ตอนที่ 6

2343 คำ
“ขอบคุณนะ ที่ช่วย” ปยุดาบอกกับคนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนและกำลังนั่งอยู่ที่ลานบ้านมองดูทุ่งนาสีเขียวขจี “ไม่เป็นไรคะ” “ไม่ค่อยชอบหน้าเรา เหมือนที่คนอื่น ไม่ชอบล่ะสิ” ปยุดาพูดขึ้นลอยๆ ขณะกำลังค่อยๆ เช็ดผมที่เปียกอยู่ “เราหรือเปล่าที่คุณไม่ชอบหน้าน่ะ” กรวิกาหันมาจ้องมองปยุดา “ดุจัง หรือโกรธที่มีรูปถ่ายเรากับแฟนคุณ” ปยุดาถาม “รูปอะไร” กรวิกาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว “ช่างเถอะ งั้นคงไม่ชอบขี้หน้ากันมากกว่า” ปยุดาพูดเสียงเรียบ “น้ำอุ่น ดื่มซะจะได้ไม่เป็นหวัด จามดังไปทั่วคุ้งน้ำแล้ว” กรวิกายื่นแก้วน้ำให้กับปยุดาที่ยิ้มน้อยๆ ไม่ให้คนที่ทำดีด้วยเห็น “ตัวเองล่ะ กินหรือยัง” ปยุดาถาม กรวิกาจึงยกแก้วของตัวเองให้ดู “ก่อนนอนทานยาด้วยก็ดีนะ” กรวิกาพูดขึ้นลอยๆ “เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ” ปยุดาอมยิ้ม เมื่อเห็นกรวิกายังคงนั่งนิ่งมองออกไปทางทุ่งนาผืนกว้างซึ่งอยู่ตรงหน้า “ค้างเสียด้วยกันสิคะ เจ้าป้องกำลังจัดที่หลับที่นอนให้อยู่เลย” “รบกวนเปล่าๆ ค่ะ” ปยุดารีบพูดออกตัว กรวิกาหันมายิ้มให้กับมารดาของปกป้อง “ไม่กวนเลยค่ะ ยินดีเสียอีก คลองตื้นเขินคุณยุ่งก็ช่วยเหลือพวกเราจัดการหาเรือมาช่วยขุดลอกให้จนน้ำใสสะอาด จะมาพักสักเดือนยังได้เลยค่ะ” มารดาของปกป้องหัวเราะ กรวิกาหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินมารดาบอกเรื่องของปยุดา “หรือควรจะมาสักเดือนดี” ปยุดาหันมายิ้มให้กับกรวิกาที่ทำเป็นหันมองไปทางอื่นอีก แต่เมื่อเห็นปกป้องยกสำรับมาจึงเดินเข้าไปในครัว เพื่อช่วยยกกับข้าวออกมาตั้งสำรับ “ผมจัดเตรียมที่นอนเรียบร้อยครับ นอนที่นี่ก็ได้ครับ พี่ยุ่ง” ปกป้องรีบบอกในทันที “แหมขี้เกียจพายเรือไปส่งหรือเปล่า” “เปล่านะครับ” ปกป้องรีบตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เราพายไปส่งให้ก็ได้” กรวิกาพูดขึ้น “ไล่ให้กลับ ว่างั้น” ปยุดาพูดกระซิบกระซาบกับกรวิกา “นอนได้หรือ พรุ่งนี้ผื่นจะขึ้นหรือเปล่า” กรวิกาพูดยิ้มๆ ตักข้าวใส่จานให้มารดาของปกป้องที่ยิ้มๆ กับการต่อล่อต่อเถียงของทั้งสองสาว “อยู่ให้รำคาญเล่นดีกว่า” ปยุดาบ่นพึมพำ “ผมกับแม่ไม่รำคาญนะครับ” ปกป้องหัวเราะ “ป้องเดี๋ยวเถอะนะ” กรวิกาแกล้งพูดดุปกป้อง ซึ่งนั่งอมยิ้มและเริ่มตักกับข้าวใส่จานให้กับปยุดาเพราะนั่งอยู่ใกล้กัน ปยุดายิ้ม และตักต้มกะทิสายบัวกับปลาทูใส่ในจานของกรวิกา “ขอบคุณนะ” ปยุดายิ้มน้อยๆ การต่อปากต่อคำทำให้รู้สึกดีๆ กว่าตอนที่กรวิกาทำนิ่งเหมือนไม่อยากที่จะพูดจาด้วย ไม่รู้ด้วยเพราะสาเหตุใดตอนแรกคิดว่า เรื่องของผู้ชายที่มาด้วย ซึ่งเห็นที่ร้านไอศกรีม แต่จากการช่วยเหลือประคับประคองตอนตกน้ำทำให้ความคิดเปลี่ยนไป เพราะเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนถึงความห่วงใย โดยเฉพาะรีบถามไถ่ เมื่อขึ้นมาจากน้ำด้วยกันทั้งคู่ ปยุดาก้มหน้ายิ้มน้อยๆ เมื่อได้นึกถึงความห่วงใยที่กรวิกามีให้ แต่แววตาคู่สวยทำให้ปยุดาไม่ค่อยกล้าที่จะสบตาด้วยนัก เหมือนตอนที่มอง เห็นเธอที่ร้านไอศกรีม ปยุดาจึงเลือกที่จะเดินหนีหายไป “ของโปรดของ กร เขาเลยนะ ที่คุณยุ่งตักน่ะ” มารดาของปกป้องหัวเราะ เมื่อเห็นกรวิกายิ้มอายๆ ปยุดาเองก็เช่นกัน “แม่ลำเอียงทีกับยุ่ง ยังเรียกคุณนำหน้าอยู่เลยค่ะ” ปยุดาชวนเฉไฉไปเรื่องอื่น ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ กับการพูดหยอกเรื่องของ ตัวเองกับกรวิกา เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม ปยุดานอนอมยิ้มอยู่ในความมืด เพราะ ปกติกว่าจะได้เข้านอนปาเข้าไปค่อนคืน แต่ครอบครัวของปกป้องเข้านอนแต่หัวค่ำทำให้ต้องมานอนฟังเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เสียงพูดคุยของคนที่นอนอยู่ข้างๆ นั้น ปยุดาจำได้ตั้งแต่แรกที่ได้ยินแต่คิดว่า ตัวเองคงคิดไปเองเสียมากกว่า ยิ่งได้พูดคุยแม้จะยียวนกวนประสาทกันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเริ่มจากแววตาคู่สวยที่ได้เห็นครั้งแรกจนได้งานออกแบบเครื่องประดับรูปดวงตาและเวลานี้คนๆ นั้นมานอนอยู่ข้างๆ ใกล้เสียจนรู้สึกได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน แอบมองคนที่นอนอยู่น่าจะหลับไป แล้ว นอนหลับตาเงียบไปตั้งแต่ล้มตัวลงนอนอาจจะไม่ค่อยพอใจกับรูปถ่ายระหว่างปยุดากับแฟนหนุ่มของเธอ ทำให้ไม่ค่อยอยากพูดจาอะไรด้วยนัก ปยุดาถอนใจเบาๆ คิดถึงอ้อมกอดของคนที่ดูเป็นห่วงและกังวลใจในยามที่พลัดตกน้ำและช่วยประคับประคองขึ้นมา ซึ่งอันที่จริงตัวเธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไรนักสามารถพยุงตัวได้ หรืออาจเป็นเพราะความมีน้ำใจ ถ้าใครตกน้ำกรวิกาคงจะช่วยเหมือนกัน “ทำไม ไม่กลับบ้านไปนะ” ปยุดาได้ยินเสียงดังแว่วมา “พรุ่งนี้กลับแล้ว ไม่ต้องไล่หรอก” ปยุดาบ่นพึมพำ กรวิกาลืมตาขึ้นชำเลืองไปทางคนที่นอนอยู่ข้างๆ ออกจะแปลกใจกับสิ่งที่ได้ ยิน แต่ไม่ได้โต้ ตอบอะไร ขยับตัวนอนหันหลังให้ปยุดาที่ทำหน้าดุหันมามอง และเงื้อมมือทำท่าจะตี เพราะคิดว่า กรวิกาบ่นพึมพำออกมา “สวัสดีค่ะ ปยุดาค่ะ” ปยุดารับโทรศัพท์ที่โทรฯ เข้ามาปรากฏเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ปรากฎชื่อ “สวัสดีครับ ผมตุลย์ ครับ” “ตุลย์” ปยุดารำพึงออกมาเบาๆ “เจอกันเมื่อวันก่อน ยังเต้นรำด้วยกันเลยครับ” ตุลย์ทบทวนความ จำให้กับปยุดา ซึ่งถอนใจในทันที หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้อยู่ไม่รู้ได้ยินเข้าหรือเปล่า “ค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ปยุดาถามและได้ยินตุลย์บอกเล่าว่าได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอมาอย่างใด “คุยได้ไหมครับ” ตุลย์ถาม เพราะปยุดาดูเงียบๆ และคุยเบาๆ คล้ายกับเกรงใจใคร “รอสักครู่นะคะ” ปยุดากดพักสาย รู้สึกกังวลใจระคนเป็นห่วงแถมยังรู้ผิดที่พูดคุยอยู่กันคนรักของคนที่ยังคงนอนหันหลังให้อยู่ “ยังไงล่ะ” ปยุดาถอนใจชะเง้อมองดูกรวิกาเห็นยังคงหลับสนิท “คุณ คุณ” ปยุดาเรียกกรวิกาและแตะไปที่แขนเบาๆ ไม่อยากให้คนที่ถูกปลุกรู้สึกตกใจที่ถูกปลุกให้ตื่น “มีอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” กรวิกาแอบถอนใจก่อนที่จะลุกขึ้นมอง ดูคนที่ยิ้มแหยๆ และชูโทรศัพท์ให้ดู “เปล่า แต่เขาโทรฯ มา” ปยุดาบอกเสียงอ่อยๆ “เขาไหน” กรวิกาแสร้งถาม เพราะได้ยินการสนทนาตั้งแต่ต้นแล้ว “แฟนตัวเองนั่นแหละ” ปยุดาบอก กรวิกาทำหน้างงๆ และกำลังจะล้มตัวลงนอนทำเป็นไม่สนใจ “โทรฯ หาคุณ คุณก็คุยไปสิจะมาปลุกทำไม” กรวิกาบ่นพึมพำ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย มาฟังด้วยกัน จะได้รู้ว่า เราไม่ได้อะไรกับแฟนตัวเองสักหน่อย” ปยุดาดึงตัวกรวิกาให้ลุกขึ้นตามมา “ค่ะ คุณตุลย์ ขอโทษที่ให้รอนาน” ปยุดากดเปิดเสียงเพื่อให้คนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้างๆ นั้นได้ยินด้วย “พรุ่งนี้ว่างไหมครับ อยากคุยด้วยเรื่องงานออกแบบเครื่องประดับ” “ไม่ว่างค่ะ” ปยุดาพูดตัดบท มองดูคนที่จ้องมองไปที่โทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจอะไรในตัวปยุดานัก “มะรืนล่ะครับ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ” ปยุดาบอก “ไม่มีคิวนัดอยู่ในมือแน่ๆ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ผมโทรฯ หาอีกทีหนึ่งเผื่อจะได้รู้วันว่าง ขอบคุณครับ ฝันดีนะครับ” “สวัสดีค่ะ” ปยุดาไม่เคยกังวลกับการสนทนากับใครมากเท่านี้มาก่อนหรืออาจเป็นเพราะต้องพูดคุยต่อหน้าคนรักของชายหนุ่มที่โทรฯ มาขอนัดหมาย ถึงแม้จะเป็นเรื่องงาน ปยุดาอยากให้กรวิกาได้รับรู้เอาไว้ว่าไม่มีอะไรระหว่างตัวเธอกับคนรักของคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ แม้การสนทนาจะจบไปแล้วก็ตาม “ยุ่งไม่ได้อยากให้คุณกับแฟนทะเลาะกัน แต่อยากให้เข้าใจว่ายุ่งไม่ได้คิดอะไร เข้าใจยุ่งหรือเปล่า” ปยุดาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่รู้ทำไมถึงต้องกังวลทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจใครมาก่อน กรวิกายังคงเงียบ ยิ้มน้อยๆ ให้กำลังขยับไปเพื่อที่ล้มตัวลงนอนหันหลังให้เหมือนเดิม “ไม่ให้นอน ออกไปคุยกันข้างนอก ลุกมาเดี๋ยวนี้ด้วย” ปยุดาพูดเสียงเข้มรู้สึกอึดอัดกับความเงียบของกรวิกา “ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยเลย พี่ตุลย์อยากคุยกับคุณ ก็แค่นั้นเอง” “ท่าทางตัวเองน่ะ ไม่มีอะไรเลยเนอะ หึงล่ะสิ” ปยุดาแกล้งพูดแหย่เผื่อว่า การต่อล้อต่อเถียงอาจจะทำให้คลายความกังวลไป ได้บ้าง “หวง” กรวิการำพึงออกมาเบาๆ ปยุดายิ้มแป้น เพราะเสียงนั้นยิ่งได้ยิน ยิ่งจำได้แม่นยำ เป็นไปได้อย่างไรทำไมถึงได้ยินได้ “รู้ว่าหวง สัญญาว่าจะอยู่ห่างๆ นะ ไม่รับโทรศัพท์แล้ว” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ มองดูคนที่ถอนใจ “อือ” “รู้ไหมว่าหวงใคร” กรวิกาถอนใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ มองสบตากับคนที่มียิ้มทะเล้นๆ ให้ “รู้ ไปนอนได้แล้ว” ปยุดาอมยิ้มมองดูคนที่ขมวดคิ้วใสและล้มตัวลง นอนหันหลังให้เหมือนเดิม กรวิกานอนยิ้มหันหลังให้กับปยุดา อยากยิ้มตั้งแต่ถูกปลุกให้ลุกขึ้นเพื่อฟังการคุยโทรศัพท์ของคนรักตัวเองกับปยุดาแล้ว ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินปยุดาพูดไปแอบคิดเอาเองว่า ปยุดาจะรับรู้ได้ว่า คนที่ถูกหวงนั้นเป็นใครนึกขำตัวเองอยู่เหมือนกัน ท่าจะบ้าไปกันใหญ่คิดอยู่ในใจ แล้วโมเมเอาคำ พูดมาเข้าข้างตัวเองเฉยๆ เสียอย่างนั้น “ขอเบอร์โทรตัวเองได้เปล่า ขี้เกียจส่งโทรจิต” ปยุดาพูดแหย่ “ไม่มีโทรศัพท์ เปียกน้ำพังไปแล้ว” กรวิกาบอก “จริงดิ ให้ยุ่งซื้อให้ใหม่นะ” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ รู้สึกผิดที่ทำให้ของๆ กรวิกาเสียหาย “ไม่มี ก็ไม่ต้องใช้” “นะ ให้ยุ่งซื้อให้ใหม่ พรุ่งนี้ไปซื้อเลย จะได้ขอซิมเบอร์โทรฯ ใหม่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกผิดไปจนวันตายแน่” ปยุดาแกล้งพูด เสียงอ่อยๆ ด้วยน้ำเสียงง้องอน จนกรวิกาแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว “ไม่ว่าง ไม่ใช่หรือ” กรวิกาแกล้งพูดแหย่ “ถ้าคนแถวนี้รับนัด ว่างตลอดเวลา” ปยุดาหัวเราะคิกคักล้มตัวลงนอนปิดการสนทนาหันหลังอมยิ้มอยู่ในความมืด ถือเป็นการมัดมือชกและเงียบไป กรวิกาเองก็เช่นกัน “ฝันดี” กรวิกายิ้ม “ฝันดี” ปยุดายิ้มกว้างมากขึ้น ก่อนหน้านั้นแปลกใจกับเสียงที่ได้ยินแว่วๆ แต่เมื่อได้มาอยู่ใกล้เจ้าของเสียง ซึ่งห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้นเสียงที่แว่วๆ ไกลๆ ชัดเจนขึ้นและแอบหวังเล็กๆ ว่า กรวิกา จะได้ยินสิ่งที่เธอได้บอกออกไปเช่นกัน ทำไมและอะไรทำให้ได้ยินเสียงของกันและกันได้ ปยุดาตื่นและค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพิ่งจะรู้สึกว่า เบียดตัวซุกอยู่กับตัวของคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ ด้วยความที่ติดหมอนข้างและค่ำคืนที่ผ่านมาคงได้รับไออุ่นจากกรวิกาแทนหมอนข้าง ตอนตื่นมาเห็นเข้ารู้สึกตกใจเล็ก น้อยแต่แทนที่จะขยับห่างออกมากลับหลับตาลงอีกครั้ง “เบียดเป็นลูกแมวน้อยเลย” กรวิกาหัวเราะ เพราะรู้สึกตัว ตั้งแต่ ปยุดาขยับตัวจ้องมองแล้ว “เค้าติดหมอนข้าง เผลอกอดหรือเปล่า” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ “นิดหน่อย” “แค่ไหน คือ นิดหน่อย” ปยุดาถามเสียงเข้ม “ก็นิดหน่อยไง” “แล้วยิ้มอะไร” ปยุดาพูดดุ “ไม่ยิ้มก็ได้” “อย่าเพิ่งลุกเลยเนอะ ยังอยากเป็นลูกแมวน้อยอยู่เลย ว่าแต่ว่าแอบกอดเค้าหรือเปล่าเมื่อคืนน่ะ” ปยุดาหัวเราะคิกคัก เมื่อได้พูดแหย่และทำให้กรวิกาคิ้วขมวดจ้องมองอยู่ “ไม่เห็นจะอยากกอดเลย” กรวิกาพูดงึมงำ “จริงนะ” “จริงแท้แน่นอน” “อยากกอดอยู่ข้างเดียวอะดิแบบนี้ ลืมไปว่าชอบผู้ชาย” “อยากกอด คือ อะไร” กรวิกาถาม “ก็อยากกอด” ปยุดาขยับตัวให้เบียดเข้าหาตัวของกรวิกาอีก “ชอบยั่ว” “ชอบรำคาญ กอดนิด กอดหน่อยทำหวง ผู้หญิงด้วยกันไม่เห็นไรเลย เกลียดเค้าอะดิที่ไปเต้นรำกับแฟนตัวเองน่ะ” ปยุดาพูดงึมงำ “เปล่าสักหน่อย” กรวิกาถอนใจพูดเสียงอ่อยๆ “ไอ้คนที่อยากอยู่ใกล้ก็ผลักไส ไอ้คนที่อยากให้อยู่ไกลๆ ก็อยากจะเข้ามาหากันจัง ไปอาบน้ำดีกว่า” ปยุดาพูดจบรีบลุกขึ้น กรวิ กายิ้มๆ มองตามคนที่ออกอาการงอแงให้เห็น ทำท่าแสนงอนไปอาบน้ำก่อนแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม