BAD OBLIGATION 3 คู่หมั้น

1389 คำ
พรึบ! เสียงอะไรบางอย่างกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงทำให้ฉันที่นั่งเหม่ออยู่นั้นสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ "ไง เหม่ออะไรอยู่" เดลเอ่ยถามขึ้น ซึ่งอีกฝ่ายก็คือเพื่อนสนิทในมหาลัยของฉัน ตอนนี้พวกเราเรียนอยู่ปีสองคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่นของมหาลัยคิงตัน มหาลัยที่โด่งดังที่สุดในย่านนี้ แน่นอนว่าฉันกับเดลนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ด้วยความที่เราสองคนมีอะไรเหมือน ๆ กันหลายอย่างเลยทำให้ค่อนข้างสนิทกันง่าย ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยสินะ ฉันชื่อริชชี่ อายุยี่สิบปีและจะยี่สิบเอ็ดในไม่กี่เดือนข้างหน้า ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้าแบรนด์หรูระดับโลก โดยพ่อกับแม่เป็นคนบริหารธุรกิจของบ้าน ส่วนตัวฉันกับน้องชายตอนนี้ก็แค่มีหน้าที่เรียนให้จบ ใช่...ฉันมีน้องชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ราล์ฟ ห่างกันสองปี อยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายโรงเรียนเอกชนชื่อดัง "นี่ ทำไมเงียบเนี่ย" เดลถามขึ้นอีกครั้งทำให้ฉันได้สติ "ก็...ไม่มีอะไร" ฉันตอบกลับไปด้วยท่าทีปกติราวกับไม่ได้เหม่อนึกถึงอะไร ทั้งที่ความจริงแล้ว...มันไม่ใช่เลย เพราะกำลังนั่งนึกถึงเรื่องราวเมื่อสามเดือนก่อน เรื่องคืนนั้น... 'เอาเงินไปซื้อยาคุมซะ...แล้วอย่าคิดปล่อยให้ท้อง' พรึ่บ! ตั้งแต่วันนั้น... ฉันก็ต้องกลายเป็นคนรองรับอารมณ์ของเขามาตลอด "โกหกไม่เนียนเอาซะเลย นึกถึงเรื่องนั้นอีกละสิ" เดลพูดอย่างรู้ทัน "..." ฉันก็นิ่ง "แล้วคืนนี้ เขาจะมาหาเธอไหม" เดลถามฉันเนื่องจากรู้ทุกอย่าง เพราะเราสองคนมักจะคอยปรึกษานั่นนี่กันอยู่ตลอด "ไม่รู้สิ ไม่มามั้ง" ฉันตอบกลับไปอย่างเอาแน่เอาแน่กับคนอย่างมาร์ตินไม่ได้ สงสัยใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันจะขอเล่าแบบคร่าว ๆ ให้ฟัง คือที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้าแบรนด์หรูใช่ไหม มันก็เติบโตเป็นอย่างดีทั้งในประเทศทั้งต่างประเทศนั่นแหละ แต่อย่างทุกคนรู้ ถึงเราจะมีเงินมากแค่ไหน สิ่งที่ขาดไม่ได้และอยู่คู่กันคืออำนาจ บ้านฉันมีแต่เงิน ไม่มีอำนาจมากพอที่จะสามารถทำอะไร ๆ ได้ ฉันไม่ขอลงรายละเอียดนะแต่ก็คิดว่าหลายคนคงรู้ ยิ่งเรามีมากเท่าไหร่ ธุรกิจยิ่งไปไกลได้มากเท่านั้น สิ่งนี้แหละมันเลยทำให้ฉันต้องตกเป็นพันธะคู่หมั้นกับมาร์ติน เนื่องจากพ่อของเขาเป็นถึงสส.ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง เลยตกลงที่จะให้เราสองคนหมั้นกัน ง่าย ๆ เลย มันคือความสัมพันธ์แบบธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ล้วน ๆ เพราะครอบครัวเราสองคนไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันมาก่อน แน่นอนว่า...มาร์ตินไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้ต้องการจะหมั้นกับฉัน แต่ไม่สามารถที่จะขัดพ่อแม่ได้ เลยมาบีบบังคับฉันแทน โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่า...ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน 'แกต้องหมั้นกับมาร์ติน' '...' 'ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า ริชชี่' 'ได้ยินค่ะ แต่ทำไม...' 'ไม่ต้องถามเยอะ แกรู้ไว้แค่ว่า...ยังไงต้องหมั้นกับมาร์ตินให้ได้ก็พอ' '...' 'ทำตัวดี ๆ กับเขาไว้...' '...สส.เทพบดินทร์กับคุณหญิงโรสริน เขาอุตส่าห์เลือกแก' ฉันยังจำได้ดีว่าคุยกับพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ฉันเองต้องตกเป็นคู่หมั้นของมาร์ตินอย่างที่ไม่สามารถจะปฏิเสธหรือทำอะไรได้ ช่างเถอะ "ว่าแต่เธอเหอะ ไปแอบถ่ายแบบมาอีกแล้วเหรอ" ฉันหันไปมองหน้าถามเพื่อนตัวเอง เดลมักจะเป็นแบบนี้อยู่ตลอด ชอบแอบพ่อไปรับงานวงการ เห็นว่าจริง ๆ แล้วยัยนี่อยากจะเรียนด้านนิเทศมากกว่า แต่ว่าทางบ้านไม่ยอม "แอบถ่ายอะไร ไม่ได้แอบสักหน่อย" "ดื้อมาก ระวังพ่อเธอจับได้เถอะ" "โอ๊ย! แด๊ดดี้นะเหรอ...ไม่ทันฉันหรอกจ้ะ" ปากเล็กพูดพร้อมกับทำหน้าทำตาใส่ฉัน "หึ" ฉันจึงหัวเราะออกมากับท่าทีของอีกคน ก่อนจะก้มลงมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ LINE Richy : คืนนี้จะมาไหม Richy : มาร์ติน ไร้ซึ่งคนตอบ ฉันเองก็ส่งข้อความไปได้สักพักแล้วนะ ที่ถามก็เพราะถ้าเขามา ฉันจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ แต่... "..." เขาไม่ตอบ สงสัยวันนี้คงไม่มา มาร์ตินไม่ได้มาหาฉันทุกวันอย่างที่หลายคนเข้าใจหรอกนะ เขาจะมาหาแค่วันที่'อยาก'เท่านั้น "ไลน์ถามพี่มาร์ตินเหรอ" เดลถามขึ้น ที่เพื่อนเรียกมาร์ตินว่าพี่ไม่ต้องแปลกใจกันหรอกนะ จริง ๆ เขาอายุมากกว่าหนึ่งปีซึ่งเรียนอยู่ปีสาม แต่คนละมหาลัยกัน เป็นมหาลัยเอกชนเช่นกันแต่อยู่อีกโซนหนึ่ง ถามว่าไกลจากที่นี่มากไหม ก็ไม่นะ ไม่ไกลไม่ใกล้กันเท่าไหร่ ขับรถไม่ถึงสามสิบนาทีเลย "อืม" "ตกลงเขามาหาเธอไหมคืนนี้" "ไม่ตอบอะ น่าจะไม่" "ออ" เดลก็พยักหน้ารับรู้ก่อนก้มลงเล่นโทรศัพท์ของตัวเอง "เอาน้ำไหม ฉันจะไปซื้อ" ฉันเอ่ยถามอีกคนขึ้น "เอาน้ำส้มปั่น" "อืม" แล้วฉันก็ลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินอ่อนที่นั่งอยู่เพื่อเดินตรงไปยังร้านน้ำไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ในขณะนั้นเอง...อยู่ ๆ ก็มีร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาชนเข้าอย่างจัง "อ๊ะ" ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนจะเงยมองคนตรงหน้า "เป็นอะไรรึเปล่าครับ" เจ้าของใบหน้าหล่อดูดีเอ่ยถามฉันขึ้น "..." ฉันก็ส่ายหน้าตอบกลับไป เพราะเป็นพวก...ไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครสักเท่าไหร่ ผิดกับเดลที่ค่อนข้างเฟรนลี่กว่ามาก "ขอโทษด้วยนะครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันส่งยิ้มบาง ๆ ตอบกลับพร้อมกับทำท่าจะเดินหนีออกไป "ดะ...เดี๋ยวครับ" ผู้ชายคนนั้นเอ่ยเรียกฉันไว้ ทำให้ต้องหันไปมองหน้าเขา "?" "นี่ใช่ตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์รึเปล่าครับ" "ออ ใช่ค่ะ" ฉันตอบกลับไป "แล้วพอรู้ไหมครับว่าห้องสาขาจิตรกรรมอยู่ตรงไหน" "เอ่อ..." ฉันไม่ค่อยแน่ใจ "..." คนตรงหน้ายังคงจ้องมาราวกับรอคำตอบจากฉัน "ฉันไม่ค่อยแน่ใจ ยังไง...ลองไปถามยามตรงนั้นดูนะคะ" พูดจบ ฉันก็ยิ้มเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง "ไอ้เชี่ยโต้ง มึงอย่าไปยุ่งกับริชชี่" "ริชชี่?" "ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไง" "ทำไมวะ" "เอ้าไอ้สัส มึงไม่รู้เหรอ..." "...นั่นอะ ผู้หญิงของไอ้มาร์ตินลูกสส. คู่หมั้นมัน" ตึก สองเท้าพลันชะงักเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินตามหลัง ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ในตลอดสามเดือนที่ผ่านมา...ข่าวที่ฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของมาร์ตินต่างถูกกระจายออกไป ทำให้ทุกคนรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทั้งฉันอยู่ในฐานะผู้หญิงของเขา... ผู้หญิงที่เขาไม่เคยต้องการ ไม่เคยเลยสักครั้ง นอกจากเรื่องพวกนั้น... เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันได้สติ หยิบมันขึ้นมาเปิดดู แล้วแววตาก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า LINE English : ริช English : อยู่ไหน คนที่ทักเข้ามาก็คือ พี่อิงลิซ รุ่นพี่คนสนิทของฉัน เขาเป็นพี่สายรหัสด้วย อีกฝ่ายเป็นญาติของแม่มาร์ติน แล้วแม่พี่เขาก็ยังเป็นรุ่นพี่แม่ฉันอีกด้วย ทำให้เราค่อนข้างรู้จักกันดีในระดับหนึ่งเลย Richy : มหาลัยค่ะ Richy : พี่อิงมีอะไรรึเปล่า English : มีสิ English : Sent a photo English : ดูเอา "..." ฉันก็ยืนนิ่งไปทันทีกับสิ่งที่เห็น มันเป็นรูปของมาร์ตินที่กำลังเดินห้างอยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งด้วยท่าทีสนิทสนม อีกแล้วงั้นเหรอ... English : เอาไง Richy : พี่ส่งโลเคชั่นมาที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม