EP 13

1168 คำ
“คุณก็จะได้มีเวลาไปกกอีบ้านเล็กบ้านน้อยตามเคยล่ะสิ แล้วนี่เป็นคิวของบ้านใครล่ะ ทำไมไม่ไป! มานั่งกินข้าวบ้านใหญ่ทำไมกัน” พิไลพรรณจึงได้โอกาสเหน็บแหนมสามีเจ้าชู้ทันที “แหม! ไปบ่อยๆ ผมก็เบื่อบ้างสิ สู้กลับมาหาน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างคุณก็ไม่ได้” คนพูดส่งยิ้มหวานละไมไป และแม้เขาจะย่างเข้าใกล้จะหกสิบแล้ว แต่เพราะรักษาหุ่น รักษาสุขภาพเอาไว้ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นหนุ่มใหญ่ รูปงามและทรงเสน่ห์ไม่เสื่อมคลายนั่นเอง “ระวังจะเจอยาพิษจากน้ำพริกถ้วยนี้เข้าให้สักวันล่ะ” พิไลพรรณอดประชดประชันไม่ได้ แต่ก็ไม่จริงจังอะไรนัก เพราะทำใจได้แล้วเรื่องความเจ้าชู้ และอยู่คนเดียวจนชาชินแล้วด้วยซ้ำ ออกจะรำคาญอีกต่างหากถ้ามีสามีมาอยู่ใกล้ๆ เพราะคุยกันไม่กี่คำก็จะเริ่มทะเลาะกันแล้ว “โบราณว่า ตายคาอกดีกว่าตกน้ำตายนะคุณ ถ้าผมจะตายเพราะพิษรักจากคุณ ชีวิตนี้ก็ถือว่าเกิดมาและใช้เวลาเกินคุ้มแล้วล่ะ ลูกชายคนโตก็จะมีเมียแล้ว ผมไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น” พลาธิปอดขำในความปากหวานของพ่อไม่ได้ แม้แผลในใจที่พ่อหนีไปมีบ้านนั้นบ้านนี้จะยังไม่หาย แต่เวลาที่เขาอยากจะได้อะไรหรือต้องการสิ่งไหน พ่อก็มักจะกลับมาเป็นคนสรรสร้างให้ได้เสมอ เหมือนตอนนี้ที่กำลังจะสรรหาเมียมาให้เขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ “คุณหนึ่งคะ คุณมิ้นท์มาหาค่ะ” สุดาเข้ามากระซิบบอกใกล้ๆ ประหนึ่งไม่อยากให้ใครได้ยิน ทว่าก็ไม่อาจจะหลีกหนีได้ในเมื่อแม่กับพ่อนั่งอยู่ใกล้นิดเดียว “จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังไม่เลิกคั่วแม่นี่อีกเหรอตาหนึ่ง” จึงถูกตำหนิด้วยเสียงหนักๆ จากแม่ “แหม! คุณแม่ครับเหลืออีกเป็นเดือน ก็ให้ผมใช้ความโสดให้คุ้มค่าหน่อยสิครับ ป้าสุดาไปบอกมิ้นท์มากินข้าวด้วยดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องรอ” “ไอ้เจ้าลูกคนนี้! ได้พ่อจริงๆ นั่นล่ะเขาเรียกว่าใช้ชีวิตคุ้ม ก่อนแต่งก็เที่ยวให้มันสุดๆ เลยจะได้ไม่เสียดายทีหลัง” “พอหลังแต่งก็เที่ยวหนักๆ กว่าเดิมเหมือนพ่อเราด้วยสิตาหนึ่ง วันดีคืนดีก็หอบเมียน้อยมาฝากเมียที่บ้าน มีลูกตามมาอีกเป็นโขยงได้ด้วยยิ่งดี เผื่อแม่เมียเราเป็นหมันจะได้ไม่เสียเวลารอไงล่ะ” ผู้แม่ได้โอกาสประชดให้ทั้งพ่อทั้งลูก และเอือมระอาเต็มทีกับพวกผู้ชายที่ใช้ชีวิตเปลืองจริงๆ    ตอนเจ้าสาวที่ถูกเมิน   “คุณหนึ่งยังไม่มารับเหรอลูก ไหนเลขาฯ บอกจะมาแต่เช้าไงล่ะ” ปานเดินลงบันไดมา ก็เห็นลูกสาวนั่งอยู่ห้องอาหารเงียบๆ “ยังค่ะ” ดวงหน้าสวยเงยขึ้นตอบแม่ แล้วก้มลงไปหาอาหารตรงหน้า โดยไม่ด้แสดงออกว่าตื่นเต้นหรือดีอกดีใจ ที่จะได้เห็นว่าที่สามีเต็มๆ ตาสักที หลังจากส่งแต่เลขาฯ กับทีมจัดงานมาหาหลายต่อหลายรอบ นับตั้งแต่ได้กฤษ์แต่งในอีกสามอาทิตย์จะถึงนี้เท่านั้น “คงจะกำลังมาล่ะมั้งแม่ว่า หนึ่งกินข้าวก่อนเถอะ จะได้ไม่เหนื่อยเวลาไปยืนถ่ายที่สตูฯ” ปานพยายามไม่ตอกย้ำอะไรอีก แม้ในใจจะไม่ค่อยชอบอยู่บ้าง เมื่อว่าที่ลูกเขยไม่เคยก้าวเข้ามาเหยียบในบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ไม่อยากจุดประกายให้ใจลูกแป้ว จนพลอยเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานเอาในวันที่ใกล้จะถึงแล้ว “คุณหนึ่งคะ รถมารับแล้วค่ะ” กอบเป็นคนไปดู เมื่อได้ยินเสียงรถรีบเข้ามารายงาน “อื้ม! ก็ไม่เลทมากนี่นะ กอบไปเชิญคุณหนึ่งมากินอะไรก่อนสิค่อยไป” คนถูกบอกทำหน้าไม่ถูก และไม่รู้จะตอบอะไรออกไป “เอ่อ! คนรถมารับคุณหนึ่งค่ะ ไม่ใช่คุณหนึ่งมารับ เห็นบอกว่าติดประชุม แล้วจะตามไปที่สตูฯ เองค่ะ ฝากขอโทษคุณหนึ่งกับคุณมาด้วย” “อ้าวเหรอ! งั้นหนึ่งก็ไม่ต้องรีบหรอก กินให้อิ่มก่อนแล้วค่ะไป” ความไม่พอใจในตัวว่าที่เขยเพิ่มมาอีกหนึ่งแต้ม แต่ด้วยเหตุผลเดิมๆ จึงเก็บงำเอาไว้ แล้วปล่อยลูกสาวนั่งรถไปกับคนขับอย่างขุ่นเคืองจแทน ไม่นานคนรถก็พาปราณปริยาวดีมาส่งร้านร้านกาแฟ ที่ตกแต่งสวยงาม เป็นที่นิยมของพวกออกาไนเซอร์ จะพาคู่บ่าวสาวมาพรีเวดดิ้ง และเป็นหนึ่งในสามโลเคชั่นสำหรับการถ่ายทำวันนี้ เมื่อทีมงานบอกเล่าให้ว่าที่เจ้าสาวที่ยังคงไร้เงาว่าที่เจ้าบ่าวได้รับรู้ จากนั้นก็ถูกพาเข้าไปนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม นานเกือบสองชั่วโมงถึงถูกทีมงานนำชุดเจ้าสาวสีขาวเกาะอกมีหางยาวเฟื้อย ทำด้วยลูกไม้ลายกุหลาบหรูและอลังการ จนคนสวมใส่ไม่กล้าจะก้าวเดินไปไหน เพราะหนักและกลัวจะสะดุดล้มก่อนจะได้ถ่ายก็เป็นได้ “สวัสดีค่ะคุณหนึ่ง นิ้งกับคุณหนึ่งพึ่งจะมาถึง ตอนนี้กำลังแต่งตัวอยู่ค่ะ” กัลยา เลขาฯ ของเขา ที่ปราณปริยาวดีคุ้นเคยกว่าผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวเดินเข้ามาทักทาย ยังไม่ทันจะได้พูออะไร ก็ถูกทีมงานมาหิ้วหางชุดพาเดินไปยังทำเลแรกที่ทีมงานตั้งกล้องรอเรียบร้อยแล้ว “คุณหนึ่งมาแล้วค่ะพี่ จัดท่าเลยนะคะ” ทีมงานทักทายพลาธิปที่มาในชุดสีเดียวกับเจ้าสาว และถูกจูงให้ไปยืนอยู่ใกล้ๆ กัน นี่จึงถือเป็นครั้งแรก ที่ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันจังๆ ใกล้ๆ จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันแล้วหันข้างให้กล้อง ในมือเจ้าสาวถือช่อดอกไม้ไว้ ส่วนอีกข้างต้องถูกทีมงานจับยกขึ้นไปทาบไว้กับอกเจ้าบ่าว “คุณหนึ่งแหงนหน้าขึ้นนิดหนึ่งนะครับ” เสียงตากล้องร้องบอก ทำเอาทั้งสองแหงนหน้าพร้อมๆ กัน จนทีมงานถึงกับยิ้มออกมา เพราะนานทีปีหน จะมาเจอคู่รักมีชื่อเล่นเหมือนกันอย่างนี้ “เอ่อ! คุณหนึ่งหญิงแหงนขึ้นครับ ส่วนคุณหนึ่งชายก้มลงมาหาเจ้าสาว ต่อไปผมขออนุญาตเรียกแบบนี้นะครับ จะได้ไม่สับสน” ตากล้องตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อทั้งสองยืนแข็งทื่อ จนต้องเดินตรงไปหาใกล้ๆ แล้วยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเจ้าบ่าว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม