ตอนที่ 2 ความผิดพลาดในอดีต (3)

1939 คำ
เอกสารสรุปรายได้เดือนที่แล้วของโฮสเทลถูกเจ้าของกิจการโยนทิ้งปลิวข้ามศีรษะเลขานุการไปเฉียดฉิว เลขาวัยสามสิบกลางๆ ยังหางานบริษัทอื่นไม่ได้จึงต้องทนทำงานกับเจ้านายที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวใจดีเดี๋ยวใจร้าย “แกแน่ใจนะว่านั่นคือรายได้ ไม่ใช่เศษเงินเศษทานจากใคร!” “ยอดจองห้องลดน้อยลงกว่าเดือนที่ผ่านมามากค่ะ จัดโปรโมชั่นแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ดิฉันขอเสนอให้รีโนเวทโฮสเทลนะคะเพราะมันเก่ามากแล้ว” “เป็นแค่เลขาฯ อย่าเสร่อมาแนะนำฉันที่เป็นเจ้านาย!” “ขอโทษค่ะ” เลขานุการรีบก้มหน้ามองต่ำ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาตามด้วยร่างอรชรของลูกสาวเพียงหนึ่งเดียว ของเจ้าของกิจการ “สวัสดีค่ะคุณแม่ คุยอะไรกันอยู่คะเสียงดังมาก” ก้าวเท้าเข้ามาฉับๆ อารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเพิ่งไปส่งปราณีขึ้นรถโดยสายลงภาคใต้ เห็นมีเอกสารตกบนพื้นจึงก้มลงหยิบมาอ่าน ทำให้เห็นว่ารายได้น้อยมาก “รายได้น้อยขนาดนี้ ขายกิจการเลยดีไหมคะคุณแม่” “ทำเป็นพูดดีไป ขายแล้วจะไปทำอะไรกิน!” คุณนันทินียังอารมณ์เสียจึงโต้แย้งลูกสาว “เธอออกไปได้แล้ว ไว้มีงานอะไรฉันจะเรียกเข้ามาใช้” “ค่ะคุณนัน” รอฟังคำนี้นานแล้ว เลขานุการรีบเดินออกไปจากห้องทำงาน “นุชแค่พูดเล่นเท่านั้นแหละค่ะ แต่เอ๊ะคุณแม่คะ ทำไมเราไม่ลองหาใครสักคนมาเป็นพาร์ทเนอร์โฮสเทลเราบ้าง เผื่อได้เงินทุนสักก้อนมารีโนเวท” แผนการร่วมทุนนั้นแค่กุขึ้นมาทว่านาทีนี้นีรนุชกลับคิดว่ามันมีประโยชน์ “ใครจะสนใจโฮสเทลเล็กๆ ของเรา ไม่มีหรอก” “นุชจะลองไปปรึกษาเจ้าสัวดนัยดีไหมคะ เผื่อท่านจะสนใจ” “ไปให้เมียเขาฉีกอกเหรอยะ อย่าเชียวนะ!” คุณนายถลึงตาใส่เพื่อเป็นการปรามลูกสาว ท่านรู้ว่าสมัยเรียนลูกสาวเคยถูกผู้ชายคนนั้นเลี้ยงอยู่ช่วงหนึ่งถึงได้มีชีวิตหรูหรา เที่ยวต่างประเทศ กินร้านอาหาร ช็อปของแพงๆ แต่เพราะตอนนั้นท่านติดสามีใหม่มากจนไม่สนใจแล้วแต่มันจะทำอะไร ฝ่ายนีรนุชนั้นยิ้มไม่ออก เข้ามาลากเก้าอี้ออกนั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน “หรือถ้าไม่ให้นุชลองติดต่อ คุณแม่ก็หาพาร์ทเนอร์ใหม่เองเถอะนะคะ นุชขอพูดหน่อยเถอะว่าถ้าเราไม่รีบรีโนเวทโดยเร็ว คุณแม่ก็เตรียมติดต่อนายหน้าไว้ขายโฮสเทลได้เลย กิจการของเราไม่มีวันไปรอดหรอก!” “นังนุช! แกจะมาแช่งธุรกิจที่ฉันกับพ่อแกสร้างขึ้นมาไม่ได้นะ!” “นุชไม่ได้แช่งแต่แค่พูดความจริง ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ รายได้เราลดน้อยลงทุกวันนุชเป็นคนดูแลงานจะไม่รู้ได้ยังไง มีแต่คุณแม่คนเดียวนั่นแหละที่ปิดหูปิดตา เพราะกลัวสามีใหม่จะรู้ว่าเราตกอับแล้วจะทิ้งคุณแม่!” คุณนายตบมือลงบนโต๊ะเสียงดังโครม “แกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ชี้หน้าไล่ไม่ถึงสองวินาทีลูกสาวก็สะบัดใบหน้าลุกเดินออกไปจากห้องทันที เหวี่ยงประตูปิดเสียงดังโครมตามอารมณ์ความรู้สึกที่มันกำลังเดือดจัด เมื่อได้อยู่คนเดียวภายในห้องทำงานเล็กๆ ของโฮสเทล คุณนายรีบยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะเป็นจริงตามลูกสาวพูด ท่านกลัวแฟนใหม่ที่อ่อนกว่าแปดปีจะตีจาก ไม่ได้! เห็นทีต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเรียกลูกค้ากลับคืน! ช่วงเวลากลางวันแดดร้อนจัดเผาผิวคนงานจนไหม้เกรียม ทว่าไม่มีใครสนใจเพราะพวกเขาต่างมีผิวพรรณที่เข้มกว่าคนปกติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รวมถึงเจ้าของสวนเองก็ด้วย อิทธิพลยืนคุยงานกับหัวหน้าคนงานพ่วงตำแหน่งพี่ชายคนสนิทอย่างตติยะ ตติยะเป็นชายวัยฉกรรจ์อายุมากกว่าเขาสามปีทำงานด้วยกันมานาน หน้าอย่างโหด เสียงอย่างเข้ม แต่ดูสดใสมากตั้งแต่กลายเป็นว่าที่คุณพ่อลูกสอง “ไปกวนตีนเขาบ่อยๆ ระวังเถอะเขาจะมาทำร้ายเอา” “จะทำอะไรก็ช่างหัวมันสิ เหม็นหน้ามัน” “นายยอมเสียเงินสี่สิบห้าสิบล้านเพราะเกลียดหน้ามัน โอ้มายก๊อด!” มีจริตเหลือเกินยกมือทาบอก อิทธิพลมองแล้วหัวเราะตาม “นายอิฐ นายอิฐครับ คุณกริชมาขอพบครับ” คนงานวิ่งเข้ามาขัดบทสนทนา มองตามไปก็เห็นหลานมารออยู่แล้วจริงๆ จึงไล่คนงานให้ไปทำงานต่อ “สอนงานตั้งแต่เด็กอย่างนี้ ว่าที่มือขวาชัดๆ ถ้าทำงานเข้าที อย่าลืมให้ทิปสักแสนล่ะ” ตีอกน้องชายหนึ่งที พวกเขาต่างรู้กันว่าหมายความว่าอะไร “รู้แล้วน่า ” ว่าพลางโยนขวดน้ำให้พี่ชายนำไปเก็บ ส่วนเขาเดินไปหาหลานชาย สวนยางแห่งนี้มีโซนสวนผสมผสาน มีปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา เป็นแหล่งอาหารชั้นดีที่เจ้าของสวนริเริ่มทำไว้เพื่อจะได้นำกลับมาปรุงเป็นอาหารเช้าและอาหารกลางวันให้กับชาวสวนยาง แต่ละวันจะมีแบ่งเป็นกะทำงานช่วงกลางวัน และกรีดยางในช่วงเวลากลางคืน นอกจากนั้นก็ยังมีพนักงานที่ทำงานประจำในสำนักงานของสวนยาง ทุกคนมีสิทธิ์มารับประทานอาหารที่นี่ตลอดจนสามารถห่อกลับไปฝากลูกหลานที่บ้านได้ “ผมแวะมาส่งงานครับอา” “ไปคุยที่สำนักงาน” เขาขัดไว้ก่อนเจ้าหลานจะพูดมากกว่านี้ “ได้ครับ” กริชรับคำแล้วแยกกับอาหนุ่มไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่เพิ่งได้มาไม่กี่เดือนนี้เอง เป็นของขวัญวันเกิดจากญาติผู้ใหญ่ในตระกูล ทั้งสองมาถึงสำนักงาน และเมื่อเจ้าของสวนยางก้าวเท้าเข้ามาข้างในก็สามารถเขย่าหัวใจพนักงานหลายคนได้ ไม่ว่าใครจะกำลังกินของหมักดองหรือเล่นเฟซบุ๊ก ทุกคนพร้อมใจหันหน้าเข้าหางานทำอย่างตั้งใจ แต่ละคนเหงื่อไหลพลั่กๆ เมื่อสายตาคมกริบของเจ้านายตวัดมามองเรียงหน้าทีละคน ทว่าไม่ได้ด่าหรืออะไรเร่งฝีเท้าเข้าไปข้างในตามหลังมาด้วยน้องกริช หลานชายของคุณอิฐ ก่อนถึงประตูห้องทำงานเด็กวัยรุ่นแสนรู้หันกลับมาทำมือโอเคให้ทุกคน พี่ๆ ทั้งหลายต่างส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ต่างงุนงงว่าโอเคตรงไหนคะคุณน้องกริชขา กริชดึงประตูปิดลงแล้วเข้าไปยืนใกล้โต๊ะทำงานของอา วางซองสีน้ำตาลบรรจุเงินลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ อาหนุ่มเดินอ้อมมานั่งลงเก้าอี้หยิบซองดังกล่าวมาเปิดนับเงิน กริชทำหน้าลุ้นรอคอยว่าจะได้ส่วนแบ่งจากอาอิฐกี่บาท “ตรวจได้เลยฮะ ผมได้มาหนึ่งแสนสองหมื่นสามพัน ยังขาดอีกหลายคนแต่เดี๋ยวผมไปตามจี้เก็บเพิ่มให้ครับ ที่ยังเหลือก็มีตามรายชื่อในกระดาษแผ่นนั้น” อิทธิพลยังไม่ตอบอะไร นับเงินเสร็จเห็นว่าครบก็หยิบกระดาษแนบรายชื่อขึ้นมาดูประกอบกับสัญญาต่างๆ ที่มีการเซ็นรับทราบระหว่างสองฝ่ายว่าได้ทำการชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว เช็คดูทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบพบว่ามีประมาณห้าหกคนเท่านั้นที่ยังไม่ชำระหนี้ในรอบนี้ รวมกันก็ยังเหลืออีกร่วมหนึ่งแสนบาท คนงานที่มาหยิบยืมไปแต่ละคนจะต้องหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ย และมีกำหนดจ่ายยอดทั้งหมดตามระยะเวลาการกู้ยืมระยะสั้นที่ให้ไม่เกินสามปี “เก่งไม่เบานะเนี่ยเรา ไปฝึกสกิลการทวงนี้มาจากไหน หรือพ่อสอนมาดี ทำไมเก็บได้เยอะขนาดนี้” ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะตามเก็บเงินได้เกินครึ่งในระยะเวลาไม่กี่วัน เจ้ากริชเพิ่งจะขึ้นมหา’ลัยชั้นปีที่สองเท่านั้นแต่กลับสามารถจัดการธุระเรื่องนี้แทนเขาได้ อนาคตมือขวาเขาตามที่มันฝันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เหลือแค่รอเวลาให้เจ้ากริชเรียนจบมหา’ลัยเท่านั้น “เยอะที่ไหนครับอา ยังเหลืออีกตั้งหกคน” เด็กหนุ่มหัวเราะเขินๆ “ถ้าตามเก็บต่อให้ครบได้อาจะมีค่าขนมเพิ่มให้อีก แต่ถ้ามีคนเบี้ยวไม่ยอมจ่ายหนี้ห้ามจัดการเองเด็ดขาด ให้มาบอกอา” ให้มาบอกอา ให้มาบอกอ้าา เสียงนั้นสะท้อนเป็นแอคโค้ในหัวของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปี กริชหัวเราะแบบไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกขนลุกซู่แทนลูกหนี้ที่เหลือทั้งหกคนกลัวว่าอาหนุ่มสุดหล่อจะเล่นบทโหดใส่ “ผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเบี้ยวหนี้อาอิฐหรอกครับ” “ขอยืมก็ให้ยืม ถึงเวลาคืนลองคืนไม่ตรงตามกำหนดดูสิ!” เห็นทีปิดเทอมครั้งนี้ต้องไปลองเก๊กโหดหน้ากระจกแล้วมั้งกริชเอ๊ย ความดุดัน โหดเหี้ยมไม่ได้ครึ่งอาอิฐเลย ทั้งที่ยกอาให้เป็นไอดอลแท้ๆ แต่เขากลับยังเหมือนเด็กน้อยง้องแง้ง เจอหน้าใครก็ยิ้ม เจอศัตรูก็ยิ้ม เจอนักเลงที่ตัวโตกว่าก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเพราะกลัวเขายกพวกมารุมกระทืบ ไม่ได้การล่ะ หนุ่มหล่อตั้งใจไว้ว่าต้องทำหน้าขรึมให้ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่อยากขรึมเท่าไหร่เพราะอยากรู้ค่าขนมมากว่า อาอิฐกดเครื่องคิดเลขต่อเสียงดังมากไม่นานก็หักจากในยอดดังกล่าวมาส่งให้ เด็กหนุ่มตาลุกวาวเพราะอาให้มาหลายพันมากบวกเพิ่มให้เป็นรางวัลสำหรับงานชิ้นแรก “ขอบคุณครับอา ต่อไปนี้มีงานอะไรเรียกใช้ผมได้เลยนะ ผมทำงานได้หมดเลย” แล้วก็ร่ายยาวบอกว่าตัวเองทำงานอะไรได้บ้าง จนต้องสั่งให้หยุด “ไว้มีงานอะไรเพิ่มเติมอาจะโทรเรียกมาใช้แล้วกัน รีบกลับบ้านได้แล้ว อย่าเถรไถลไปมีเรื่องกับใครเชียว ติดคุกติดตารางมาอาไม่ช่วยนะ!” “ผมเป็นเด็กดีร้อยเปอร์เซ็นครับ ลาล่ะครับอา” กริชยกมือไหว้อิทธิพลก่อนฮัมเพลงอารมณ์ดีเดินออกไป ส่วนทางด้านเจ้าของสวนยางนั้นนำเงินส่วนที่เหลือไปเก็บในตู้เซฟ กองรวมๆ กันในนี้มีหลายแสนแล้วยังไม่มีเวลาเอาไปเก็บในธนาคาร เขาไม่ได้ปล่อยกู้เป็นทางการแต่ถ้าคนงานในสวนมาขอยืมก็ยินดีจะให้กู้ ในสายตาคนแถบนี้อิทธิพลจึงเป็นคนที่ทรงอิทธิพลสมชื่อ วันนี้วันศุกร์ล่วงเลยเข้าไปบ่ายสามแล้ว เขาเคาะปลายนิ้วลงขอบโต๊ะปรายสายตาเหยียดๆ มองโทรศัพท์ จนป่านนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากสาวขายบริการคนนั้น เขาจ่ายเงินให้แสนห้าและขีดเดตไลน์ว่าต้องมาถึงวันนี้ หวังว่าเจ้าหล่อนคงไม่คิดอยากลองดีหอบเงินเขาหนีหรอกนะ ฮึ! ก็ลองดูสิ จะตามเล่นงานถึงกรุงเทพให้น่วมไปไหนไม่ได้สักสามวันสามคืน! .................. แนวโรมานซ์ ดราม่าเข้มข้น ฝากด้วยนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม