ก็ค่อยเดินหน้าซีดไปตรงที่เขากอดอกยืนรออยู่
แม่ของเธอรับเงินมาจริง ๆ ด้วย ก่อนวางสายท่านยังกำชับอีกว่ารีบมีลูกชายให้เขาไวๆ
จุติถามปนมาด้วยรอยยิ้มยียวน “ว่ายังไงบ้างคุณ”
อรนลินอึ้ง ตอบเขาไม่ถูก “ฉัน...เอ่อ”
“พูดไม่ออกเลยหรือ”
จุติส่งเสียง ‘หึ’ คั่นกลาง แล้วยื่นข้อเสนอ
“เอางี้ เดี๋ยวจะหาว่าผมใจร้าย ผมให้เวลาคุณเตรียมตัวสามวัน” เขาบอกแล้วชูนิ้วขึ้นมาประกอบคำพูด ไม่ได้ดูใจดีขึ้นมาเลยสักนิดในสายตาเธอ “หลังจากนั้นคงรู้หน้าที่ของตัวเองดีนะ อย่าให้ต้องพูดมาก เข้าใจ๊?”
ได้ยินข้อเสนอของเขาแล้ว อรนลินก็ได้แต่ถลึงตาใส่ พูดรอดไรฟัน “ช่างมีเมตตาเหลือเกินนะคะคุณจุติ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” เขาบอก พร้อมกับลดมือลงกางออกไปด้านข้าง อีกข้างหนึ่งแตะตรงหน้าท้องของเขาแล้วค้อมศีรษะรับคำ ก่อนจะเดินผิวปากเข้าบ้านไป
อรนลินได้แต่ยืนมองแล้วตัดพ้อมารดาอยู่ในใจว่าทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้
อรนลินเดินตามสาวใช้ร่างเล็กที่มีรูปร่างคล้ายคลึงเธอไม่น้อย รู้ชื่อจากการคุยกันสั้น ๆ ว่าอีกฝ่ายชื่อ ‘นิด’
นิดพาเธอไปยังห้องพัก เก็บของแล้ว ก็ตั้งใจจะเดินลงไปสำรวจรอบบ้านต่อจากนั้น พอเก็บของเสร็จ เธอเปิดประตูออกมาก็เจอกับหญิงสาวร่างท้วม ใบหน้าอวบอิ่ม ที่มีความนิ่งเรียบ ราวกับคนไร้อารมณ์ตรงหน้าประตูห้องพักของตัวเอง
หญิงสาวคนนี้เธอเคยพบมาแล้วที่งานแต่งของตนเองกับจุติ
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นพี่จิลลา พี่สาวคนโตของเขา
จิลลาเป็นผู้หญิงหน้าตาสวย ดูคล้ายจุติแค่ตากับปาก แต่นิ่งมาก ใบหน้าขรึมไม่ค่อยยิ้ม
“สวัสดีค่ะพี่จิลลา”
อรนลินจึงยกมือไหว้ทักทายอีกฝ่ายก่อน
นึกแปลกใจที่เห็นพี่สาวคนโตของจุติที่นี่ด้วย
จิลลาเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ เท่านั้น ไม่พูดจาโต้ตอบว่าอะไร ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สาวใช้ที่ชื่อนิด เด็กสาวคนนั้นก้มหน้ารับคำแล้วจึงหันหลังเดินจาก
เมื่อคล้อยหลังคนอื่น จนเหลือกันแค่สองคน พี่สาวของจุติถึงได้พูดขึ้นว่า “พี่มาที่นี่เพื่อช่วยดูแลติและเธอ คงรู้เรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันแล้วใช่ไหม”
“ระ...เรื่องไหนคะ” อรนลินออกร้อนใบหน้าอีกครั้ง เมื่อพอจะเดาได้ว่าเรื่องใด ไม่วายแกล้งซื่อใส่พี่สาวของจุติ
“เธอต้องตั้งท้องลูกชายให้นายติ พี่จะดูแลพวกเธอเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ จนกว่าเธอจะตั้งท้อง แล้วจะช่วยดูแลต่อจนกว่าจะคลอด”
นี่เธอเป็นคนหรือวัวกันแน่เนี่ย อรนลินครางตัดพ้ออยู่ในใจ
“ตอนนี้พักผ่อนให้สบายใจก่อน ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรต้องเครียด” จิลลาบอกแล้วเดินจากไปในนาทีถัดมา
คงสบายใจได้อยู่หรอกนะ มาพูดกันถึงขนาดนี้น่ะ
อรนลินคิดอย่างพาล ๆ ในหัว ถอนลมหายใจออกอย่างเซ็ง ๆ แล้วปลอบโยนตัวเองว่าไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
ก็แค่มีลูกชายให้พวกเขา...เท่านั้นเอง
แล้วก็ทำหน้าจะร้องไห้
มีลูกชายนะอรนลิน
มีลูกชาย
พึมพำเบา ๆ แล้วยกมือลูบอกปลอบใจตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลยออกไปสำรวจที่นอกบ้านเสียหน่อย หลังจากปล่อยวางได้บ้างแล้ว เรื่องที่ต้องตั้งท้องลูกชายให้ได้
ที่นี่ปลูกดอกไม้เอาไว้เยอะดี แต่เหมือนไม่มีคนดูแล เธอเห็นกลีบไม้ดอกไม้ประดับร่วงเกลื่อนอยู่ไม่น้อย จึงหยิบมันขึ้นมาดู สวยทั้งนั้นเลย แล้วจึงเลือกเก็บที่ยังสมบูรณ์แบบมาเต็มสองมือ เอาเข้าไปไว้ในห้อง ก่อนจะรื้อกระเป๋าออกดู ก็พบว่ามีของที่เธอต้องการอยู่พอดิบพอดี
“ทำเลยก็แล้วกัน”
กระดาษวาดเขียนถูกหยิบออกมาพร้อมปากกาและสี อรนลินลงมือวาดภาพธรรมชาติและใช้วัสดุที่เก็บติดมือมาด้วย แต่งเติมเสริมลงไปบนนั้นจนเรียบร้อยในเวลาต่อ ก่อนจะถ่ายภาพโพสต์ลงโซเชียล ไม่ลืมติดแฮชแท็ก ชื่อที่ใช้เรียกงานของตัวเองลงไปด้วย
“สวยจังเลย”
“บ่นอะไรข้าวฟ่าง”
“เพื่อนฟ่างค่ะพี่วิม ทำเองเลยนะ สวยไหม” ข้าวฟ่างหงายหน้าจอสมาร์ทโฟนให้พี่ชายของตนเองได้ดู
รูปของงานศิลปะ ไม่ได้ถูกตาต้องใจวาคิมนัก หากแต่เป็นหญิงสาวที่ทำหน้าตาทะเล้นคู่กับผลงานของเธอนั่นมากกว่าที่ถูกใจเขา
“สวย ชื่ออะไรน่ะฟ่าง”
“พี่วิมน่ะ” ข้าวฟ่างร้องบอกอย่างเอือม ๆ “คนนี้ไม่ได้ค่ะ”
“อ้าว ทำไมไม่ได้ล่ะ”
“ก็หนูดีแต่งงานแล้วนี่คะ แต่งกับพี่ติไง พี่วิมไม่ได้ไปงานสิเนอะ เลยไม่รู้ มัวแต่พาสาวไปทัวร์เสียจิ้นก็งี้แหละ”
“เฮ้ย พูดจาให้ดี ๆ นะฟ่าง พี่ไปสัมมนา ไม่ได้พาสาวที่ไหนไปทัวร์บ้าบออะไรนั่นสักหน่อย” แล้วพึมพำเบา ๆ “น่าเสียดายจัง สวยน่ารักมากเลย นี่เมียพี่ติจริง ๆ หรือ พี่ติเป็นไทป์สาว ๆ แล้วเงี้ย”
วาคิมบ่นด้วยความเสียดายจริง ๆ พร้อมทั้งคิดในใจว่าน่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมญาติผู้พี่อย่างจุติดูบ้างแล้ว
ไม่ทันได้ฟังต่อว่าน้องสาวพร่ำพรรนาอวยเพื่อนสนิทว่าอะไรบ้าง ต่อให้ไม่เยินยอ ต่อมความอยากได้ของวาคิมก็พลุ่งพล่าน จนอยากไปดูหน้าดูตัวเป็น ๆ ของหญิงสาวเสียเดี๋ยวนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
จุติเปิดประตูลงรถมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะต้องทำงานหลังจากเพิ่งมาถึง ราวกับคนงานลาออกหมดฟาร์มเลี้ยง เพื่อใช้พลังงานที่มีให้มันหมด ๆ ไป
คืนนี้เขาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน งุ่นง่านจนปล้ำใครบางคนเข้าเสียก่อน
สามวันที่บอกว่าจะให้เวลาแม่นั่นเตรียมตัวเตรียมใจทำลูก แต่ทำไมมันรู้สึกว่ายาวนานเหมือนสามปีเลยวะ
คนอย่างเขา เคยรออะไรแบบนี้ด้วยหรือ นี่เขาแต่งงานแล้วนะเว้ย!
ก็แค่อยากให้งานที่พ่อสั่งมันจบ ๆ ไป ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรหรอก
แต่แม่นั่นตัวหอม ผิวก็นุ่มมาก ใสเหมือนผิวเด็กเลยนะ
ก็แค่ตัวหอม ผิวดีแล้วอย่างไร น่าพิศวาสตรงไหนกัน
กลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ คล้ายกลิ่นขนมผสมกลิ่นดอกไม้เลยล่ะ
ก็แล้วทำไม มันน่าพิศวาสสักแค่ไหนเชียววะ
แถมเสียงครวญครางของแม่นั่นก็ยังวนเวียนติดอยู่ในหูอยู่เลย นึกมาถึงตรงนี้ จุติก็ขนลุกพรึบ ไม่ใช่แค่ขนที่มันลุกชัน อย่างอื่นของเขาก็ด้วย
เอาเถอะ แค่สามวัน เขาจะรีบปั๊มลูกให้ติดไว ๆ แค่นี้ก็เรียบร้อย
แต่สามวันเชียวหรือวะ จุติทะเลาะกับตัวเอง แลวก็คอตกลงอีกครั้ง เมื่อนึกถึงคำว่า ‘สามวัน’
‘สามวัน! อีกสามวัน! อีกแค่สามวันเท่านั้น!’