ตอนที่6 สวนสวรรค์#1

889 คำ
ตอนที่6 สวนสวรรค์#1 ผมวางเสื้อสูทเอาไว้บนหน้าตักขณะนั่งไขว่ห้างจิบเบียร์เย็นๆ อยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ช่วงเวลาเย็นที่ผ่านมาสวนสาธารณะแห่งนี้ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน บ้างวิ่งเยาะ บ้างเดิน บ้างเล่นโยคะเพื่อเป็นการออกกำลังกาย ผมยิ้มหยันให้กับคนพวกนี้ช่างเอาเวลามาทำเรื่องไร้สาระเสียจริงแต่ก็นั่นแหละความคิดใครก็ความคิดมัน เพราะผมก็มีการออกกำลังกายในแบบเฉพาะตัวของผม ระหว่างที่นั่งเล่นรับลมเพลินๆ ก็ยังมีสาวน้อยผมยาวอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าปี ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาหาผมทำนองจีบอย่างเนียนๆ “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าตรงนี้มีใครนั่งหรือเปล่าคะ” หล่อนเดินเข้ามาหาขอนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ผมนั่งอยู่ ในขณะที่สวนกว้างใหญ่แห่งนี้ยังมีเก้าอี้ว่างให้หล่อนหย่อนก้นงอนลงไปนั่งอีกนับไม่ถ้วน พวกผู้หญิงสมัยนี้ใจกล้าหน้าด้านซะจริง หล่อนชวนคุยด้วยประโยคดาษดื่นทั่วไปเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ผมไม่ได้ขัดศรัทธาหล่อนด้วยการทักทายอย่างสุภาพชน พร้อมกับทิ้งท้ายการสนทนาของเราด้วยนามบัตรสีทองก่อนหล่อนจะขอตัวกลับบ้าน แววตาของหล่อนไม่อาจปิดซ่อนความสมหวังที่ได้รับไมตรีจากผม หล่อนกระหายและปรารถนาบางสิ่งในตัวผมเฉกเช่นเดียวกันกับที่ผมต้องการบางอย่างในตัวหล่อน หล่อนบอกว่าจะโทรติดต่อกลับมา ผมยิ้มและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ บางทีเหยื่อก็เป็นฝ่ายรนมาหาที่ตายซะเอง! เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ไฟส่องสว่างทำงานอัตโนมัติเมื่อความมืดมาเยือน ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตัดสลับกันราวกับฉากในภาพยนตร์ แล้วค่อยๆ หายไปทีละคนสองคนจนรอบตัวผมเงียบสงัด ผมมองดูหน้าปัดนาฬิกาเรือนทองยี่ห้อดังบนข้อมือแล้วโหย่งตัวลุกขึ้น สี่ทุ่มสี่สิบห้านาที… ผมเริ่มทำใจกับความคิดที่ว่าคืนนี้คงกลับบ้านไปมือเปล่า ผมเดินอ้อมแนวต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกล้อมรอบด้วยบึงกว้าง ผิวน้ำสีดำส่องประกายระยิบระยับล้อกับแสงจันทร์ชวนมอง ผมตรงไปยังรถยุโรปที่จอดอยู่ยังลานจอดรถ กรี๊ดดดดดด “ชะ…ช่วยด้วย!” ผมหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ค่อยๆ หลับตาพริ้มสูดกลิ่นความหวาดกลัวอันหอมกรุ่นจนเต็มปอด สัญชาตญาณบางอย่างในตัวผมบ่งบอกถึงเรื่องสนุกที่รออยู่เบื้องหน้า สวนสาธารณะแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาชญากรรมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน ทั้งข่าวปล้นจี้ข่มขืนมีให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทว่าก็น่าแปลกที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลอย่างจริงจังปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปตามกาลเวลา ซึ่งมีหลายคดีเหลือเกินที่ไม่สามารถหาตัวคนร้ายมารับโทษได้ ช่างหัวหน่วยงานพวกนั้นประไร ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย…คนในหัวผมตะโกนบอก “หุบปากซะถ้ามึงยังไม่อยากตาย” เสียงชายปริศนาดังแว่วมากับสายลม ผมเป็นบ้าหรือเปล่าที่อมยิ้มอย่างขบขันแทนที่จะรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ในหัวสมองพานคิดว่าเสียงใหญ่ทุ้มห้าวที่ดังข่มขู่เหยื่อของมันกลับฟังดูบ้องแบ๊วไร้เดียงสา ผมสาวเท้าตามทิศทางของเสียงนั้นไปอย่างเงียบกริบ เอนกายพิงกับต้นไม้ใหญ่เมื่อเห็นต้นตอของเสียงเป็นชายร่างใหญ่ในชุดรัดกุมสีดำ สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า นี่มันเครื่องแบบของพวกผู้ร้ายในหนังในละครชัดๆ ผมคิดในใจ เรื่องไหนเรื่องนั้น กระทั่งหลุดออกมาสู่โลกแห่งความจริงพวกโจรกระจอกเหล่านี้ก็ยังหามาสวมใส่กันราวกับเป็นแฟชั่น นี่พวกมึงไม่รู้จักครีเอทชุดเท่ๆ มาใส่กันเองหรือไงวะ ผมค่อนขอดไอ้โจรร้ายอยู่ในใจเงียบๆ “มีเงินเท่าไหร่ส่งมาเร็ว” โจรกวัดแกว่งปลายมีดไปมาอย่างน่าหวาดเสียว “นี่ไงๆ อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไป แล้วปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำร้ายฉันเลย” ผู้หญิงผมยาวในชุดกระโปรงสีหวานนั่งคุกเข่ายกมือไหว้ปลกๆ หลังจากหล่อนส่งกระเป๋าให้กับไอ้โจรห้าร้อย ลักษณะท่าทางของหล่อนอายุไม่เกินสามสิบปี ด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่และเทรนด์การแต่งตัวตามสมัยนิยม และยังติดหรูด้วยกระเป๋าที่ยื่นให้กับโจรเป็นกระเป๋าแบรนด์ดังที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของก็อปปี้ “มีเงินเยอะนี่หว่า” เสียงโจรหัวเราะอย่างสมหวัง “ฉันไปได้แล้วใช่ไหม” เหยื่อส่งเสียงสั่นๆ ถามออกไปอย่างมีความหวัง ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ “มึงยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น สวยๆ อย่างนี้ปล่อยไปเฉยๆ กูก็บ้าเต็มทีละโว้ย” ชายร่างใหญ่หรี่ตาพร้อมกับปรี่เข้าไปหาหญิงสาวที่กระถดตัวหนีอย่างหวาดกลัว หล่อนฟูมฟายน้ำตานองหน้าอ้อนวอนอย่างน่าเห็นใจ กระทั่งผมทนดูอย่างห่างๆ แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม