เขาไม่อาจบรรยายได้ว่ายามนี้ตนเองรู้สึกเช่นไร ระหว่างเสียใจที่ถูกหญิงต่ำช้าหลอกลวงตลอดมา หรือว่าเสียใจในเรื่องของใครบางคนที่สายไปจนเกินกาล ใบหน้าหล่อเหลาของเหอหยิ่งหมิงเคร่งขรึมเย็นชา ทั่วร่างหนาใหญ่แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบออกมา ราวกับจะแช่แข็งอากาศรอบกายได้ เสียงครวญครางแว่วหวานของเพ่ยจียังคงติดตรึงอยู่ในโสตประสาทของเขามิรู้ลืม ยามอารมณ์กระสันของนางเดินทางมาเรื่อยๆ ท่ามกลางความมึนเมาจนพลั้งเผลอ นางครางเรียกนามของชายผู้หนึ่ง อาเต๋อร์... แน่นอนว่าเหอหย่งหมิงไม่รู้จักเจ้าของนามนี้ หากแต่ก็ได้ประจักษ์เห็นแจ้งแล้วถึงจิตใจนาง ชายหนุ่มหัวเราะเยาะตนเองอย่างขมขื่น มองเพ่ยจีด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ต่างจากมองคนงามในหอนางโลมเลยสักนิด เขาพาลนึกไปถึงยามที่ตนเองเสพสังวาสกับหญิงคณิกา บางคราพวกนางก็ครางเรียกชื่อของชายอื่นเยี่ยงนี้ ไม่แปลกหรือแตกต่าง! เหอหย่งหมิงเริ่มรับรู้ความรู้สึกแห่งความอัปยศอดสู