ผ่านไปราวสิบถึงสิบห้านาทีหล่อนเห็นมีกระบะเก่าโทรมคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้าน คนข้างในร้านที่มีลูกค้าไม่กี่โต๊ะต่างซุบซิบนินทาอะไรไม่รู้ ทุกสายตาต่างมองไปที่รถคันนั้น และเมื่อมีคนลงจากรถเสียงเหล่านั้นก็เงียบลง แม้แต่แม่ค้าเองก็ไม่กล้าหันไปมองชายหนุ่มหน้าตาคมคาย หล่อเหลา รูปร่างกำยำสูงโปร่ง สายตาเขาดุมาก เดินเข้ามาในร้านโดยไม่ยิ้มเลยสักนิด
ราวกับมีภาพสโลโมชั่นในหัว ใจปราณีเต้นแรงมากรู้สึกตกหลุมรักผู้ชายหน้าหล่อ มาดเข้มคนนี้ รถเขาเก่ามากถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเห็นเข้าอาจจะรังเกียจ แต่สำหรับปราณีแล้วของนอกกายพวกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย
“ชื่อนีย์ใช่ไหม” เขาเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะ ถามเสียงห้วน
“เอ่อ… ค่ะ คุณอิทธิพลใช่ไหมคะ”
“ใช่” เสียงยังห้วนเหมือนเดิม
สายตาคมกริบจ้องมองเจ้าหล่อนหัวจรดเท้าอย่างหัวเสีย มือหล่อนยังถือแก้วน้ำอยู่ด้วยซ้ำในขณะที่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา อิทธิพลย่นหัวคิ้วใส่ หงุดหงิด หล่อนใส่ชุดบ้าอะไรวะ เสื้อยืด กางเกงยีน หน้าก็ไม่แต่ง จืดชืดยิ่งกว่าซากศพแล้วอย่างนี้ใครมันจะไปกระเดือกลง
หรือดูถูกหาว่าเขาเป็นเศรษฐีบ้านนอกคงไม่กระเป๋าหนักแบบเจ้าสัวคนนั้น จะแต่งหน้าแต่งตัวมายังไงก็ได้! เขาเห็นคนในร้านต่างคอยเงี่ยหูฟังจะได้มีเรื่องไปเม้าท์กับเพื่อนบ้าน ว่านายอิฐเอาอีกแล้วเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
“ตามมา!” เอ่ยเท่านั้นกายกำยำก็เดินกลับไปยืนรอที่กระบะคันเก่า
ปราณีกลัวเขาจะรอนานรีบกุลีกุจอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า หยิบเงินออกมาเตรียมจ่าย แล้วสะพายกระเป๋าเป้ใบพอดีตัวไปจ่ายเงินค่าข้าว
“เท่าไหร่คะ” ถามพลางมองกลับไปข้างหลัง สงสัยว่าทำไมคนในร้านถึงมองหน้าตนเองแปลกๆ หรือคิดว่าหล่อนกับผู้ชายคนนั้นหนีตามกันมา
“ข้าวมันไก่พิเศษสี่สิบบาทจ้ะ”
แม่ค้ารับแบงค์ห้าสิบมายัดใส่กระเป๋าผ้า ขณะทอนเงินก็พูดต่อตามประสาคนพูดมาก “รับไหวเหรอตัวแค่นี้เอง นายอิฐดุนะบอกไว้ก่อน”
“คุณอิฐดุมากเลยเหรอคะ” ปราณีมีสีหน้าหวาดกลัว
“ที่สุดในสามโลก รวยแต่ดุ ไม่ไหวหรอกนะ”
แม่ค้าขายข้าวมันไก่แค่นเสียงหัวเราะในลำคอร่วมด้วย แต่พูดเสียงดังไม่ได้เพราะนายอิฐยืนอยู่ไม่ไกล
รับเงินทอนมาด้วยสายตาขลาดๆ ใบหน้าสวยซีดเซียวลงมากก้าวเท้าติดๆ ขัดๆ ออกจากร้าน หยุดยืนเพื่อจะมองเสี้ยวใบหน้าคมคายของชายคนนั้น
ที่… ดุจริงๆ นั่นแหละ