“ทำไมล่ะ ก็ฉันรักเมียนี่ อยากทำแบบนี้ก็รีบแต่งสิ สาวๆ แกมีควงเป็นสิบ ไม่ใช่เหรอ เลือกมาสักคนสิ ใครก็ได้ที่คิดว่าจะเข้ากับแกได้ ไม่ต้องไปเสียเวลาคบ เสียเวลาจีบ เสียเวลาเรียนรู้หรอก สู้สบตาแล้วแต่งเลย มาเรียนรู้มาจีบกันหลังแต่งยังได้ เหมือนฉันกับเมียนี่ไง ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหน แถมทำให้ชีวิตคู่มีรสชาติด้วย จริงมั้ยจ๊ะหนึ่งจ๋า”
สายตาคมจับจ้องไปยังอดีตแฟนชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาหาเมียในวงแขน พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ชนิดคนเป็นเมียไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่แต่งงานกันมาก็ว่าได้
แถมเขายังตักอาหารมาใส่จานให้เมียอย่างเอาอกเอาใจ อวดแฟนเก่าหลายต่อหลายครั้ง และกระซิบบอกประหนึ่งว่าห่วงใยเหลือเกิน
“คุณน่ะผอมจะแย่อยู่แล้ว ต้องกินให้เยอะๆ หน่อย เวลาผมกอดจะได้ไม่เจอแต่กระดูก”
และอีกหลายต่อหลายประโยคที่เขาเปล่งออกมา เมื่อรับรู้ว่ามีสายตาของแฟนเก่าของจ้องมองการกระทำของเขาตลอดเวลา นั่นยิ่งทำให้เขาต้องเพิ่มความหวานให้คนข้างๆ เข้าอีก
และไม่ได้สนใจจะหันไปมองใบหน้าเจื่อนๆ ของรัตติกาลเลยสักนิด ว่าจะคิดและรู้สึกยังไงในการกระทำของเขา
“ฉันรักเขา และฉันจะเอาเขากลับมาเป็นของฉันคนเดียวให้ได้ ไม่เชื่อพวกแกคอยดูไปสิ ตั้งแต่หนึ่งกับแม่นั่นแต่งกันมายังไม่เคยนอนห้องเดียวกันสักคืน นั่นก็แปลว่าหนึ่งไม่ได้รักมันไม่ได้ต้องการมันอย่างที่หนึ่งบอกฉันไว้จริงๆ และเมื่อไหร่ที่มันหมดหน้าที่เป็นหุ่นให้หนึ่งเชิดเย้ยยัยเอเมื่อไหร่มันก็จะถูกเขี่ยทิ้งเหมือนของไม่มีค่า”
นั่นคือคำที่รัตติกาลบอกกับเพื่อนสนิทเอาไว้ เมื่อหลายวันก่อน และรัตติกาลก็จะพยายามทำทุกวิธี เพื่อให้ได้ผู้ชายที่ตัวเองรักมานานปีกลับมาให้ได้
แต่ทุกการกระทำจะต้องเป็นไปอย่างชาญฉลาด ไม่ทำเกินหน้าเกินตาและน่าเกลียดจนเกินไป และไม่ให้พลาธิปรู้ตัวด้วย
“กลับกันหรือยัง พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
ภาธรเป็นคนเอ่ยก่อนใครเพื่อน เมื่อถูกเมียสะกิดแขน เป็นการส่งสัญญาณ อีกทั้งเขาเองก็ไม่ใคร่อยากจะอยู่ในงานนานๆ ด้วย เพราะเบื่อจะคอยนั่งมองเจ้าของวันเกิดที่อวดร่ำอวดรวยไม่เลิก
“ก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อทุกคนเห็นด้วย ก็ต่างเดินไปลาเจ้าของงานและต่างก็แยกย้ายไปหารถที่จอดไว้ใกล้บ้างไกลบ้าง และดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพลาธิปอีกแล้ว เมื่อรถของเขากับรถภาธรจอดอยู่ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งรถเขาจะอยู่ใกล้กว่า
“แล้วเจอกันนะหนึ่ง ไปล่ะ ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณหนึ่ง”
ภาธรเป็นฝ่ายเปิดฉากบอกลา ส่วนเขาก็หยุดยืนอยู่ข้างๆ รถแล้วโอบไหล่เมีย ขณะหันไปหาเพื่อนยกมืออีกข้างโบกลาอย่างคนอารมณ์ดีกว่าวันไหนๆ ปราณปริยาวดีรีบผละออกจากวงแขนเขาทันที
“อุ๊ย!!!”
แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ เขาก็หันมาหาแล้วรวบร่างนุ่มไว้ ก่อนจะก้มลงไปจูบอย่างรวดเร็ว ด้วยสัญชาตญาณพื้อฐาน ทำให้ปราณปริยาวดียกกำปั้นทุบไปที่อกเขา และพยายามขัดขืนแต่มีหรือจะหยุดเขาไว้ได้
เขาเพิ่มแรงรัดให้แน่นขึ้นและจูบเรียวปากนุ่มอย่างดุดัน เพื่อหมายจะให้สายตาของแฟนเก่าได้พานพบกับภาพนี้
แม้ความตั้งใจจะประสบผลสำเร็จแล้ว เมื่อรถของภาธรแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระแต่อย่างใด ยังคงดูดดื่มกลีบบุปผาอยู่อย่างนั้นอย่างลืมตัว
และเมื่อเขาเลื่อนไปจูบแก้มนุ่ม ปราณปริยาวดีก็รีบรวบรวมเรี่ยวแรงในตัวทั้งหมดที่มีผลักอกเขาแรงๆ จนเขาเซไปสองก้าว
แล้วรีบวิ่งอ้อมไปยืนอยู่อีกฟากของรถ และหันหลังให้เขาอย่างเจ็บใจที่ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือให้เขาใช้เย้ยแฟนเก่า พลาธิปไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยิ้มอย่างสะใจ
ก่อนจะกดรีโมทแล้วเข้าไปนั่งนิ่ง คนอีกฟากถึงได้เข้าไปนั่งตาม และบรรยากาศขามาเป็นยังไงขาไปก็เป็นยังงั้นกระทั่งถึงบ้าน
ปราณปริยาวดีรีบเปิดประตูรถ แล้ววิ่งเข้าบ้านโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าคมเข้ม ที่จ้อมมองตามและยิ้มออกมาอย่างสะใจเลยสักนิด อดชื่นชมในไหวพริบตัวเองไม่ได้ ที่ตัดสินใจดึงเจ้าหล่อนมาเป็นเมีย
เพราะมันทำให้เขาได้เล่นงานทั้งแฟนเก่า และพวกเมียน้อยเมียเก็บทั้งหลายให้สะใจเล่นๆ ในเวลาเดียวกัน มือถือในกระเป๋าดังขึ้นเขารีบรับเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“มาสิมิ้นท์ ผมถึงบ้านแล้ว ผมรอบนห้องเลยนะ”
แม้จะไม่รู้ว่าตอนจบของชีวิตคู่ระหว่างเขากับแม่ลูกเมียน้อยจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่คิดจะสนใจที่จะตัดขาดจากรัตติกาลคู่นอนเลยสักนิด เพราะมันช่วยทำให้จิตใจเขาไม่ฟุ้งซ่าน
จนอยากเข้าหาคนอยู่ห้องข้างๆ ได้ดีไม่น้อย ด้วยขึ้นชื่อว่าไม่ชอบหรือถึงกับเกลียดแล้ว เขาก็ไม่อยากจะสุงสิงด้วยต่อให้สวยหยาดเยิ้มก็เหอะ
ร่างสูงเพรียววิ่งเข้ามาให้ห้อง ได้แต่ยืนเอาหลังพิงประตูพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำใจไหลอาบออกมาเท่านั้น ด้วยไม่รู้ว่าจะทนทานกับการเป็นเครื่องมือให้เขาเล่นงานคนรักเก่าไปได้สักกี่มากน้อย
จากเมื่อก่อนจะตกลงแต่งงานกับเขาคิดว่าจะรับมือไหว แต่มาตอนนี้หญิงสาวพบว่ามันยุ่งยากกว่าที่คิดไว้มาก
เพราะเขาร้ายกว่าที่เห็น เจ้าคิดเจ้าแค้นกว่าที่คิดไว้ แถมกำลังจะเดินตามรอยพ่อเขารวดเร็วจนเกินจะตั้งตัว เกินจะทำใจได้ เวลาสองปีที่วาดไว้ในใจว่าจะเหมาะสมกับการหย่าร้างตั้งแต่แรกนั้น
บัดนี้มาล่นลงมาเหลือแค่ปีเดียวแล้ว หรือถ้าเป็นไปได้อยากให้เหลือแค่วันเดียวด้วยซ้ำ จะได้ไปให้พ้นๆ พ้นจากเขา
จากแม่เขา ที่ไม่เคยจะอ้าปากพูดกับสะใภ้อย่างเธอแม้แต่คำเดียว นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม
เมื่อเห็นว่าหาประโยชน์ไม่ได้หากจะร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ไม่มีหัวใจอย่างเขา แล้วรีบอาบน้ำและเข้านอนเอาแรงเพื่อสู้กับวันใหม่