กว่าเธอจะได้นอนก็ปาไปเกือบตีสามแล้ว หลังจากที่โดนเขาลงโทษเธอที่แอบออกไปข้างนอกแล้วยังโดนใครก็ไม่รู้จะลวนลามเธออีก แต่ตอนนี้ฉลามก็รู้แล้วว่าคนคนนั้นคือใครเพราะสั่งให้ลูกน้องไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นมา
“ต่อไปนี้ห้ามออกไปข้างนอกตอนกลางคืนอีก” ฉลามยื่นคำขาดสำหรับเรื่องนี้ หลังจากที่รู้ว่าคนที่กำลังหมายตาผู้หญิงของเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แล้วยังเป็นพวกอันตรายที่ญารัณไม่ควรจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด
คนตัวเล็กหันมาแลบลิ้นใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนอนคลุมโปงตามเดิม วันนี้เขาต้องไปประชุมกับไลจาห์อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าเวกัสก็ต้องติดสอยห้อยตามมาด้วยเช่นกัน
“ห้ามให้ใครเข้ามาที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว” ชายหนุ่มสั่งลูกน้องไว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถที่มารออยู่ด้านหน้าผับ
หลังจากที่ฉลามออกไปก็มีรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดแทน ด้านหลังมีรถอีกนับสิบคันติดตามมาด้วย ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยของคนที่ลงมาจากรถทำให้เหล่าลูกน้องต่างก็รีบวิ่งกรู่กันออกมาบังประตูด้านหน้าของผับไว้
“หึๆ ถ้าไม่อยากตายก็หลบไปซะ ส่งตัวนังญารัณมาให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป” เวศณะประกาศด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่ก็ไม่มีลูกน้องของฉลามคนไหนที่ยอมถอยหนีเลยสักคน เพียงแค่เวศณะยกมือขึ้นให้สัญญาณลูกน้องทั้งหมดก็บุกเข้าปะทะกับลูกน้องของศัตรูตัวฉกาจทันที
ภาพตรงหน้าทำให้เวศณะพอใจอยู่มากพอสมควร เพราะลูกน้องของเขาสามารถทำให้ศัตรูเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ หลังจากที่ได้รับข่าวจากสายสืบมาว่าวันนี้ฉลามไม่อยู่และออกไปพร้อมกับลูกน้องหลายคน เขาจึงฉวยโอกาสนี้ในการบุกเข้ามาเพื่อพาญารัณกลับไปที่บ้าน
“นายครับ ทางสะดวกแล้วครับ” ลูกน้องของฉลามล้มลงไปกองบนพื้นจนหมดด้วยฝีมือของลูกน้องที่เวศณะเป็นคนเลือกมาเองกับมือ ชายวัยกลางคนสาวเท้าเดินเข้ามาด้านในโดยไม่มีท่าทีหวั่นเกรงต่ออะไรทั้งสิ้น
“ไปจับตัวนังญารัณมา แล้วอย่าให้มันเจ็บตัวล่ะ เดี๋ยวเจ้าสัวจะไม่พอใจ” เวศณะเอ่ยสั่งลูกน้องพลางเดินเล่นไปทั่วบริเวณ ญารัณที่ได้ยินเสียงการต่อสู้ของคนจำนวนมากตั้งแต่แรกแล้ว จึงรู้ว่าเวศณะบุกเข้ามาที่นี่ได้แล้วจึงเลือกที่จะโทรหาฉลามโดยไม่รอช้า
แต่ทว่าเธอพยายามจะโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดอาจจะเพราะวันนี้เขาเข้าประชุมเลยไม่ได้เปิดเสียงหรือไม่ก็เอาโทรศัพท์ไว้ด้านนอก แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมให้คนพวกนั้นพาเธอกลับไปง่ายๆ แน่
พอคิดได้แบบนั้นเธอก็รีบวิ่งออกมาจากห้องและหาที่ซ่อนก่อนที่คนพวกนั้นจะขึ้นมาถึงชั้นที่เธออยู่ ญารัณเลือกที่จะวิ่งเข้ามาซ่อนภายในห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ที่เธอมักจะแพ้มันมาตั้งแต่เด็ก แต่เวลานี้เธอไม่ต้องเอาตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของคนพวกนั้นก่อนที่จะสายเกินไป
ตอนนี้เธอหลบอยู่ตรงซอกเล็กๆ มุมห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่แต่ก็มีทั้งกล่องลังและเอกสารมากมายที่สามารถช่วยบดบังตัวของเธอได้พอสมควร
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหนักของจำนวนคนนับสิบวิ่งผ่านบริเวณหน้าห้องเก็บของที่เธอกำลังซ่อนตัวอยู่ โทรศัพท์มือถือในมือของเธอก็ยังคงพยายามต่อสายหาคนปลายสายอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยก็ดีกว่าที่เธอยอมแพ้ที่จะติดต่อเขาไปเลย
“เห้ย ค้นให้ทั่วทุกห้อง อย่าให้มีเล็ดลอดไปได้” ร่างบางนั่งตัวสั่นอยู่ในห้องเก็บของอย่างลุ้นระทึก ตอนนี้เธอเริ่มมีอาการคันและผื่นขึ้นตามตัวเพราะฝุ่นภายในห้องนี้ที่มีมากกว่าพื้นที่ทั่วไปหลายเท่าเลยล่ะ ในใจของเธอกำลังภาวนาให้คนปลายสายมาช่วยเธอได้ทัน มันอาจจะดูเหมือนความหวังลมๆ แล้งๆ ไปหน่อยเพราะป่านนี้เขาคงเข้าห้องประชุมไปแล้วและคงไม่ได้พกโทรศัพท์เข้าไปด้วย คนเนี๊ยบอย่างเขาไม่มีทางให้อะไรมาขัดขวางการทำงานของเขาได้แน่นอน
แกรก
ญารัณสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้เพราะกลัวว่าจะหลุดเสียงอะไรออกไปจนทำให้พวกนั้นรู้ว่าเธออยู่ในนี้
“เห้ย เข้าไปค้นในห้องดิว่ะ” สิ้นเสียงตะโกนประโยคนั้นเสียงฝีเท้ามากมายก็กรู่กันเข้ามาบริเวณหน้าห้องที่เธอกำลังซ่อนตัวอยู่ ญารัณแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหน้าห้องที่กำลังจะเข้ามา
“ลูกพี่ครับ ห้องนี้ทั้งรกและฝุ่นเยอะ มีพวกตะขาบหรือสัตว์มีพิษบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณญารัณคงไม่มีทางเข้าไปหรอกครับ”
“กูสั่งให้ทำก็ทำซะ” หัวหน้าของลูกน้องคนนั้นเริ่มโมโหเมื่อเห็นลูกน้องของตนพยายามจะขัดคำสั่ง
“งั้นมึงก็เข้าไปเองสิวะ”
“นี่มึงกล้าขัดคำสั่งกูเหรอ”
พลั่ก ตุบ
“เห้ย จัดการมัน” จู่ๆ คนพวกนั้นก็เกิดขัดแย้งกันเอง จนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันอยู่หน้าห้อง เธอไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้านนอก ได้แต่หลบอยู่ในซอกและภาวนาให้คนพวกนั้นรีบออกไปจากตรงนี้เร็วๆ ผื่นสีแดงเริ่มผุดขึ้นตามตัวของเธอเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกคันไปทั้งตัว ฝุ่นพวกนี้ก็ทำให้เธอเริ่มหายใจติดขัดด้วยเช่นกัน
สักพักหนึ่งเสียงหน้าห้องที่เธออยู่ก็เริ่มเงียบไป ญารัณกะจะใช้โอกาสนี้ในการหนีออกไปแต่ว่าขาของเธอกลับอ่อนแรงและทรุดลงไปบนพื้น ร่างกายของเธอโอนเอนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องพิงหลังกับกล่องลังพวกนั้นแทน ความหวังอันริบหรี่ของเธอเริ่มดับลงไปพร้อมกับสติที่เลือนหายไปด้วยเช่นกัน