บทที่ 2
ชุลมุนวุ่นวาย...
“ผิง! มาช่วยทางนี้ก่อน”
“เดี๋ยวสิวะ! ตรงนี้ก็แย่เนี่ย”
“อิง! ไปเอากระเป๋ามาเร็ว”
“อย่าเพิ่งขยับค่ะ นอนนิ่ง ๆ ก่อน หนูกำลังจะช่วยคุณค่ะ คุณชื่ออะไรคะ เจ็บตรงไหนบ้าง” เมื่อเห็นว่าอาการคนเจ็บตรงหน้าผิงก็หนักไม่แพ้คนเจ็บที่นอนตรงหน้าตนเองเหมือนกัน แพงเลยต้องหันมาให้ความช่วยเหลือคนเจ็บของตนด้วยตัวเองก่อน แล้วหันไปตะโกนสั่งอิงให้วิ่งไปหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ที่พวกเธอมักนำติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
“ทำใจดี ๆ นะคะ ค่อย ๆ หายใจเข้าช้า ๆ ไม่ต้องกลัวค่ะ หนูเป็นหมอ...ค่ะ...ดีค่ะ” เมื่อสำรวจด้วยตาเปล่าคร่าว ๆ แล้ว แพงไม่เห็นบาดแผล หรือมีเลือดไหลตามอวัยวะสำคัญ ๆ จึงพยายามช่วยให้คนเจ็บผ่อนคลายอาการตกใจลง ด้วยการพูดปลอบและให้ความมั่นใจว่าเธอสามารถให้ความช่วยเหลือได้
แต่อาการหายใจผิดปกติของคนเจ็บที่นอนอยู่ตรงหน้า สร้างความหนักใจให้กับแพงอย่างเห็นได้ชัด
เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพรายออกมาตามบริเวณไรผม จนต้องยกมือขึ้นปาดออกลวก ๆ เพื่อไม่ให้ไหลมาเข้าตาจนเป็นอุปสรรคในการทำงาน เด็กสาวหันไปตะโกนสั่งไทยมุงที่เริ่มหนาตามากขึ้น ก็พอดีเห็นฝรั่งร่างยักษ์กลุ่มเดิมเริ่มกระจายตัวกันเพื่อกั้นไทยมุงทั้งหลายออกไปจากบริเวณ นึกชื่นชมในใจกับความมีน้ำใจของพี่ยักษ์หน้านิ่งสุดหล่อของยัยอิง
“ถอยออกไปค่ะ คนเจ็บจะได้หายใจสะดวก ใครเรียกรถพยาบาลทีค่ะ ผิงมาช่วยทางนี้ก่อน เร็ว!!!” เมื่อไทยมุงเริ่มถอยห่าง แพงเห็นคนเจ็บของผิงเริ่มขยับลุกขึ้นนั่งได้เองแล้ว เลยตะโกนเรียกเพื่อนให้มาช่วยอีกแรงเนื่องจากอาการหายใจติดขัดของคนเจ็บเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ดวงตาที่ปรือจะปิดไม่ปิดพร้อมกับริมฝีปากอ้าค้างคล้ายคนขาดอากาศ
“หัว...ใจ...หาย...ใจ....ไม่ออก” เสียงขาด ๆ หาย ๆ แผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน จับใจความได้ว่าคนเจ็บมีปัญหาเรื่องการหายใจ
“บ้าเอ้ย!....ผิง!” หันมาสบตากับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้าม พร้อมพยักหน้าให้กันอย่างมีความหมาย ก่อนช่วยกันจัดท่าทางคนเจ็บให้นอนราบกับพื้นเพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ หากคนเจ็บหมดสติก่อนรถพยาบาลจะมาถึง
“มาแล้ว ๆ เป็นไงมั่งแก” เสียงอิงวิ่งกระหืดกระหอบมาทรุดลงข้าง ๆ คนเจ็บที่ดูเหมือนจะอาการไม่ดีนัก เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“น่าจะมีปัญหาเรื่องการหายใจ เตรียมอุปกรณ์ เร็ว!” สิ้นเสียงสั่งของเพื่อนสาวผมยาว ผิงและอิงช่วยกันเปิดกระเป๋าบรรจุอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จำเป็น และนำออกมาวางเรียงกันด้วยความรวดเร็ว โดยไม่ต้องพูดจาอะไรกันมากนัก
ภาพสามสาวที่กำลังช่วยกันยื้อชีวิตของผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนกัน ทำให้ไทยมุงที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่บริเวณรอบ ๆ นั้นต่างช่วยกันภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อย่าให้ต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นเลย
สีหน้าจริงจัง เด็ดเดี่ยวของเด็กสาวทั้งสามที่กำลังร่วมมือกันยื้อลมหายใจที่กำลังจะหลุดลอยออกจากร่างของคนเจ็บโชคร้าย สร้างความตื้นตันใจให้กับทุกคนที่ยืนมอง พลางช่วยกันสวดมนต์ภาวนาเพื่อช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
“หายใจ หายใจ หายใจ เร็ว กลับมา หายใจ....” เสียงพึมพำไม่ขาด จากริมฝีปากบางที่กำลังใช้สองมือกดลงไปตรงช่องอกของคนเจ็บเป็นจังหวะ เพื่อกระตุ้นการหายใจ พอเหนื่อยหมดแรงก็ปล่อยมือให้อีกคนเข้ามาเปลี่ยน ผลัดกันทำอย่างคล่องแคล่วี่ยน ผลัดกันทำไม่นานนัก ซึ่งาก็
“รถพยาบาลมาหรือยัง ทำไมช้าอย่างนี้ล่ะ” ผิงหันไปตะโกนถามไทยมุงด้วยน้ำเสียงร้อนรน แม้เธอจะฉีดยากระตุ้นหัวใจไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนเจ็บจะรู้สึกตัว
“กลับมา...กลับมา...หายใจ...” เสียงเหนื่อยหอบจากคนที่กำลังออกแรงยื้อความตายยังคงดังต่อเนื่องไม่ยอมแพ้ อยู่ในความสนใจจากผู้คนที่รายล้อมนับสิบชีวิต รวมทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดเข้มกลุ่มใหญ่ ที่เคยนั่งแผ่รังสีความน่ากลัวจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ โดยเฉพาะชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีหน้าเงินเข้มลึกที่ลุกเดินตามเด็กสาวร่างบางมาติด ๆ เมื่อเห็นเธอวิ่งกระหืดกระหอบไปรื้อค้นกระเป๋าเดินทางเพื่อหาของสำคัญ แล้ววิ่งกลับไปยังกลุ่มคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อุบัติเหตุรถชนกัน เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
ไม่นาน อาการผวากระตุกเฮือกของร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง สร้างความดีใจให้กับคนที่ยืนดูเหตุการณ์โดยรอบ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกันของบรรดาไทยมุง และเสียงตบมือดังสนั่น ก็ทำให้ร่างของเด็กสาวนามว่าผิงและแพง ทรุดตัวหมดแรงอยู่ข้าง ๆ กับคนเจ็บไปเสียดื้อ ๆ พร้อมหลีกทางให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลซึ่งเพิ่งมาถึงทันเวลาพอดี ทั้งสามสาวช่วยกันเก็บอุปกรณ์ของตนเข้ากระเป๋าด้วยความโล่งใจที่ไม่ต้องมีเรื่องเศร้าในวันพักผ่อนสบาย ๆ แบบนี้
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกับเหตุการณ์เฉียดตายแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เจอ พวกเธอก็แทบหมดแรงทุกที การยื้อยุดฉุดกระชากลมหายใจกับมัจจุราชไม่ใช่เรื่องง่ายนัก มันสูบพลังออกจากตัวพวกเธอแทบไม่มีเหลือทุกครั้ง แถมวันนี้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องอีก ถ้าลงไปคลานสี่ขาได้พวกเธอคงทำไปแล้ว ทั้งสามสาวหันมองหน้ากันด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกยินดีมีความสุข กับสิ่งดี ๆ ที่ได้ทำร่วมกัน รอยยิ้มขอบคุณ จากใบหน้าซีดเซียวของคนเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาได้ ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มเปี่ยมสุขกระจายอยู่เต็มใบหน้าสวยทั้งสามคน สร้างความเอ็นดูให้กับผู้คนบริเวณโดยรอบจนต้องส่งยิ้มทักทายเมื่อทั้งสามสาวเดินผ่าน
“มันวันอะไรวะเนี่ย.....ให้ตาย....หิวววววว” อิงเดินหมดแรงนำเข้ามาภายในบริเวณที่นั่งรอ ปากก็บ่นโวยวายไม่จริงจังนักด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
“อิงนั่งรอนี่นะ เดี๋ยวแพงกับผิงไปซื้ออะไรมากินกัน”
“เร็ว ๆ เลยนะ หิวมาก มีอะไรที่กินได้ซื้อมาให้หมด” ตะโกนตามหลังสองสาวที่เดินแยกออกไป ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ ไม่สนใจใครจะว่าอย่างไร เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยและก็หิวมากจริง ๆ
“พวกหนูนี่เก่งจังเลยนะ” เสียงชื่นชมที่ได้ยินอยู่ด้านข้าง ทำให้ร่างบางซึ่งนั่งหลับตาเอนหลังพิงกระเป๋าสัมภาระอยู่กับพื้น สะดุ้งเล็กน้อยแล้วยื่นมือรับขวดน้ำเปล่าที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ขอบคุณค่ะป้า” ยกมือไหว้ขอบคุณน้ำใจของหญิงวัยกลางคนที่มอบให้ และไม่รอช้ารีบเปิดขวดน้ำที่มีน้ำแข็งเกาะพราว จนรู้สึกได้ถึงความเย็นจัดของของเหลวที่บรรจุอยู่ภายใน แล้วยกขวดขึ้นดื่มอัก ๆ ไม่สนใจว่าจะมันจะหกเลอะเทอะตามลำคอหรือเสื้อเชิ้ตตัวหลวมมากน้อยแค่ไหน
โดยไม่รู้เลยว่ากิริยาดังกล่าวตกอยู่ภายใต้สายตาคมของใครบางคนที่มักจะเหลือบมองมาอยู่ตลอดเวลา ด้วยสะดุดเข้ากับเสียงกังวานใส ที่ความเหนื่อยล้าไม่สามารถลดทอนลงไปได้เลย พลันเมื่อเหลือบลงมองตามหยดน้ำที่ไหลลงมาตามมุมปากบางจนมาสะดุดเข้ากับ ปลายยอดอวบดุนดันเสื้อเชิ้ตตัวหลวมจนเป็นรูปเป็นร่างไม่ต้องใช้จินตนาการอะไรมากนัก เมื่อมันสัมผัสกับความเย็นที่หกรดอย่างไม่ตั้งใจของเจ้าตัว ดวงตาคมเข้มตวัดมองไปยังสมาชิกคนอื่น ๆ ก็ให้รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครสนใจหันไปมองฉากวาบหวิวโดยบังเอิญของดาราจำเป็นเข้า
“พอดี เพื่อนหนูเป็นนักศึกษาแพทย์ค่ะป้า พอมีความรู้ช่วยได้ ก็ช่วยกันไปค่ะ” หลังจากดื่มน้ำดับกระหายจนแทบจะหมดขวดก็หันมายิ้มให้คุณป้าใจดี พร้อมให้ความกระจ่างเมื่อสังเกตเห็นแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด จากดวงตาของผู้สูงวัย และถึงแม้ว่าเธอ จะไม่ใช่นักศึกษาแพทย์เหมือนผิงกับแพง แต่อิงก็เป็นอาสาสมัครกู้ภัยและมีประสบการณ์ในการช่วยคนประสบเหตุมาแล้วเป็นเวลาหลายปี จึงไม่แปลกที่พวกเธอจะทำงานกันอย่างเข้าขาและคล่องตัวอย่างที่เห็น