“สนบ้างสักนิดก็ดีนะ ถามจริง มันตัดไม่ได้เลยเหรอเรื่องพวกนี้”
“ได้ แต่ไม่รู้จะตัดไปทำไม ผมไม่ได้มีเมียเป็นตัวเป็นตนสักหน่อย เอาเป็นว่าผมจะเพลาๆ ลงให้บ้างก็แล้วกัน” รับปากส่งๆ รำคาญจะพูดถึงเรื่องนี้
“แม่ไม่เข้าใจเลยอิฐ ทั้งที่ตระกูลเราก็ไม่มีคนติดเรื่องอย่างว่าขนาดนี้ แล้วทำไมลูกถึงติดนัก ไปหาหมอบ้างก็ดีนะ”
“แม่ครับ แค่เรื่องงานผมก็เครียดมากแล้วนะ” เงยหน้าขึ้นมาจ้องท่านต่อเนื่องหลายวินาที เชิงจะบอกว่าอย่าสร้างเรื่องให้เขาเครียดเพิ่มได้ไหม
“ตามใจเถอะ จะทำอะไรก็ทำนี่มันชีวิตของอิฐนี่นา!”
“ผิดตรงไหนล่ะครับแม่ ผมยังโสดอยู่นะ!”
“โสดเหรอ ก็เพราะทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอหนูพราวถึงต้องตาย”
“แม่!” คำรามใส่ลั่นห้อง เกิดความเงียบไม่มีใครพูดอะไรหลายวินาที กระทั่งคุณนายพูดทำลาย
“แม่พูดความจริง จะพอใจหรือไม่พอใจก็แล้วแต่อิฐเถอะนะ แม่แวะมาเตือนอิฐแค่นี้ แม่กลับก่อนล่ะจะแวะไปรับหลานที่โรงเรียนกลับบ้านด้วย”
ไม่มีคำว่าขอโทษหรืออะไรทั้งนั้น คุณนายรัศมีลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องทำงานของลูกชายในทันที ทิ้งอิทธิพลให้นั่งกุมขมับเพียงลำพังบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ พยายามลืมเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนั้น แต่นี่ก็ผ่านมาร่วมแปดปีแล้ว เขากลับไม่สามารถลืมได้เลยแม้แต่เสี้ยวสายตาแห่งความเสียใจ พราวฟ้าถูกรถชนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา และก่อนตายหล่อนมองมาที่เขา!
‘ฮือๆ อิฐทำกับพราวแบบนี้ได้ยังไง ทำลงไปได้ยังไง’ พราวฟ้าตัดพ้อทั้งน้ำตา ต่อว่า ด่าทอ กำหมัดทุบลงกลางอกเขาหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาล และนั่นเป็นวันสุดท้ายที่เราได้ยืนอยู่ข้างๆ กัน อิทธิพลนั่งในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนกระทั่งฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน ปล่อยใจให้จมดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด เจ็บใจ เสียใจ สารพัดความรู้สึกตั้งแต่มารดาหลุดปากพูดถึงพราวฟ้า
‘เลิกกันเถอะ พราวว่าเราคงอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้ว’ สายตาหล่อนในวันนั้นมองมาด้วยความเจ็บปวด สะท้อนเข้ามาในหัวใจเขาที่กำลังพังทลายลง
พราวไม่ผิดที่ขอเลิก หล่อนเสียใจมากวิ่งหนีไปเขาพยายามวิ่งตามสุดฝีเท้า แต่กลับวิ่งไปเห็นวินาทีที่หล่อนถูกรถชนเข้ากลางตัวจนร่างหล่อนลอยไปไกลหลายเมตร และเสียชีวิตคาที่
“ผมขอโทษนะพราว ขอโทษ…” เพราะเรื่องวันนั้น เขาถึงไม่กล้าเปิดใจให้ผู้หญิงคนไหน ไม่กล้าแม้แต่จะรักใครอีกเพราะกลัวจะต้องสูญเสียเหมือนในวันนั้น ผู้ชายเลวๆ อย่างเขามันเหมาะสมแล้วกับการอยู่คนเดียว และซื้อผู้หญิงกิน
‘มึงไม่ต้องมีใครหรอกไอ้อิฐ ชั่วชีวิตนี้มึงอย่าฝันเลยว่าใครจะมารักตัวตนรักจิตใจของมึง รอจนตายก็จะมีแต่พวกอีตัวเท่านั้นแหละที่อยากอยู่กับมึง!’
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของพ่อพราวฟ้า ท่านด่าเขาในวันเผาศพทั้งน้ำตา
หวนคิดถึงอดีตทีไรน้ำตามักจะไหลลงมาทุกครั้ง อิทธิพลดิ่งความรู้สึกลงไปให้สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องอ่อนแออีก ต้องทนให้ได้ไม่ว่าใครจะด่าเขาว่ายังไง
ไม่มีใครรักก็ช่าง เพราะเขาก็ไม่คิดจะรักใครอีกเหมือนกัน!
เขาพยายามเช็ดน้ำตาออกหลายครั้งจนเกลี้ยงเกลา รอคอยการติดต่อมาของโสเภณีคนนั้น ณ เวลานี้เขาเครียดและอยากระบายอารมณ์ให้หมดไป
ควรจะมาถึงนานแล้วสิ แต่ทำไมป่านนี้ยังไม่โผล่หัวออกมา! อิทธิพลระบายลมหายใจเข้าออกอย่างผิดธรรมชาติ และในที่สุดการรอคอยของเขาก็สัมฤทธิ์ผล มีสายเรียกเข้าจากเบอร์แปลกที่ไม่ใช่เบอร์เดียวกับก่อนหน้านั้นที่เคยใช้ติดต่อขอซื้อบริการ ฮึ! โสเภณีระดับนี้ การจะมีเงินซื้อโทรศัพท์หรูหลายๆ เครื่องไว้รับแขกก็คงไม่ใช่เรื่องเกินตัวอะไร เหยียดริมฝีปากรังเกียจเดียดฉันท์ปรายสายตามองจนกระทั่งหน้าจอขาวสว่างดับลง และในครั้งที่สองของการพยายามติดต่อเข้ามาเขาถึงยอมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
‘สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อนีย์ ใช่เบอร์คุณเจ้าของสวนยางไหมคะ’ เสียงสั่นแสนหวานเอ่ยมาตามสาย
“ใช่!” ตอบด้วยเสียงห้วน เข้ม
‘ดิฉันมาจากกรุงเทพนะคะ มาติดต่อเรื่องงาน’
“รู้แล้ว ตอนนี้เธออยู่ไหนฉันจะไปรับ”
ดึงลิ้นชักเล็กออกเพื่อควานหากุญแจกระบะคันเก่า อายุใช้งานร่วมสิบปี แค่นี้ก็พอแล้วมั้งสำหรับการไปรับผู้หญิงขายบริการ
‘ดิฉันเพิ่งมาถึง บขส. ในอำเภอค่ะ รอแถวร้านข้าวมันไก่ ดิฉันมาในนามของคุณนุชนะคะ เธอบอกว่าคุณมีที่พักให้ก็เลยลองโทรมาถามก่อน’
“คุณนุช?” งง นุชห่าเหวอะไร พูดเรื่องอะไรวะ
‘ดิฉันชื่อนีย์ค่ะ มาติดต่องานแทน’
“รอแถวนั้นแหละ เดี๋ยวจะขับรถไปรับ”
ในส่วนของปราณีนั้น หลังวางสายหล่อนตกใจและแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมน้ำเสียงนายทุนคนนี้ถึงเย็นชานัก แต่ถึงอย่างนั้นสาวหน้าตาดีจากเมืองกรุงก็ยิ้มสู้เสือ ซึ่ง… น่าจะเป็นเสือตัวร้ายด้วยมั้ง
ภายในสถานีขนส่งมีคนอยู่ไม่มากหลังแยกย้ายลงจากรถทัวร์ก็กลับบ้าน ร้านค้าเล็กๆ แถวนี้ก็เริ่มปิดไปเยอะแล้ว เหลือแค่ร้านอาหารตามสั่งบางร้านที่ยังเปิดให้บริการเท่านั้น
ปราณีสั่งข้าวมันไก่มากินรองท้องเพราะไม่อยากรบกวนนายทุนคนนี้มากนัก แค่เรื่องที่พักก็เกรงใจจะแย่แล้ว กว่าจะมาถึงเมืองนครศรีธรรมราชในเวลานั่งรถทัวร์ร่วมสิบชั่วโมง ไหนจะต้องต่อรถภายในจังหวัดมายังอำเภอรอบนอกจึงทั้งเหนื่อยและหิวมากกว่าปกติ ปราณีสั่งข้าวมันไก่ต้มแบบพิเศษ ราดน้ำจิ้มเยอะเกือบท่วมจาน ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย มือไม้เริ่มสั่นน้อยลง
เมื่อกินจนหมดแล้วปราณีไม่ได้รีบไปจ่ายเงินในทันที เพราะกำลังรอคอยคนมารับ กลัวออกไปข้างนอกแล้วจะไม่มีที่นั่งรอ และนี่ก็มืดมากแล้ว