“ถ้ารู้ว่าตัวหนักแบบนี้ ทิ้งไว้ที่ผับนั่นก็ดี” ร่างแบบบางของพาขวัญประคองร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายหนุ่มเข้ามาในคอนโดฯ สุดหรูของเขา พร้อมกับเสียงบ่นงึมงำตลอดทาง “เฮ้อ! เมาเละเทะ เมาเหมือน...”
น้อยคนที่จะรู้ว่าเตชน์ไม่ใช่เจ้านายสายตรงของเธอ แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอคนหนึ่ง ก็ไม่สมควรติฉินนินทาว่าร้าย
ลับหลังไม่นับ!
หญิงสาวจึงละคำนั้นไว้ในฐานที่เข้าใจ ก่อนจะหย่อนร่างสูงใหญ่ลงบนโซฟาเบด เกิดความลังเลเล็กน้อยว่าจะกลับทันทีหรืออยู่ดูแลเขาให้สร่างเมาก่อนดี
ปกติเตชน์ก็ดื่มกินกับเพื่อนฝูงเป็นปกติหลังเลิกงาน แต่เพราะทัศนัยหนึ่งในเพื่อนซี้ของเขาเพิ่งอกหักรักคุดมาหมาดๆ คนที่อยู่ปลอบจำต้องชนแก้วหนักไปด้วย จากคนคอแข็งจึงพลันเปลี่ยนเป็นคนคออ่อนได้ไม่ยาก
ถามว่านอกเหนือจากงานเลขาฯ เธอยังต้องมารับหน้าที่คอยส่งเขาถึงห้องทุกครั้งหลังปาร์ตี้ด้วยเหรอ
บอกเลยว่านี่คือหนแรก
ตลอดสามปีในสถานะเลขาฯ ของรองประธานบริษัท เธอไม่เคยทำเรื่องในทำนองนี้มาก่อนและเตชน์ก็รู้ดีว่าหน้าที่ของเธอคือเบ๊หน้าห้องทำงานเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเขาต้องพึ่งพาตัวเอง
แต่หลังจากภานุพูดให้ฉุกคิดได้ว่าความจนมันน่ากลัว คนที่กลัวว่าความลับจะแตก กลัวว่าจะถูกเจ้านายหนุ่มจับได้ว่าได้สร้างโลกสองใบเอาไว้ที่ทำงานและเรื่องส่วนตัว ก็ไม่อาจนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อีกต่อไป ที่สำคัญหากเธอตัดสินใจช้าไปสักนิด นั่นเท่ากับว่าเตชน์จะตกอยู่ในอันตราย ไม่ตายก็เฉียด เพราะปกติเวลาไม่เมาปากเขาก็...
ไม่... ไม่ เธอจะไม่นินทาเจ้านายเด็ดขาด!
พาขวัญย้ำในใจพร้อมกับสะบัดศีรษะไล่คำว่า ‘หมา’ ออกไปให้พ้นหัว ก่อนจะเติมคำในช่องว่างเสียใหม่
ปากพล่อย...
ให้ตาย! เธอคิดหาคำที่ดีกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
อย่างที่รู้กันดีว่าเตชน์เห็นของสวยๆ งามๆ เป็นไม่ได้ นางแบบ ดารา คนไหนเด่นดังเป็นคว้ามานอนได้ทุกราย ครั้นเห็นว่าลูกค้าที่มาใช้บริการของผับ แต่งตัววับๆ แวมๆ และไม่ได้มีดีแค่เซ็กซี่แต่เจ้าหล่อนยังพกพาความสวยมาอีกกระบุงโกย เลยพลั้งปากขอซื้อบริการ!
แต่บังเอิญว่าสาวเจ้ามีเจ้าของ และก่อนที่จะถูกผัวเจ้าหล่อนซ้อมจนปางตาย เบ๊หน้าห้องอย่างเธอจำต้องสวมบทเป็นเมียเจ้านาย เพื่อความแนบเนียนสมบทบาทจึงด่ากราดเขาไปหลายคำ ที่จำได้แม่นคือไอ้ผัวเฮงซวย มักมาก หลายใจ หลังจากนั้นคือคำที่มีความหมายเครือๆ กัน ก่อนที่จะขอโทษขอโพยชายหญิงคู่นั้น สุดท้ายคนทั้งคู่ก็ไม่ติดใจ
ตามคำพังเพยที่ว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา!
และเพราะว่าไม่ได้เมาหัวราน้ำเหมือนใครอีกคน เนื่องจากพรุ่งนี้ยังเป็นวันทำงาน ทำให้เธอดื่มได้นิดหน่อย เน้นกินกับและเมาท์มอยเป็นหลัก เธอเลยสามารถหิ้วคนเมาออกจากผับได้ แม้จะทุลักทุเลไม่น้อยก็ตาม
พลันนั้นหญิงสาวที่รักษาเนื้อรักษาตัวดีมาตลอด ดุจเกลือรักษาความเค็ม คิดได้ว่าเธอไม่สมควรอยู่ที่นี่ ด้วยรู้ว่าเจ้านายของเธอคือเสือร้ายดีๆ นี่เอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้นร่างแบบบางของพาขวัญก็ก้มตัวหยิบกระเป๋าสะพายที่หลุดร่วงไปตอนหย่อนคนตัวหนักลงบนโซฟา ทว่าน้ำหอมผสมกลิ่นมัสก์ที่พาขวัญฉีดประพรมซอกคอหลังสลัดชุดเลขาฯ แม่ชีใส่ตะกร้ามาเป็นชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวดูแล้วเปรี้ยวเยี่ยวราด เพื่อไปร่วมงานวันเกิดของเพื่อนรักในผับหรู เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้เป็นอย่างดี ทำให้คนที่มึนเมาแทบลืมตาไม่ขึ้นก่อนหน้านี้กลับปรือตาขึ้นมองท่ามกลางแสงสลัว
ครั้นดวงตาฉ่ำเยิ้มของคนเมาเห็นบั้นท้ายงอนเด้งกระดกไหวๆ อยู่ตรงหน้าก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าหมับเข้าที่เอวคอดให้ล้มลงมานอนข้างๆ ก่อนจะพลิกตัวเป็นฝ่ายคร่อมทับเจ้าของเรือนร่างที่มีกลิ่นกายหอมเย้ายวนด้วยน้ำหอมราคาแพง พาขวัญที่ไม่ทันได้ระวังตัวเพราะมัวแต่ก้มเก็บสัมภาระที่หล่นกระจายใส่กระเป๋าหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว้ายยย!”
“ผมชอบที่คุณสะดีดสะดิ้งแบบนี้นะชัญญ่า มันได้อารมณ์ชะมัด”
คนที่หลงเข้าใจว่าเป็นคู่ขาเบอร์ล่าสุด อันเนื่องมาจากน้ำหอมที่พาขวัญใช้เป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ชญานีใช้จนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าหล่อนบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่าติดจะอ้อแอ้
ชัญญ่าห่าเหวอะไรกัน เธอคือพาขวัญ เบ๊หน้าห้องของเขาต่างหากเล่า
แต่ไม่ทันที่เลขาฯ สาวจะอ้าปากโต้แย้ง แก้ไขความเข้าใจผิดของเขาให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ปลายจมูกโด่งก็ซุกไซ้ลงที่ซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นของคนที่ดิ้นรนเอาตัวรอด แต่ชายหนุ่มกลับคิดว่าคู่ขาแสร้งเล่นตัวเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเสพสม พร้อมกับใช้ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งละลานตา จากนั้นไม่นานจากเสียงกรีดร้องพลันเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวิว
“อื้มมม...”
หญิงสาวมึนงงกับรสสัมผัสหวามไหว ไหนจะลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์ของคนบนร่าง จากที่ไม่เมาแค่รู้สึกกรึ่มๆ จากฤทธิ์เตกีลาเพียงไม่กี่ช็อต กลับกลายเป็นไร้สติหาทางกลับไม่ถูก หรือจะพูดให้ถูกพาขวัญไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มาก่อน จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ ถึงแม้จะเคยผ่านการมีแฟนมาแล้วก็ตาม แต่ความรักครั้งนั้น แถมยังเป็นรักครั้งแรก ด้วยความหวาดกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนคนเป็นแม่ เมื่อท่านถูกชายคนรักหลอกล่อให้หลงเชื่อ มอมเมาด้วยคำพูดที่หอมหวาน สุดท้ายก็เสียตัวให้ทั้งที่คบหาดูใจกันไม่นาน ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะเมียน้อยเพราะพ่อของเธอมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว
และนับจากความลับถูกเปิดเผยได้ไม่นาน แม่เธอก็ตรอมใจตาย!
พาขวัญเลยมีกฎข้อห้ามว่าจะไม่ชิงสุกก่อนห่ามจนกว่าจะมั่นใจในตัวคนรักและได้เข้าพิธีแต่งงาน ส่วนหลังจากนั้นก็แล้วแต่บุญบาปจะนำพา
หากสุดท้ายก็หนีกงเกวียนกำเกวียนนี้ไม่พ้น เธอถูกคนรักสวมเขา ธนาแอบมีสัมพันธ์สวาทกับสาวออฟฟิศเดียวกัน ภายใต้ข้อตกลงที่ว่าไม่มีข้อผูกมัด เหงาเมื่อไหร่ก็มาเจอกันประมาณนั้น แต่มันไม่จบแค่นั้นเมื่อฝ่ายหญิงตั้งครรภ์และไม่อาจทนอยู่เป็นเงาของเธอได้อีกต่อไป ออกมาเรียกร้องให้เธอปลดปล่อยธนาออกจากบ่วงรักเพื่อให้ตัวเองกับลูกได้มีพื้นที่ยืนในสังคม
มาถึงขั้นนี้แล้วถึงไม่ขอ เธอก็พร้อมใส่พานถวายให้อยู่ดี!
แล้วความผิดหวังในความรักครั้งนั้น ทำให้กำแพงในใจของพาขวัญยิ่งก่อตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ถึงกับลั่นไว้ว่า
ถ้าหาผัวดีๆ ไม่ได้ก็จะขอโสดและตายไปพร้อมกับเยื่อพรหมจรรย์!
แต่เวลานี้สาวที่หวงตัวเพราะกลัวความเจ็บช้ำกำลังเพลี่ยงพล้ำให้กับเจ้านายหนุ่ม ที่ตัวเองแอบจัดไว้ในโหมดเดียวกันกับพ่อและแฟนเก่าว่า
กะล่อน
“ไหนบอกว่าแค่ไปฉีดไขมันใต้ตากับหน้าผาก นี่คุณอัปไซซ์หน้าอกมาด้วยหรือไงชัญญ่า นมใหญ่ขึ้นเยอะ”
คนเมาที่แยกไม่ออกว่าไหนของปลอมไหนของจริงที่แม่ให้มากระซิบถามที่ซอกคอหอมกรุ่น หลังจากย้ายฝ่ามือขึ้นมากอบกุมหน้าอกตูมเต่งของคู่ขาสาว นวดๆ คลึงๆ บีบขยำแล้วกลับรู้สึกไม่คุ้นมือ
เป็นเพราะความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความเสียวประหลาด ทำให้สติของพาขวัญที่ปลิวหายไปกลับมาเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง แม้ไม่เต็มร้อยแต่ก็พอรู้ว่าร่างกายกำลังถูกเจ้านายหนุ่มคุกคามอย่างหื่นห่าม
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกโด่งที่ซุกไซ้อย่างเอาเป็นเอาตาย เตชน์ทำเหมือนคนขาดของ ทั้งที่ข้างกายเขาไม่เคยขาดนารีสาวสวย
ในเวลาเดียวกันมือก็เลื่อนมาทุบลาดไหล่ผึ่งผายให้เขาหยุดขยี้ขยำหน้าอกขนาดคัพซีที่แม่ให้มา นี่ถ้าเป็นของปลอมคงได้แตกคามือเขาไปแล้ว
“ปะ ปล่อยนะ ฉันพาขวัญ ไม่ใช่ชัญญ่า”
“ถ้าไม่อยากให้ผมหมดอารมณ์ ‘อึบ’ คุณตอนนี้ ก็อย่าพูดถึงยัยสมศรี เลขาฯ หน้าตายนั่นอีกเด็ดขาดนะชัญญ่า”
แม้เมาจนขาดสติ จนไม่อาจแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร แต่จิตใต้สำนึกของเตชน์ยังจำได้แม่นว่าคนที่ชอบทำให้เขาโมโหและอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ รองจากรัญญาก็คือเลขาฯ หน้าห้อง!
ถ้าเปรียบพาขวัญที่กำลังถูกรังแกและไม่มีแรงต่อสู้อยู่ตอนนี้ ก็ไม่ต่างไปจากโนบิตะที่ถูกไจแอ้นกลั่นแกล้ง ทั้งโมโห ทั้งเจ็บแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากพึ่งพาเจ้าเหมียวสีฟ้าอ้วนกลมและเธอก็อยากหยิบยืมไทม์แมชชีนของโดราเอมอนแล้วย้อนเวลากลับไปในผับ นั่งจิบเตกีลาพร้อมกับมองเจ้านายปากมอมถูกซ้อมอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
พูดมาได้ ยัยสมศรี เธอช่วยชีวิตเขาแท้ๆ