กันตพงษ์เฝ้ามองคนตัวเล็กนอนหลับในอ้อมกอดของตัวเองอย่างไม่รู้เบื่อ
คนตัวเล็กอยู่ในชุดนอนกระโปรงคลุมเข่าแขนตุ๊กตาผ้าเนื้อดี ช่างน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของเขา
เขาไม่รูสึกอึดอัดหรือหงุดหงิดที่เธอไม่เป็นงาน ร้องไห้หวาดกลัวเหมือนเด็ก ๆ กลับรู้สึกสงสาร และเอ็นดูด้วยซ้ำ เขาล่วงเกินเธอเพียงแค่ภายนอก ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปภายกายเธอ ยังคงรักษาสัญญาไว้เช่นเดิม
"ตื่นได้แล้ว ไอ้ขี้เซา" กันตพงษ์จูบหน้าผากมนว่าที่ภรรยาเด็ก ซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อื้อ....ต้องตาขยับพลิกตัวหนีมุดหน้ากับผ้าห่มอย่างเกียจคร้าน
สักพัก เธอลุกขึ้นนั่งทับส้นตัวเองแล้วขยี้ตา ช่างเป็นภาพที่น่ารักในความรู้สึกของเขายิ่งนัก
"อย่าขยี้ตา" กันตพงษ์จับมือว่าที่ภรรยาตัวน้อยไว้ "ไปอาบน้ำกัน ปะ"
เขาช้อนอุ้มภรรยาตัวน้อยในท่าเจ้าสาวเข้าไปในห้องน้ำอย่างไว
"พี่กัน หนูอาบเอง หนูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว 22 ปีแล้ว เรียนจบแล้ว หนูอาบเองเป็น" พร้อมกับออกแรงผลักคนตัวโตออกนอกห้องน้ำไป
"หึ" เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ "รีบ ๆ ล่ะ ให้เวลา 15 นาที ไม้งั้นจะทำอย่างอื่น ไม่ให้กินข้าว จะให้กินอย่างอื่นแทน"
ต้องตา มองบน เพราะเมื่อคืนเธอก็ถูกบังคับให้กินไอติมแทนของหวานหลังอาหารมื้อเย็นยังรู้สึกแสบคอไม่หาย
เธอรีบจัดการธุระส่วนตัวอย่างไวว่องและย่องออกมาจากห้องน้ำกินเวลาไป 20 นาที เนื่องจากเธอสระผมด้วย เพราะเมื่อคืนไอติมน่าจะกระเซ็นโดน
ทางสะดวก เธอกระชับผ้าขนหนูห่อตัวแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัวจัดแจงใส่เสื้อผ้าที่ว่าที่สามีจัดเตรียมไว้ให้อย่างไว โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาหนึ่งคู่จ้องมองอย่างไม่กระพริบตา
หมับ! อ๊ะ ตกใจหมด...พี่กันนิ่..ตุ่บ ๆ ต้องตาทุบหน้าอกหนันแน่นสุดแรง
"โอ้ยยย เจ็บนะ นับวันเธอยิ่งดุร้ายนะยัยตัวเล็ก... จุ๊ฟ จุ๊ฟ นี่แน่ะ นี่แน่ะ" "โอ๊ย...พอแล้ว หนูหิวข้าวแล้ว" ต้องตาบ่นโวยวาย
"หึ หึ ไม่แกล้งแล้ว ปะ พี่พาไปกินกัน"
หลังจากกินข้าวเสร็จ กันตพงษ์พาคนรักไปเดินเล่นย่อยอาหาร
"รู้มั๊ยว่าพี่รู้สึกกับเธอตั้งแต่เธออยู่ ม.ต้นนะ" กันตพงษ์เอ่ยความในใจ พลางเหล่ตาสังเกตอาการหญิงสาว
"หือ...ม.ต้น..." ต้องตาทำปากขมุบขมิบพร้อมกับนับนิ้วมือ
"ไม่ต้องนับ 10 ปี หรืออาจมากกว่านั้น" กันตพงษ์เฉลย
ต้องตา เงียบ (.....)
"อึ้งเลยเหรอ" "ก็มากอยู่ค่ะ...แต่รู้สึกดี" ต้องตาตอบกลับไปอย่างจริงใจ
"อยากให้ถึงวันแต่งงานเร็ว ๆ จัง" "อีก 2 เดือนกว่า ๆ เอง แป๊บเดียว" หญิงสาวเปรย
"พี่ว่าไม่นี่นา" กันตพงษ์แย้ง
"เข้าบ้านกันเถอะ ยุงเยอะ เดี๋ยวยุงกัดผิวเสียหมด" ชายหนุ่มพูดพลางไล่ยุงให้คนรักพัลวัล
_______________
-ห้างสรรพสินค้ากลางเมือง
"น้องต้อง ขอโทษครับใช่น้องต้องตามั๊ยครับ"
ต้องตาหันกลับไป "อ้าวพี่ต้นข้าว หวัดดีค่ะ ไปไงมาไงคะนี่" ต้องตาถามกลับอย่างดีใจ "พี่มาทานข้าวน่ะ พอดีมาหาทำเล ทำคลินิกน่ะ แต่ค่าเช่าสูงเอาการอยู่ สงสัยต้องหาที่อื่นเผื่อ ๆ ไว้ เผื่อราคาต่ำกว่านี้" ต้นข้าวบอกเนือย ๆ
"เอ๋ คลินิกเหรอคะ ตึกแถวนี้ใช่มั๊ยคะ" ต้องตาชี้ชวนให้ดู" "ใช่ครับ..น้องต้องรู้จักเหรอ" ต้นข้าวเอ่ยถามอย่างสงสัย
"พอรู้จักค่ะ ต้องว่าต้องพอช่วยพี่ได้น๊า แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ขอส่วนลดอาบน้ำ ตัดขน สบา คุณนายต้องรักตลอดชีวิตของนางก็พอ อิอิ"
ต้องตาพูดขำขำ
"ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา" จากนั้น เธอก็กดโทรศัพท์ยุกยิก ๆ สักพัก
"พี่ต้นข้าวพาต้องไปดูสถานที่หน่อยได้มั๊ยคะ" "อ๋อ..ได้เลยครับ ไปรถพี่ดีกว่า เชิญทางนี้ครับ..ระหว่างอยู่บนรถ ใบเตยคงเรียนหนักใช่มั๊ยคะ ไม่ค่อยได้คุยกันเลย" "ครับก็หนักอยู่ เห็นหน้ากันแว๊บ ๆ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ก็หาโอกาสกินข้าวร่วมกันกับครอบครัวทุกวันหยุด" "อืมดีจัง" ต้องตากล่าว เธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
"ถึงแล้วครับ"
ครืด เสียงประตูเลื่อน
เจ้าหน้าที่ "อ้าวคุณนั่นเอง กลับมาเร็วจัง เพิ่งออกไปเอง ตกลงใจเช่าแล้วเหรอครับ" "ค่ะ สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเจ้าของตึกนี้ค่ะ" เลิ่กลั่ก "ขอโทษครับ จริงหรือครับผมเป็นพนักงานใหม่ผมไม่ทราบ" "พนักงานพูดอย่างประหม่า "ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อความสบายใจ จะโทรหาผู้จัดการก็ได้นะคะ บอกว่าฉันชื่อ ต้องตา วัฒนาบริบูรณ์ ค่ะ" พนักงาน "ครับ ขออนุญาตินะครับ ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาผู้จัดการทันที่
"ใช่คุณเป็นเจ้าของที่นี่จริง ๆ ด้วย งั้นเชิญทางนี้ครับ เตรียมเอกสารมาแล้วใช่มั๊ยครับ ....เรียบร้อยแล้วครับ พร้อมส่วนลดพิเศษตามความประสงค์ของคุณต้องตาแล้วครับ"
"ขอบคุณน้องต้องมาก ๆ เลยนะครับ พี่พอมีพวกพ้องเป็นอาสาบ้างพี่จะรับเคสช่วยเหลือสัตว์บ้างตามกำลังทรัพย์นะครับ ยังไงฝากบอกต่อด้วย ที่พอจ่ายได้ก็จ่าย ที่ไม่มีจ่ายก็ช่วยเอาบุญครับ" ต้นข้าวแจ้งความประสงค์ของตนเองที่ตั้งใจอยากจะทำตั้งนานแล้ว
"ได้เลยค่ะ ขาดเหลืออะไรบอกต้องได้นะคะ" "งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งน้องต้องที่ห้างนะครับ" "ดีค่ะ ขอบคุณค่ะ"
หลังจากแยกกันกับต้นข้าว ต้องตา ตัดสินใจส่งไลน์ไปหากันตพงษ์ว่าจะไปนอนที่บ้านแล้วขับรถตรงไปยังบ้านที่แสนคิดถึงของเธอทันที
กรึ่บ เสียงปิดประตูรถ
"แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ" ต้องตาวิ่งเข้าไปกอดมารดาด้วยความคิดถึง
"อ้าวน้องต้อง มาได้ไง แล้วลูกเขยแม่หล่ะ" ผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะทะเลาะกัน
"ขับรถมาค่ะ แล้วก็ไลน์บอกพี่กันแล้วว่าจะมานอนนี่ค่ะ" ผู้เป็นลูกรายงาน
"จริง ๆ เลย แล้วพี่เค้าว่ายังไง" "หนูยังไม่ได้อ่านไลน์เลยค่ะ พอดีแบตหมดเสียก่อน เดี๋ยวขอขึ้นห้องก่อนนะคะ บนห้องมีที่ชาร์จสำรองอยู่ค่ะ" พูดจบก็วิ่งปรื๋อขึ้นห้องทันที หลังจากชาร์จโทรศัพท์ จัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ไปเล่นกับต้องรักอย่างเมามันจนเผลอหลับไปทั้งคนและหมา
แอ๊ด เสียงเปิดประตู
"หึ หนีผัวกลับบ้านไม่บอกกันเลยนะ ฮึ่" ชายหนุ่มเข้าไปนั่งข้างสาวเจ้า จ้องหน้าใกล้ ๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเก็บผมที่ปกหน้าให้ด้วยความเอ็นดู เขานั่งอยู่นานจนเผลอหลับตามเธอไป
เช้าวันใหม่ต้องตารู้สึกไม่สบายตัวเหมือนนอนอยู่บนฟูกแข็ง ๆ แปลก ๆ จากนั้นจึงลืมตาตื่น ถึงกับร้อง
"ห๊ะ มาได้ไงเนี่ย เมื่อคืนเราหลับไปในห้องคุณนายต้องรักนี่หว่า" เธอได้แต่เกาศีรษะตัวเองเบา ๆ อย่างใช้ความคิด
"คันหัวเหรอ ช่วยเกาเอามั๊ย" กันตพงษ์ที่คื่นมาสักพักแกล้งเย้าว่าที่ภรรยาเล่น
"เปล่าซ๊ะหน่อย ไม่ได้คันแต่กำลังใช้ความคิด" ต้องตาแย้ง "ว่า" "คิดว่า มาอยู่ห้องนี้ได้ไง" "หึหึ แล้วคิดว่าไงล่ะ?" "อือ..ช่างเถอะ..แต่ที่คิดไม่ตกคือคิดว่าถ้าหนูจะขอร่วมหุ้นกับพี่ต้นข้าวเปิดคลินิกรักษาสัตว์จะดีมั๊ยนะซิ"
"อยาก ว่างั้น" กันตพงษ์เลิกคิ้วถาม