พอคิดได้แล้วจะหันไปเล่นงานแม่เมียแต่งก็เดินหายลับไปแล้ว สุดาเองก็อมยิ้มแล้วรีบเลี่ยงเดินเข้าครัวไปทันที
“ฝากไว้ก่อนนะนังหนึ่ง แกจะได้เห็นดีแน่ ปากดีนัก”
รัตติกาลได้แต่เก็บงำความแค้นเคืองเอาไว้คนเดียว แล้วรอเวลาให้คู่ขากลับเข้าบ้าน ก่อนประโยคเมื่อครู่ของปราณปริยาวดี จะถูกถ่ายทอดไปหา พลาธิปถึงกับเดือดพล่านๆ ขึ้นมาทันที
และนั่นทำให้คนบอกเล่าชอบใจอย่างที่สุด เจ้าหล่อนหารู้ไม่ว่า ไม่มีคำไหนที่จะทำให้เขาเดือดได้มากเท่าคำว่า ‘หย่า’ ได้อีกแล้ว แต่ก็พยายามควบอารมณ์เอาไว้ แล้วควงคู่นอนเดินลงไปห้องอาหารเหมือนทุกวัน
“มิ้นท์ลองชิมนี่สิจ๊ะ อร่อยนะ”
และตักอาหารเอาใจคู่ขาเย้ยเมียอีกต่างหาก
“หนึ่งคะ นี่ไก่ที่มิ้นท์ซื้อมาค่ะ”
คู่ขาก็รับส่งดี จนทุกคนนั่งกินต้องเงยหน้าจากจานไปมองคนทั้งสอง ผิดกับปราณปริยาวดีที่กินไปเรื่อยๆ
“หนูหนึ่งทำไมอิ่มเร็วจังเลยล่ะ กินไปหน่อยเดียวเอง”
ไม่นานก็อิ่ม จนพ่อสามีต้องทักขึ้นเพราะเห็นสะใภ้ตักอาหารใส่ปากไม่กี่คำ
“ตอนอยู่บ้านคุณแม่ หนึ่งกินของว่างเยอะไปหน่อยค่ะ งั้นหนึ่งขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”
พลาธิปจ้องมองหน้าเมียเขม็ง สายตาดุดันพยายามจะส่งไปหา เพื่อให้เมียนั่งกินต่อ แต่มีหรือเขาจะได้ดังใจปรารถนา จึงได้แต่จ้องมองแผ่นหลังเมียเดินออกจากห้องอาหารไป แล้วความโกรธก็สั่งให้เขาลุกตามไปในเวลาอีกไม่กี่อึดใจ
“หนึ่งจะไปไหนคะ ยังไม่อิ่มเลย”
แล้วคู่ขาสาวก็ทำท่าจะลุกตาม
“ให้ผัวเมียได้อยู่ด้วยกันบ้างก็ดีนะแม่มิ้นท์ ถ้ามีอะไรเธอค่อยคุยตอนกลางคืนสิ มีเวลาถมเถ”
พิไลพรรณทนไม่ได้ เลยต้องออกปากสั่งเสียงเข้ม หน้าดุ จนรัตติกาลกำลังจะลุกต้องหยุดชะงัก แล้วนั่งลงตามเดิม ทั้งๆ ที่ใจนั้นวิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่ก้าวถึงบันไดขั้นสุดท้าย แล้วคว้าตัวเมียได้ตรงหน้าประตูอย่างเฉียดฉิว
“ปล่อยฉันนะ”
ปราณปริยาวดีสะบัดอย่างแรง จนแขนเรียวหลุดจากมือเขา ทว่าเขาก็คว้ากลับไปได้อีกรอบ
“ทำไม! กลัวตัวจะบอบช้ำก่อนจะได้หย่ากับผมเหรอ แล้วกลับไปหาไอ้บ้านนอก ที่เทียวรับเทียวส่งคุณใช่มั้ย อย่าคิดนะว่าผมจะไม่รู้ไม่เห็น”
“ฉันจะหย่าแล้วไปหาใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน ปล่อยนะฉันเจ็บ”
พลาธิปส่งสีหน้าดุดัน สายตาโกรธเคืองเมียขึ้นมาอีกล้านเท่า มือก็บีบแรงกว่าเดิมอีก
“ยอมรับมาแล้วใช่มั้ย ว่าคุณรอเวลาจะหย่ากับผม แล้วกลับไปหามัน คิดเหรอ ว่าคนอย่างผมจะโง่ปล่อยคุณไป โดยที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้กับคุณ”
เขารั้งร่างอรชรเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดปากนุ่มด้วยริมฝีปากร้อนผะผ่าวของเขา
“ปล่อยยยย นะ อื้ห์มมม ปล่ะ...”
แม้คนเป็นเมียจะพยายามดิ้นรนยังไง ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งเขาได้ แผ่นหลังนุ่มถูกตรึงอยู่กับผนังหน้าประตู ช่วยทำให้เขาได้ดันกายกำยำไปเบียดชิดอย่างแนบแน่นและชอบใจที่สุด
อุ้งมือใหญ่เองก็รีบยกมาครอบครองอกกระชับขนาดพอเหมาะมือ ที่ปลายยอดแข็งตั้งสู้กับนิ้วของเขาที่กวัดแกว่งไปมาอยู่นอกชุดเดรสสั้นแค่เข่าอย่างลืมตัว
ปราณปริยาวดีพยายามใช้กำปั้นทุบหลังเขาเท่าที่จะทำได้ เมื่อเขาไม่รู้สึกใดๆ ก็เปลี่ยนมาใช้เล็บ ที่พอจะมีบ้างจิกไปตามแขนและลำคออยู่นอกร่มผ้า จนเขาเจ็บ
และเผลอพากายออกห่างร่างนุ่ม แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่นั่นถือเป็นนาทีทองของปราณปริยาวดี จึงรีบยกสองฝ่ามือมาผลักอกเขาออกไปอย่างแรง จนเขาถึงกับผงะถอยหลังไปสองก้าว
แต่ก็รีบกลับมาคว้ากำข้อมือบางไว้ด้วยความโกรธได้อย่างรวดเร็ว
“นี่คงจะเป็นแทคติคเล็กๆ น้อยๆ จากแม่คุณ ที่สอนมาให้ใช้กับผัวอย่างผมล่ะสินะ แล้วจะได้อะไรจากการเล่นตัว ไม่ยอมให้ผัวเข้าใกล้ล่ะ ข้าวของ เงินทอง เพชรนิลจินดาผมก็ประเคนเป็นค่าสินสอดไปให้แล้วไง หรือว่าพวกคุณสองแม่ลูกโลภจนไม่รู้จักจะพอ จนต้อ...”
เผี้ยะ
ฝ่ามือบางฟาดหนักๆ ไปที่หน้าเขาด้วยความโกรธ
“คุณจะทำอะไรหรือจะว่ายังไงกับฉันก็ได้ แต่อย่ามาว่าแม่ที่ฉันรักและเคารพ และเป็นคนให้กำเนิดฉันมา จนได้มายืนอยู่ในฐานะเมียคุณ ที่ฉันไม่เคยคิดและอยากจะเป็นเลยด้วยซ้ำ”
ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง ชนิดที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ
“แทคติคนี้แม่คุณก็คงจะจำจากละครน้ำเน่าหลังข่าวมาสอนคุณด้วยสินะ ที่เวลานางเอกถูกจูบแล้วต้องตบพระเอก เพื่อหวังว่าจะให้พระเอกโกรธแล้วเผลอทำเรื่องอย่างว่า นางเอกก็จะนอนร้องไห้กระซิกๆ เพื่อหวังให้พระเอกมาปลอบใจมาขอโทษน่ะเหรอ อยากให้ผมทำ...”
“หนึ่งคะ ทำอะไรอยู่คะ”
เขายังพูดไม่จบ ก็มีเสียงหวานๆ ดังมาจากทางบันไดแล้ว เลยหันไปหาเจ้าของต้นเสียง ครั้นพอหันกลับมา เมียที่เขาหมายจะสั่งสอนให้เข็ดหลาบโทษฐานมาตบเขาก็หายเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่รู้จะโกรธคู่ขาที่เดินเข้ามาคล้องแขน แล้วเอาแก้มแนบต้นแขนเขาอย่างออดอ้อนออเซาะ หรือจะโกรธเจ้าของฝ่ามือที่เผ่นแน้บไปแล้วดี
“ผมก็รอคุณอยู่นี่ไงล่ะ เข้าห้องกันเถอะผมเหนื่อยแล้ว อยากมีคนนวดตัวให้เต็มที จะได้คลายปวดเมื่อยหน่อย ไม่มีใครนวดเก่ง เอาอกเอาใจผมเก่งไปมากกว่ามิ้นท์แล้วล่ะ สงสัยคืนนี้ต้องตบรางวัลให้อย่างงามซะแล้ว อยากได้อะไร สร้อยเพชรสักเส้น หรือแหวนเพชรสักวง”
แม้ปากจะพูดกับคนข้างๆ แต่สายตานั้นจ้องมองบานประตู เสียงก็ทะลุเข้าหูเมียแต่ง ที่เขาเดาว่าคงจะยืนอยู่รอฟัแน่ และเขาก็เชื่อว่าเจ้าหล่อนต้องได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ชัดเจน
เพราะเขาตั้งใจเน้นเสียงหนักๆ ดังๆ ให้เจ้าหล่อนได้ยินนั่นเอง