รถเก๋งสีเขียวพาสเทลเข้ามาจอดในโรงจอดรถแล้ว หญิงสาวในชุดเสื้อกาวน์ของโรงพยาบาลรัฐก็ก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายไหล่ใบเก๋ ท่าทางเปี่ยมด้วยความมั่นใจของเธอทำให้หลายคนคิดไม่ถึงว่าพรนับพันเป็นแพทย์แผนไทยประยุกต์ เมื่อก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ป้าฉลวยที่เป็นแม่บ้านอยู่มานานหลายปีก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“คุณปันปันกลับมาแล้ว”
“ปันปันก็กลับบ้านทุกวันนี่ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะร่าแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มเบาๆ เธอทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว สำหรับพรนับพันแล้ว ป้าฉลวยไม่ได้เป็นแค่แม่บ้านแต่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเธอด้วย
คุณปู่ทองอินกับคุณย่าเพ็ญจันทร์มีลูกสามคน คนโตคือคุณฐากูรและลูกสาวอีกสองคนที่แต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่คนละจังหวัด พรนับพันและศตพรเติบโตมาโดยมีคุณปู่คุณย่าอบรมสั่งสอน พ่อของเธอเป็นหมอยาพื้นบ้านที่เพิ่งมาสอบเอาใบประกาศนียบัตรวิชาชีพส่วนแม่เป็นเภสัชกรทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เมื่อสามีมีความสนใจอยากสร้างฝันของบิดาคือผลิตยาสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักจึงเข้ามาช่วย
พรนับพันเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นแบบครอบครัวใหญ่ แม้คุณย่าจะจากไปตอนที่เธออายุ15 แต่ทุกอย่างในบ้านยังอบอวลด้วยความรักของคุณย่าอยู่เสมอ ป้าฉลวยเป็นแม่บ้านดูแลตั้งแต่คุณย่าจากไป ป้าฉลวยเป็นม่ายลูกติดมีลูกชายหนึ่งคนอายุมากกว่าพรนับพันชื่อ “ธารณ์” คุณปู่อนุญาตให้สองแม่ลูกอยู่บ้านหลังเล็กด้านหลังเรือนหลังใหญ่ ธารณ์เองก็คอยช่วยงานคุณพ่อของพรนับพัน เขาเจียมตัวและไม่กล้าตีสนิทกับคนในตระกูลศุขไสยาศน์
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทานข้าวเถอะค่ะ”
ป้าฉลวยยิ้มกว้าง การได้ทำงานที่นี้คือความสุขของนาง ชีวิตเหมือนได้หลุดจากขุมนรก สามีของนางเมาและทุบตีทำร้ายร่างกายจนนางต้องหอบลูกชายหนี ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเมื่อไหร่ที่สามีรู้ที่อยู่ของนางก็จะตามมาทำร้ายร่างกายและพยายามให้กลับไปอยู่ด้วยกัน ธารณ์ทนเห็นแม่ถูกพ่อตบตีไม่ได้จึงเข้าไปช่วยห้ามแต่ตัวเองถูกพ่อเตะกระเด็น คราวนั้นปู่ทองอินที่ไปตรวจคนป่วยตามบ้านเดินทางผ่านมาเจอเข้าจึงเข้าช่วยเหลือ ปู่ทองอินเป็นที่รักและเคารพของคนที่นั้นจึงไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วย แรกทีเดียวปู่ทองอินแค่ตั้งใจว่าจะให้ที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราว แต่สามีนางกลับมาถูกรถชนตายเสียก่อนหมดเคราะห์กรรมกันไปทำให้นางฉลวยกับลูกชายไม่ที่ให้กลับ แม่สามีก็ไม่ต้อนรับ ปู่ทองอินจึงให้อยู่ช่วยงานที่นี่
ธารณ์กลับเข้ามาพอดีเห็นพรนับพันหัวเราะหยอกมารดาของตนก็อดยิ้มไม่ได้ นับวันความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงสาวคนนี้ก็มากขึ้นทุกขณะ จะทำอย่างไรได้ แม่คอยย้ำให้เขาเจียมตัวแต่ใจของเขามันห้ามไม่ได้เลย
“พี่ธารณ์มาแล้ว คุณพ่อก็กลับมาพร้อมกันใช่ไหมคะ” พรนับพันทักทายธารณ์ เธอไม่เคยมองว่าเขาเป็นลูกแม่บ้าน และเพราะเขาอายุมากกว่าเธอสองปี เธอจึงเรียกว่า ‘พี่’ อย่างไม่รังเกียจ
“ครับ คุณท่านกลับมาแล้ว ผมเอากระเป๋ามาเก็บ”
“แล้วคุณพ่อไปไหนล่ะคะ”
“ไปพบคุณปู่ทองอินครับ”
“เข้าใจแล้ว” พรนับพันพยักหน้ารับ แล้วหันไปยิ้มกับป้าฉลวย “หอมกลิ่นแกงส้มจังค่ะ ปันปันไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมากินข้าว”
“ค่ะๆ รีบไปเถอะค่ะ”
“อ้อ! เมื่อตอนเที่ยงปันปันคุยกับตงตง น้องบอกหมูแดดเดียวที่ทำให้ไว้หมดแล้วค่ะ ต้องรบกวนป้าฉลวยทำไว้ให้หน่อย เอาไว้ค่อยไปส่งเสบียงให้ตงตงกัน”
“ได้ค่ะได้ ป้าจะทำไว้ให้ค่ะ”
ศตพรเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่สอง ใช้ชีวิตเด็กหอเพราะไม่ต้องการรีบร้อนเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัย แต่ทุกสองสัปดาห์มารดาก็จะเตรียมของกินของใช้เอาไปส่งที่หอเป็นประจำ หากศตพรมีวันหยุดจึงได้กลับบ้านสักครั้ง
ป้าฉลวยเห็นสายตาลูกชายก็รอจนพรนับพันเดินขึ้นบันไดลับตาไปแล้วก็ตีแขนลูกชายไม่แรงนัก แต่ทำให้ธารณ์สะดุ้งแล้วหันมามองมารดา
“แม่...”
“ห้ามคิดอะไรกับคุณหนูปันปัน” ป้าฉลวยดุลูกชายแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ครอบครัวศุขไสยาศน์มีบุญคุณกับเรามาก ยังไงแกก็ห้ามคิดใฝ่สูงเด็ดขาด”
“ครับแม่” ธารณ์ได้แต่ยิ้มเศร้า เรื่องของหัวใจมันห้ามไม่ได้จริงๆ แต่เขาก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในอกที่เหมือนรอวันระเบิดออกมา
“เอาเถอะๆ เพิ่งกลับจากโรงงานก็ไปอาบน้ำอาบท่าเสีย กินข้าวเย็นแล้วก็ไปช่วยรดน้ำต้นไม้ด้วย ต้นกุหลาบของคุณปันปันนะ อย่าลืมล่ะ”
“ครับแม่”
ธารณ์รับคำสั่งแล้วเอากระเป๋าของคุณฐากรูไปวางไว้ในห้องทำงานแล้วเดินออกมา ตำแหน่งหน้าที่ของเขาคือผู้จัดการโรงงานผลิตยาสมุนไพรที่กำลังเปิดในไม่ช้า แต่หน้าที่ของเขาแทบจะทำงานทุกอย่างตามที่คุณฐากรูสั่ง ความจริงเขาเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องทำงานกับตระกูลศุขไสยาศน์ก็ได้ ซึ่งคุณปู่ทองอินผู้ให้ทุนการศึกษาก็ไม่เคยบังคับเขา แต่เพราะมารดาสั่งให้เขาช่วยงานคุณฐากรู เพื่อตอบแทนบุญคุณและส่วนหนึ่งเขาก็เต็มใจเพราะได้อยู่ใกล้พรนับพัน ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่เขายังจำวันแรกที่พบพรนับพัน เธอยิ้มราวกับโลกไม่เคยมีเรื่องโหดร้ายใดๆ ชีวิตเขาที่ต้องปากกัดตีนถีบมาตลอด อดมื้อกินมื้อและยังมีพ่อขี้เมาทุบตีแม่กับเขาอยู่เสมอ ไม่เคยคิดว่าจะได้พบรอยยิ้มสดใสอย่างนี้มาก่อน เหมือนแสงแดดยามเช้าที่สาดแสงเข้ามาหลังพายุใหญ่จากไป นับตั้งแต่นั้น เขามักเฝ้ามองเธอเสมอ เธอเติบโตเหมือนดอกไม้ที่งดงาม พรนับพันเป็นผู้หญิงสวยเขาอาจไม่เคยเจอผู้หญิงมาเยอะแต่สำหรับเขาแล้วเธอสวยที่สุด มีเด็กหนุ่มๆมาจีบไม่น้อยแต่พรนับพันไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เธอยุ่งกับสวนสมุนไพรของคุณปู่ทองอิน เขาไม่อยากให้มือเรียวงามคู่นั้นต้องเปื้อนดินจึงต้องคอยช่วยเวลาที่เธออยากปลูกต้นไม้ต่างๆ
‘กุหลาบพวกนี้เราเอากลีบมาทำชาได้นะคะ’ พรนับพันในวัยสิบเจ็บบอกเขา ในวันที่เธอตั้งใจปลูกกุหลาบบริเวณหลังบ้าน ‘กุหลาบที่เราปลูกเองจะได้มั่นใจว่าไม่มีสารเคมีต้องค้าง ชากุหลาบ มีคุณสมบัติ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ในทางเดินอาหาร และลำไส้งช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ จึงมีส่วนช่วย บรรเทาอาการ ท้องผูก ท้องอืด บรรเทาอาการหวัดได้ด้วย และยัง...พี่ธารณ์ยิ้มแบบนี้คิดว่าปันปันเพี้ยนใช่ไหมคะ’
‘เปล่าครับ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น พี่แค่ฟังเพลินและไม่เคยรู้ว่ากุหลาบจะมีประโยชน์ขนาดนี้ คุณปันปันเก่งจังครับจำสรรพคุณของดอกไม้ได้’
‘ปันปันเป็นหลานปู่ทองอินหมอยาเลื่องชื่อนะคะ เรื่องแค่นี้ก็ต้องรู้อยู่แล้ว’ เธอยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก ‘คุณพ่อบอกว่าจะสานต่อความรู้ของคุณปู่ผลิตยาสมุนไพรให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปต่างประเทศ ปันปันก็จะไปเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์ค่ะ จะช่วยงานคุณพ่อ’
‘คุณปันปันต้องทำได้แน่นอนครับ’
‘ปันปันทำคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ พี่ธารณ์อยู่ช่วยปันปันด้วยกันนะคะ’
‘ครับ’
เขารู้ว่าเธอพูดแบบเด็กๆ ไม่ได้มีเจตนาจะหลอกให้เขาทำงานที่นี่ แต่เขาเต็มใจและอยากอยู่เคียงข้างเธอจนถึงวันที่ความฝันเป็นจริง
และเมื่อถึงวันนั้น เขาอาจเอื้อมมือคว้าเธอไว้ได้ เหมือนที่เขาประคองดอกกุหลาบดอกนี้ไว้ในมือ
..............