...ภาคต่อ ซาตานหัวใจหิน...
“ว่ายังไงนะคะคุณรัน...?!”
เสียงหวานใสที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของรำไทยดังขึ้นภายในห้องนอนของตัวเอง เมื่อคำขอร้องแกมบังคับของมารันพี่สาวบุญธรรมเล็ดลอดออกมาจากกลีบปากอิ่มสีกุหลาบนั่น
“ฟังไม่ผิดหรอกน่ารำไทย ฉันอยากให้เธอช่วยไปตามนัดแทนฉันหน่อย เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่อยากเจอหน้าพี่โรมพัท ฉันยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้รู้ไหม”
มารันสาวน้อยวัยยี่สิบสามปีเต็ม ใบหน้ารูปไข่ที่อยู่ในกรอบเส้นผมสีนิลหยักศกยิ่งขับความงดงามของสาวแรกแย้มออกมามากมายนัก ปากนิด จมูกหน่อย นัยน์ตาหวานซึ้ง สวยหยาดเยิ้มปานนางสวรรค์เชียวแหละ
รำไทยมีสีหน้าลำบากใจยิ่งนัก เพราะการนัดหมายของโรมพัทและมารันในครั้งนี้เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“แต่ว่าแม่มุกคงไม่พอใจ...”
“แม่กับพ่อไปทำธุระที่ต่างประเทศเดือนหน้าแนะถึงจะกลับ เอาน่า... รำไทยถือว่าช่วยฉันหน่อยก็แล้วกันนะ แค่ไปตามนัดแทนฉันที ให้ฉันไหว้ก็ได้เอ๊า...”
มารันทำท่าจะยกมือขึ้นไหว้จริงๆ แต่รำไทยรีบคว้ามือเรียวขาวสะอาดของพี่สาวบุญธรรมเอาไว้ทัน ก่อนจะพยักหน้ารับออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ค่ะ... แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ”
มารันรีบพยักหน้าหงึกๆ ฉีกยิ้มกว้างพร้อมๆ กับโผเข้ากอดร่างอรชรสมส่วนของรำไทยด้วยความดีใจ ในที่สุดหล่อนก็ไม่ต้องไปเจอหน้าตาโรมพัทนั่น ให้ฟ้าถล่มใส่หัวก่อนเถอะหล่อนถึงจะยอมแต่งงานด้วย ผู้ชายอะไรไปตั้งสิบกว่าปีไม่เคยติดต่อกลับมาหาเลย
“แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วล่ะ...”
“คุณรันพูดแปลก จังค่ะ พูดเหมือนกับว่า...” รำไทยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
มารันไหวไหล่บอบบางของตัวเองน้อยๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “อย่าคิดส่งเดชน่า ยังไงฉันก็ต้องตามไปสมทบด้วยอยู่แล้วล่ะ แต่ขอเวลาหน่อยเท่านั้นเอง เธอก็รู้นี่ว่าฉันเกลียดการคลุมถุงชน ไม่อยากแต่งงานกับตาบ้านั่น... หรือหากเธอแต่งแทนฉันได้ก็จะเป็นอะไรที่ดีที่สุดในสามโลกเลยแหละ...”
มารันหัวเราะแต่รำไทยไม่ขำด้วยเลยสักนิด “ฉันไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ คุณรันเป็นคู่หมั้นของคุณโรมพัทก็ต้องแต่งกันสิคะ จะมาให้ฉันแต่งแทนไม่ได้หรอก”
“หน้าตายังกับจิ้งจกเนี่ยนะจะมาสอยนางฟ้าอย่างฉันฝันไปเถอะ” หญิงสาวผู้พี่เบ้หน้าเมื่อภาพในอดีตเมื่อสิบห้าปีก่อนโผล่ขึ้นมาในสมอง
“หน้าตายังกับจิ้งจก...? ไม่ใช่มั้งคะ เท่าที่ฉันเห็น คุณโรมพัทหล่อมาก ตัวก็สูงๆ แถมยิ้มยังหวานอีกค่ะ”
รำไทยค้านและพูดความจริงตามที่เห็น แต่มารันหาได้สนใจไม่แม้ว่าตนเองจะยังไม่เคยเห็นโรมพัทในปัจจุบันเลยก็ตามที
“ต่อให้หล่อปานเทพบุตรมาจุติฉันก็ไม่สนหรอก คนอย่างมารันมีปัญญาหาสามีเองได้ไม่ต้องพึ่งบารมีของพ่อกับแม่หรอก”
คนพูดเชิดหน้างามๆ ขึ้นสูง เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้กับคำชื่นชมของรำไทยที่มีต่อโรมพัท ยังจำภาพในอดีตได้เป็นอย่างดี ภาพที่โรมพัทวิ่งหนีหล่อนอย่างเป็นเอาตาย แถมยังบอกอีกว่าหล่อนน่ะน่ารำคาญ อย่ามาวุ่นวายกับเขาอีกเด็ดขาด ถึงแม้ตอนนั้นหล่อนจะยังเด็ก แต่หล่อนก็จำได้ขึ้นใจทีเดียวและแค้นมากด้วย!
คอยดูเถอะ... หล่อนจะทำให้ผู้ชายคนนั้นกระอักออกมาเป็นเลือดให้จงได้
“แต่ว่าทางผู้ใหญ่หมั้นหมายคุณรันกับคุณโรมพัทแล้วนะคะ”
“มันก็แค่คำสัญญาน่าไม่เห็นจะมีอะไรสำคัญเลย และฉันนี่แหละจะทำทุกอย่างให้ตาบ้านั่นเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นซะเอง” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจผุดพรายขึ้นเต็มดวงหน้างามของมารัน
รำไทยถอนใจออกมากับความดื้อรั้นของพี่สาวบุญธรรม นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมารันถึงได้แสดงท่าทางรังเกียจโรมพัทถึงเพียงนี้
“แต่ฉันว่าแม่มุกกับพ่อณนไม่มีทางยอมหรอกค่ะ”
“ถ้านายนั่นเป็นคนถอนหมั้นพ่อกับแม่ไม่มีทางว่าฉันได้อยู่แล้ว และคนที่จะถูกประณามต้องเป็นนายโรมพัทต่างหากไม่มีทางเป็นคนฉลาดอย่างมารันแน่...” เจ้าของคำพูดอวดเก่งลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อพูดจบ ขณะจ้องมองหน้าน้องสาวบุญธรรมนิ่ง
“ชัยชนะมันอยู่ตรงหน้าฉันก็จริง แต่หากเธอไม่ร่วมมือกับฉัน แน่นอนว่าฉันคว้ามันไม่ได้แน่”
มารันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลง เดินเข้ามาหยุดตรงหน้ารำไทย พร้อมๆ กับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดครึ่งเอสี่ให้กับน้องสาวบุญธรรม
“ไปพบพี่โรมพัทแทนฉัน แล้วนี่...” ในที่สุดซองสีน้ำตาลก็เข้าไปอยู่ในมือของรำไทย
“เอาให้เขาด้วย แต่เธอห้ามเปิดดูก่อนนะ ไม่อย่างนั้นฉันโกรธจริงๆ ด้วย”
แม้มารันไม่กำชับแต่ด้วยนิสัยที่เคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น แน่นอนว่ารำไทยไม่มีทางเปิดเอกสารสำคัญของชาวบ้านดูตามอำเภอใจแน่
“เชื่อใจฉันเถอะค่ะ”
“ฉันเชื่อใจเธอ...” มารันยิ้มกว้าง ขณะเดินไปเกาะที่ขอบหน้าต่างห้องนอน
“เธอไปกรุงเทพฯ คราวนี้คงจะต้องอยู่ที่นั่นเป็นเดือนๆ หวังว่าจะอยู่ได้นะหากฉันตามไปช้าสักหน่อย”