ภามินเงยหน้ามองร่างอรชรในชุดเสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพูกับกระโปรงยาวกรอมเท้าที่กำลังเดินออกมาจากตึกด้วยสายตาตื่นตะลึงจนแทบซ่อนอาการไม่มิด แม้เจ้าหล่อนจะอยู่ในชุดแสนเชย ปิดตั้งแต่ลำคอยันข้อเท้า แต่ความงดงามจากเรือนร่างระหงและใบหน้าสวยงามดุจนางสวรรค์ก็ทำเอาหัวใจกระด้างของเขากระตุกอย่างรุนแรงทีเดียว
รำไทยไร้ที่ติเหลือเกิน...
ปากคอคิ้วคางดูเหมาะเจาะลงตัวยิ่งนัก ไร้ที่ติจนเขาไม่สามารถละสายตาจากเจ้าหล่อนได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว จนได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ของมารดานั่นแหละถึงได้รู้ตัว
“ตาค้างเลยนะพ่อภาม...”
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้มารดาก่อนจะตวัดสายตากลับมาจ้องแม่สาวน้อยตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องขายหน้าบุพการีเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยสายตาขุ่นเคือง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จะกระตุ้นเจ้าความต้องการดิบเถื่อนในกายหนุ่มให้สำแดงฤทธิ์ขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้
ภามินกัดฟันแน่นอึดอัดปวดร้าวบริเวณซอกขาอย่างรุนแรงจนต้องขยับตัวเอง ความต้องการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ได้สบกับดวงตาหวานฉ่ำของเจ้าหล่อนในครั้งแรกที่ได้เจอกัน และมันก็เพิ่มพูนขึ้นทุกเสี้ยวนาทีที่เลยผ่าน แรงดึงดูดระหว่างเขากับหล่อนช่างทรงพลังอานุภาพนัก มากจนเขาอดหวาดกลัวต่อหัวใจของตัวเองไม่ได้
สักวันอาจจะหนีไปไม่รอด...
แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้แน่ เจ้าของความคิดสะบัดศีรษะทระนงของตัวเองแรงๆ ก่อนจะเค้นคำพูดที่จะสามารถหยุดความสงสัยไร้สาระของมารดาลงได้ออกไป
“ผมแค่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนใส่ชุดแม่ชีต่างหากล่ะครับ”
คราวนี้คนถูกจ้องเอาจ้องเอาถึงกับหน้าแดงก่ำ ตอนแรกก็แอบดีใจเพราะเห็นสายตาพึงพอใจที่ปิดไม่มิดของอีกฝ่ายที่มองมา แต่พอได้ยินคำพูดจากปากของเขาเท่านั้นแหละ หัวใจก็ได้แต่เหี่ยวเฉาลงทันที
“ดูพูดเข้า... ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ชายเราจะรอนานเปล่าๆ” พราวฟ้าเร่งบุตรชาย ขณะหันไปยิ้มอบอุ่นให้กับรำไทยราวกับต้องการให้กำลังใจหญิงสาว
“ไม่ต้องแคร์คำพูดของคนอื่นหรอกนะหนูรำไทย เพราะน้าเชื่อว่าผู้ชายเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ต้องมองหนูตาค้างแน่ๆ ไม่ว่าหนูจะอยู่ในชุดนางชีหรือชุดปิดหน้าปิดตาแบบสาวมุสลิมก็ตาม... จะมีก็ผู้ชายตาไม่ถึงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละที่มองข้ามความงามแท้ๆ ของหนูไปได้”
ท้ายประโยคพราวฟ้าจงใจจิกตามองบุตรชายคนเล็กของตัวเองเพื่อให้เขารู้ว่าหล่อนกำลังต่อว่าเขาอยู่ แต่พ่อเจ้าประคุณทำเป็นตีหน้าไร้ความรู้สึกซะงั้น
รำไทยพูดไม่ออกได้แต่ก้มหน้าก้มตา ขณะที่ภามินถอนใจออกมาแรงๆ และเป็นคนปิดการสนทนาทุกอย่างลงอย่างสิ้นเชิงด้วยตัวเอง
“ผมพอจะรู้ครับว่าคุณแม่เอ็นดูเด็กคนนี้ แต่ผมต้องรีบไปครับ พรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า” คนตัวโตก้าวฉับๆ เดินตรงไปขึ้นรถสปอร์ตคันโปรดแล้ว รำไทยจึงต้องรีบยกมือไหว้พราวฟ้ากับแม่บ้านทับทิม
“หนูคงต้องไปก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณภามินจะเคืองเอาได้”
พราวฟ้ากับแม่บ้านทับทิมรีบยกมือรับไหว้ “ไปเถอะจ้ะหนูรำไทย แล้วก็อย่าถือสาอะไรพ่อลูกชายตัวแสบของน้าเลยนะ เจ้าหมอนี่มันปากเสียแบบนี้แหละ สาวๆ ถึงได้หนีกันหมด”
“ไม่มีใครหนีสักคนนะคะคุณผู้หญิง มีแต่ถูกคุณชายเล็กเขี่ยทิ้งต่างหาก” แม่บ้านร่างท้วมรีบค้าน แต่แล้วก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของพราวฟ้าที่จ้องมองมา
“ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ...”
“ค่ะ คุณผู้หญิง...”
รำไทยระบายยิ้มบางๆ ออกมา “หนูจะอดทนค่ะ คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะต้องพึ่งพาคุณภามินน่ะค่ะ”
ปี๊น!!!
หญิงสาวหันหลังไปมองก็เห็นพ่อจอมมารนั่งหน้าบูดอยู่ในรถแล้วยังกดแตรเสียงดังสนั่นอีกต่างหาก นี่คงไม่พอใจมากสินะ
“หนูคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ ไปนะคะ”
“โชคดีจ้ะหนูรำไทย... เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ”
พราวฟ้าอวยพรตามหลัง มองจนสาวน้อยก้าวขึ้นรถและลับไปจากสายตาแล้ว จึงหันกลับมาพูดกับแม่บ้านทับทิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
“ทำไมพ่อภามต้องแสดงท่าทางรังเกียจหนูรำไทยนักนะ ฉันไม่เข้าใจเลยแม่ทับทิม”
“อิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ สงสัยจะไม่ถูกชะตากันมั้งคะ”
“ผู้หญิงสวยขนาดนี้จะมีใครในโลกไม่ถูกชะตาด้วยอีกเหรอ ไม่น่าเชื่อถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ไปอย่าง แต่นี่พ่อภามเป็นผู้ชายทั้งแท่ง เกย์ก็ไม่ใช่ กระเทยก็ไม่ได้เป็น แล้วทำไมทำท่าชิงชังแบบนี้ก็ไม่รู้...”
พราวฟ้าบ่นพึมพำขณะก้าวกลับเข้ามาในตึก ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาหรูหราในห้องโถงด้วยใบหน้าที่ยังนิ่วขมวดคิ้วอยู่เช่นเดิม ทับทิมเดินตามเข้ามาและคุกเข่าลงนั่งข้างๆ
“หรือว่าคุณชายเล็กจะไม่ใช่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์คะ” แม่บ้านร่างท้วมทำท่าตกอกตกใจ แต่พราวฟ้ากับเห็นว่ามันตลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
“ผู้หญิงสี่ห้าคนต่อเดือนนี่นะจะเป็นเกย์เป็นเก้ง นี่เอาหัวอะไรคิดน่ะแม่ทับทิม ถ้าพ่อภามเป็นเกย์นะผู้ชายในโลกนี้ก็เกย์ทั้งนั้นน่ะสิ คราวหลังอย่าพูดจาแบบนี้อีกนะ ฉันไม่ชอบฟังเลย”
“ค่ะ คุณผู้หญิง...”
แม่บ้านวัยเก่าแก่หน้าเจื่อน ถอนใจออกมาจากปากเบาๆ ขณะนั่งมองนายหญิงของบ้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คอย่างเงียบเชียบที่สุด