"ตกลงๆ ปู่จะไม่ตีเจ้า และไม่หาภรรยาให้เจ้าตอนนี้หรอก อีกสักสิบยี่สิบปีค่อยหาก็ได้ เจ้าลุกขึ้นมาก่อนบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่บอกปู่สิ"
หลี่หลงหยางย่นคอห่อไหล่ไปเล็กน้อย ดูท่าท่านปู่คงจะยังไม่ยอมแพ้ที่จะหาภรรยาให้ตนเองแล้วแน่นอน แต่ยังดีเขายังมีเวลาอีกสิบหรือยี่สิบปี เวลานั้นค่อยหาทางขับไล่ภรรยาที่ท่านปู่หาให้ภายหลังก็ได้
"ข้าไม่เจ็บขอรับ แต่ข้าปีนขึ้นไปไม่ได้" เด็กชายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนเองพร้อมกับหมุนไปรอบตัวให้หลี่หยุนได้เห็นว่าเขาไม่มีบาดแผลหรือบาดเจ็บตรงไหน
หลี่หยุนมองไปรอบๆ ปากหลุมเห็นว่ามีรากไม้ใหญ่ท่อนหนึ่งที่โผล่พ้นดินออกมาและพอจะใช้ทำเป็นที่ยึดเหนี่ยวร่างกายเอาไว้ได้ เขาใช้สองมือยึดรากไม้เอาไว้มั่นและทิ้งตัวลงไปในหลุมเพื่อให้หลี่หลงหยางปีนร่างกายตนเองขึ้นมา เด็กชายโยนตุ๊กตาไม้ขึ้นมาด้านบนแล้วจับข้อเท้าของหลี่หยุนป่ายปีนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
"ท่านปู่ ข้าต้องเหยียบไหล่ท่านปู่แล้วนะขอรับ" เด็กชายร้องบอกเสียงเบาหวิวกลัวเหลือเกินว่าท่านปู่จะโกรธขึ้นมาอีก
"ขึ้นไปเร็วๆ เข้าเถิดจะเหยียบตรงไหนก็เหยียบไป" หลี่หยุนที่มีพรของท่านยมบาลไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนล้าจากการห้อยตัวเลยแม้แต่นิด เขาไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเด็กชายจะเหยียบส่วนไหนของตน อย่างไรหลี่หลงหยางก็เป็นถึงบรรพชนอายุมากกว่าเขานับพันปี
"ท่านปู่ข้าจะเหยียบศีรษะท่านแล้วนะขอรับ" หลี่หลงหยางหยุดการป่ายปีนส่งเสียงบอกกล่าวขออนุญาตอีกครั้ง
"เจ้าจะเหยียบหน้าข้าก็เหยียบไปเลย ขึ้นไปสักที!!" หลี่หยุนชักจะหงุดหงิดขึ้นมา เขาเห็นแล้วว่าเมื่อครู่หลี่หลงหยางโยนท่อนไม้ที่ตนเคยเห็นเขาเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีขึ้นมาบนปากหลุม ในใจก็พาลคิดถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องว่าคงไม่เป็นเพียงแค่เด็กชายออกมาเที่ยวเล่นซุกซนจนตกลงมาในหลุมดักสัตว์เป็นแน่ คิดอยากจะรีบถามความให้รู้เรื่องกันไป แต่เจ้าหนูนี่กลับอ้อยอิ่งอยู่เช่นนี้เอง
หลี่หลงหยางเห็นว่าท่านปู่เริ่มเสียงแข็งขึ้นมาแล้ว จึงกลั้นใจใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปบนศีรษะขาวโพลนของชายชราแต่เป็นเพราะเส้นผมที่ได้รับการดูแลอย่างดีของหลี่หยุนสะอาดจนนุ่มลื่นเกินไปทำให้เด็กน้อยพลาดท่า ต้องรีบใช้ทั้งเท้าทั้งมือดึงผมจิกหัวตะกายร่างเล็กของตนอยู่บนศีรษะของหลี่หยุนก่อนจะปีนป่ายขึ้นมาจนได้ในที่สุด
สองปู่หลานเดินกลับมายังกระท่อมที่พัก จัดการเสื้อผ้าและเส้นผมที่หลุดลุ่ยของตนจนเรียบร้อยแล้วหลี่หยุนก็จูงมือหลี่หลงหยางเตรียมจะเดินไปหาหลี่เนี่ยหรานเพื่อชำระความทันที
"ท่านปู่ หากทำเช่นนี้ท่านน้าก็จะว่าข้ามาฟ้องความน่ะสิ ท่านอาหญิงจะยิ่งเกลียดข้ามากไปกว่าเดิมนะขอรับ" หลี่หลงหยางดึงมือหลี่หยุนเอาไว้ไม่ยอมยกเท้าก้าวเดินตามเขาไป ท่านปู่ให้เขาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นท่านปุ่ก็เงียบมาตลอดทางจนถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งรู้ว่าท่านปู่คิดจะไปตำหนิท่านอาเนี่ยหราน
หลี่หยุนหันกลับมามองใบหน้าเล็กด้วยความสงสาร เด็กคนนี้ต้องถูกกลั่นแกล้งรังแกไปอีกหลายปี ภาพฉายที่เขาเห็นผ่านตาหลายครั้งเหมือนว่าจะเคยฉายภาพที่เด็กน้อยต้องนอนอยู่ก้นหลุมลึกแห่งหนึ่งถึงสองวันกว่าจะมีคนมาช่วยดึงร่างเขาออกจากหลุมในสภาพอดน้ำอดข้าวใกล้ตาย หากตนเองไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ เหตุการณ์นี้ก็คงจะเกิดขึ้นจริงๆ เป็นแน่ แต่เด็กน้อยยังคงมีความบริสุทธิ์รู้ตัวว่าตนเองและท่านอามีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกันและไม่อยากให้ท่านอาโกรธเกลียดตนเองจึงยอมรับชะตากรรมเลวร้ายแต่โดยดี
หลี่หยุนหลับตาลงและถอนหายใจออกมาแรงๆ หากว่าเขาไม่รีบออกจากที่นี่ไปเริ่มชีวิตใหม่กับหลี่หลงหยาง เด็กน้อยอาจจะมีความทรงจำที่เลวร้ายฝังรากหยั่งลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน เช่นนั้นเขาก็จะใช้โอกาสนี้ในการหาเรื่องแยกตัวออกไปให้หลี่หลงหยางได้พ้นจากสภาพแววล้อมที่เลวทรามต่ำช้าแห่งนี้เสียทีเดียวเลยจะดีกว่า
"เราจะพูดความจริง นางทำร้ายเจ้าแล้วเหตุใดเจ้าจะต้องยอมให้นางทำเช่นนั้นเล่า ในเมื่อนางทำผิดเจ้าไม่ผิดเหตุใดจะต้องกลัว ใครอยากเกลียดก็เกลียดไปเลยเจ้าไม่ต้องไปสนใจ ขอเพียงเจ้ามั่นใจว่าเจ้าประพฤติตนไม่ผิดศีลธรรม ซื่อสัตย์และมีเหตุผล ความยุติธรรมย่อมเกิดกับเจ้า ตอนนี้เจ้ายังเล็กนักหากออกหน้าทักท้วงเองเจ้าก็คงถูกเขาตีกลับมา แต่ตอนนี้เจ้ามีปู่ ปู่จะไม่ยอมให้หลานชายของปู่ถูกกลั่นแกล้งอย่างไร้เหตุผลแน่นอน ยืนอยู่ข้างหลังปู่ ปู่จะจัดการเองไม่ต้องกลัว"
หลี่หยุนจงใจปล่อยมือเด็กชายออกแล้วเดินนำหน้าไป เขาต้องการให้หลี่หลงหยางตัดสินใจเองว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับความไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ หรือจะรอคอยให้ท่านปุ่อย่างเขาจัดการคนที่มารังแกตน หลี่หยุนไม่ได้คิดจะส่งเสริมให้ท้ายจนเด็กกลายเป็นคนก้าวร้าว ชายชราอายุ 101 ปีเช่นเขามองด้วยขนตาก็ยังดูออกว่าหลี่หลงหยางมีพื้นฐานจิตใจดี และเขายังรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาด้วยตาตนเองว่าคนผู้นี้ดีเกินไปจนกลายเป็นโง่ด้วยซ้ำ หากไม่รีบสร้างความมั่นใจหรือให้เขากล้าคิดกล้าแสดงออกด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก จะกลายเป็นปัญหาสะสมที่ยิ่งใหญ่เลยเถิดจนกู่ไม่กลับแน่นอน
หลี่หยุนเปิดฉากตำหนิติเตียนการกระทำของหลี่เนี่ยหรานอย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า จนผู้คนต่างก็ทยอยกันมาล้อมวงชมดูเรื่องสนุกที่นานๆ จะมีให้เห็นสักทีกันอย่างสนุกสนาน
"มันก็แค่ไอ้เด็กเลวที่พ่อของมันทำให้เราสามพ่อลูกต้องมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่ ท่านพ่อจะให้ค่าความสำคัญมันเกินไปหน่อยกระมัง ข้าเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของท่านนะ" หลี่เนี่ยหรานแผดเสียงโต้ตอบอย่างไม่ยินยอม
"สามหาว!! เจ้าสองคนพี่น้องมันก็แค่สตรีที่ถูกหย่าร้างมาอาศัยบารมีพ่อของเสี่ยวหลงรับเอามาชุบเลี้ยงให้มีกินมีใช้ต่างหาก ถึงแม้จะไม่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ ไม่แน่ว่าเจ้าสองคนก็อาจจะต้องถูกขายส่งเข้าหอนางโลมถูกทารุณจนตายไปแล้วกระมัง เจ้ายังกล้าตำหนิผู้มีพระคุณได้ลงคออีกหรือ"
"แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อแก้ไขอดีตไม่ได้ ข้าก็จะใช้ชีวิตที่เหลือของข้าต่อไปเช่นนี้ล่ะ ไอ้เด็กเลวนั่นมันก็สมควรต้องยอมรับชะตากรรมของมันเช่นกัน ไม่มีสกุลหลี่ที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวยหนุนหลังมันอีกแล้วมันก็ไม่ต่างจากสุนัขข้างถนนที่ข้าจะทำอะไรกับมันก็ได้ ท่านพ่อก็คิดเช่นเดียวกับข้ามาก่อนมิใช่หรือ เวลานี้เกิดจะอยากเป็นคนดีขึ้นมาหรือไร" หลี่เนี่ยหรานจงใจตอกย้ำหลี่หยุนว่าเขาก็ไม่ต่างจากพวกนาง เคยทุบตีทารุณหลี่หลงหยางร่วมกันมาแล้วทั้งสิ้น
"ข้านี่แหล่ะคนสกุลหลี่ที่เหลือ ข้านี่ล่ะจะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขาเองแล้วเรามาดูกัน ว่าหญิงที่ออกเรือนเป็นผู้อื่นไปแล้วและยังดูถูกเหยียดหยามบรรพบุรุษตนเองเช่นเจ้าสองคนจะรุ่งเรืองไปได้ถึงไหน จากนี้เจ้ากับข้าก็ตัดขาดกันไปเสียเลย ข้าหลี่หยุนจะคิดเสียว่าไม่เคยมีบุตรสาวเช่นพวกเจ้ามาก่อน ทุกคนในที่นี้เป็นพยานให้ข้าด้วย"
"ฮ่าๆๆ น่าขันนัก สกุลหลี่ที่เหลืออยู่เช่นนั้นหรือ ก็แค่ชายชราคนหนึ่งกับไอ้ตัวหายนะที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเท่านั้น หากไม่มีบุตรสาวและบุตรเขยอย่างข้าหาอาหารมาป้อนใส่ปาก ท่านพ่อตาท่านคิดว่าคนอย่างท่านน่ะหรือจะหากินเองได้" หม่าสือที่เวลานี้เริ่มทำการค้าได้ผลงานมีความมั่นอกมั่นใจตนเองสูงหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม ทำให้คนอื่นเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ชายชราแซ่หลี่กันอย่างสนุกปากตามไปด้วยอย่างเอิกเกริก
หลี่ต้งหมิงในร่างหลี่หยุนได้เห็นได้ยินคำพูดดูหมิ่นสายตาดูแคลนเช่นนี้จากนักท่องเที่ยวและคนในหมู่บ้านฟ่านป๋อมาไม่รู้เท่าใด เขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านสะเทือนใจแม้แต่นิด และยังคงตอบโต้คำกล่าวของทุกคนอย่างใจเย็น รวมทั้งดุด่าอบรมสั่งสอนบุตรสาวทั้งสองคนตนอย่างตั้งอกตั้งใจ