจสงสัย ทำให้อานัสนั้นดึงสติกลับคืนมา วางท่านั่งลงเก้าอี้ด้วยใจว้าวุ่น
"ท่านแปลกไปนะครับ" อัมกาสพูดขึ้น แม้ใบหน้าของนายเหนือหัวจะเคร่งขรึมดุดันน่ากลัว แต่ด้วยความคุ้นเคยจนสนิทใจจึงเข้าใจต่อความรู้สึกที่นายเหนือหัวเป็น ซึ่งคนอื่นคงไม่กล้าเล่นเย้าแหย่เพราะกลัวตาย
"แปลกตรงไหน เราก็เหมือนเดิม" อานัสพูดตอบขึ้นเสียงเข้ม
"ท่านไม่เหมือนเดิมครับ..." อัมกาสยังคงจี้จุดต่อด้วยน้ำเสียงสุขุม
"เหมือนเดิม! เราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเราได้!" อานัสเถียงเสียงกร้าวเมื่ออัมกาสยังคงเร้าหรือต่อ ความรู้สึกที่ต่อต้านภายในมันทำให้เขานั้นสับสนต่อความรู้สึก
รักแต่กลับร้ายใส่!
หมายปองแต่ก็ไม่กล้าที่จะครอบครองด้วยหัวใจ!
"ท่านแค่กลัวครับ...กระผมว่ามองท่านไม่ผิด" อัมกาสที่ซื่อสัตย์ต่อนายเหนือหัว ด้วยสนิทชิดเชื้อเพราะทำงานให้มานาน มองเพียงเสี้ยวสายตาก็ย่อมมองออกได้ไม่ยาก
"เราไม่เคยกลัว ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว" อานัสยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
"อย่างนั้นหรือครับ" อัมกาสอมยิ้มอ่อนจ้องมองอากัปกิริยาของนายเหนือหัวอย่างจับพิรุธ
"ต้องการอะไรอัมกาส!" คนที่ถูกจับพิรุธเริ่มต่อต้านเสียงดัง เสมือนพ่ายแพ้ต่อสายตาของลูกน้องที่จ้องมองอย่างจับผิดพฤติกรรม ซึ่งมันทำให้อานัสไม่พอใจ
"แค่อยากเห็นท่านไม่ทุกข์ระทม อยากให้สุขสมดั่งใครอื่น อยากให้ท่านชื่นมื่นมีรอยยิ้มเหมือนดั่งเก่า" อัมกาสยืนกุมมืออย่างนอบน้อมเอื้อนเอ่ยออกมาหวังประโลมใจผู้เป็นนาย
"รอยยิ้มของเราหายไปตั้งแต่วันนั้น วันที่พี่สาวของเราสิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา" อานัสเอ่ยขึ้นเสียงเศร้าซึ่งอัมกาสเข้าใจเขาดีในสิ่งที่พูดออกมา มันตราติดให้มโนภาพของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยนอนหลับตาสนิทได้เลยสักคืน ต้องฝืนแค่ไหนในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้ผ่านพ้นไป ต้องนอนฝันร้ายแทบทุกคืนไม่เคยสักครั้งที่จะนอนหลับได้อย่างสนิทใจ ภาพในอดีตยังคงหลอกหลอนเขาไม่หาย
"หมอมาแล้วครับ" อัมกาสที่ปรายสายตามองเห็นหมอเอ่ยบอกผู้เป็นนายให้รับรู้
"เธอเป็นอย่างไรบ้าง" อานัสดีดตัวลุกปรี่ประชิดตัวหมอที่ทำการรักษา
"อวัยวะภายในถูกคมมีดเจาะลึก เธอเสียเลือดค่อนข้างมากครับท่าน ยังไม่พ้นขีดอันตราย...และตอนนี้ต้องการเลือดกรุ๊ปเอในการรักษาด่วนที่สุด" หมอบอกเล่าถึงอาการของคนที่บาดเจ็บ
"โรงพยาบาลนี้ไม่มีหรือไง...งบประมาณที่เราให้ทุกปี ไม่ได้พัฒนาโรงพยาบาลเลยหรือไง ห๊ะ!!" คนที่ได้ฟังอาการเริ่มโวยวายเพราะใจเสียร้อนรน ต่อว่าหมอเสียงดังลั่นไม่คิดเกรงใคร
"เลือดกรุ๊ปเอตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลมันไม่พอครับ" หมอก้มหน้าพูดบอกเล่าถึงสิ่งที่เป็น
"ไม่ได้เรื่องสักนิด!"อานัสต่อว่าหมออย่างเหลืออด เลือดขึ้นหน้าโมโหไม่ได้ดั่งใจต้องการ
"อัมกาสไปเกณฑ์การ์ดทั้งหมดมาที่นี่ ใครเลือดกรุ๊ปเอต้องบริจาคทั้งหมด ทุกคน!"
หัวใจที่ร้อนรนดั่งไฟสุม อารมณ์ร้อนที่ควบคุมไม่ไหว ฟาตินที่นอนรอการช่วยเหลือจะต้องพ้นขีดอันตราย
...เหล่าการ์ดมากหน้าหลายตาที่มีเลือดกรุ๊ปเอถูก เชคฮ อานัส เกณฑ์มารวมตัวที่โรงพยาบาลเพื่อบริจาคเลือดให้แก่ฟาตินที่รอการรักษา
เธอยังไม่พ้นขีดอันตรายหรือเธอแค่อยากตายไม่ได้พึงต้องการมีชีวิตอยู่ ชีวิตที่ต้องพบเจอแต่ความทุกข์ทรมานเจียนตายกันแน่ ชีวิตที่เป็นมีลมหายใจแต่ก็เหมือนกับตายตกนรก
"ทำไมเราไม่เลือดกรุ๊ปเดียวกันกับนางนะ" อานัสร้อนรนเดินวนไปมาหน้าห้องฉุกเฉิน เดินเวียนจนเหล่าลูกน้องแทบตาลาย
"ท่านเดินวนแบบนั้นก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกครับ...อย่ากังวลไปเลยนั่งพักสักหน่อยเถอะครับ" อัมกาสเอ่ยขึ้น
"ก็เราห่วง....เอ่อคือ เราหมายถึงนางยังชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียงพอ...นางยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ" อานัสพูดขึ้นด้วยความรู้สึกลึก ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันท่วงทีแล้วรีบเฉไฉเบี่ยงเบนทันใด ยิ่งสายตาของลูกน้องจ้องมอง ยิ่งทำให้ท่านเชคฮผู้เคร่งขรึมละอาย
"แบบนั้นหรือครับ" อัมกาสเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดเชื่อ
"ก็เออสิ...พูดมากเสียจริง เราเริ่มรำคาญแล้วนะ!" อานัสเบี่ยงเบนหลบเลี่ยงสายตาของลูกน้องที่จ้องมองอย่างจับพิรุธ
"ขอโทษครับท่าน...ว่าแต่...ท่านคิดแบบนั้นจริงหรือครับ" อัมกาสยังคงยียวนต่อไม่คิดเกรงกลัว ลอบมองหน้านายเหนือหัวและยกยิ้มมุมปากอย่างคนรู้ทัน
"อยากตายหรือไงอัมกาส!" คนที่ถูกจับไต๋ได้ตะเบ็งเสียงดังอย่างกลบเกลื่อนเมื่อถูกลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวจนแทบเสียการทรงตัว
"ไม่อยากตายหรอกครับ...กระผมแค่ถามความจริงที่มันอยู่ก้นบึ้งของหัวใจท่านก็แค่นั้น" อัมกาสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาของเขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นนายอย่างต้องการคำตอบที่แท้จริง
...ภายในห้องฉุกเฉินที่กำลังชลมุนวุ่นวายเมื่อร่างกายของฟาตินนั้นกระตุกเกร็ง สัญญาณชีพจรอ่อนลงจนเครื่องมือแพทย์ร้องส่งสัญญาณเตือน เลือดที่ได้รับบริจาคมาแม้จะมากมายและเพียงพอแต่ทำไมร่างกายของเธอถึงไม่ตอบสนองในการรักษา แม้บาดแผลจะลึกและอวัยวะภายในถูกคมมีด กรณีเช่นนี้หมอมือดีในโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่เคยที่จะรักษาพลาด
"เดี๋ยว ๆ เกิดอะไรขึ้นทำไมดูวุ่นวาย" อานัสที่มองเห็นพยาบาลวิ่งออกมาด้วยความตระหนกสีหน้าไม่สู้ดี ทำให้เขานั้นเกิดกังวลกลุ้มใจ
"คือคนป่วยชีพจรอ่อนลงและเลือดในห้องไม่เพียงพอ เธอต้องการเลือดมากกว่านี้เพราะเสียเลือดมากในระหว่างผ่าตัดค่ะ ดิฉันกำลังจะไปเบิกเลือดให้คุณหมอเพิ่ม ขอตัวนะคะ" พยาบาลให้เหตุผลก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปทำหน้าที่
...คนที่ได้ฟังถึงกับใจเสียมือไม้สั่นเทา หัวใจหล่นวูบลงสู่ปลายเท้าแทบยืนทรงตัวไม่ไหว ขอบตาเริ่มเห่อร้อน จ้องมองไปยังห้องฉุกเฉินด้วยใจพะวงกลัดกลุ้ม
"ท่านครับ" อัมกาสที่เห็นอาการของผู้เป็นนายเขาย่อมรู้ดีกับสิ่งที่มีในใจ ขยับตัวเข้าไปใกล้เอื้อนเอ่ยเสียงเรียบเหมือนต้องการปลอบใจ
"......" อานัสเพียงหันมามองหน้าลูกน้องคนสนิท ริมฝีปากเริ่มสั่นระริกหวาดหวั่น
"เธอจะต้องปลอดภัยครับ หมอที่นี่ฝีมือดีต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ" อัมกาสพูดปลอบผู้เป็นนายให้รู้สึกดี แต่ว่าตอนนี้ภายในใจเขานั้นพะวงห่วงใย เขากลัว! กลัวว่าเธอจะสิ้นลมหายใจ
"เป็นเพราะเราใช่ไหม?" อานัสยืนนิ่งมือล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กำมือแน่นอย่างระบายความเจ็บปวดไม่ต้องการให้ใครเห็น ไม่ต้องการให้ใครรับรู้และเห็นว่ากำลังอ่อนแอ
*****(10)